สวัสดีกันอีกครั้งนะคะ เพื่อนๆที่แวะเข้ามากระทู้นี้ อย่างน้อยต้องมีขาเที่ยวเกาหลี ติ่งเกาหลีไม่มากก็น้อย จากกระทู้แรกอิฉันได้พูดถึง
ก่อนการไปเที่ยวเกาหลีในปี 2565 หรือ 2022 ว่านักท่องเที่ยวอย่างเราๆต้องทำอะไรบ้าง  นั่นคือการแบ่งปันวิธีการลงทะเบียน K-ETA 
ด้วยตัวเองที่บ้าน ถ่ายรูปเอง ถ่ายหน้าพาสปอร์ตเอง ไม่ต้องไปเสียตังค์จ้างใคร ทุกคนมีมือถือ มีอีเมล์ ท่องโลกโซเชียลได้ ก็ไปเที่ยว
เองได้แล้วค่ะ ขอให้อ่านให้เข้าใจครบถ้วนกระบวนความ 

และในกระทู้แรกยังได้แบ่งปันการเช็คอิน City Check in ที่ City Airport Terminal Seoul Station สำหรับผู้ที่มีไฟล์ทขากลับเป็นไฟล์ท
เย็น – ค่ำ เราสามารถเช็คอินโหลดกระเป๋า, ผ่านตม.แล้วเดินตัวปลิวออกไปเที่ยวได้ ก่อนจะกลับมานั่งรถไฟ Arex ไปสนามบินโดยไม่ต้อง
ผ่านพิธีการอื่นๆอีกแล้วสามารถเข้าประตูของ Crew ได้เลย ท่านใดที่สนใจแต่ยังไม่ได้อ่านกลับอ่านกันได้นะคะ
https://pantip.com/topic/41714834



ในกระทู้แรกมีเวลาเที่ยวจริงๆแค่ครึ่งวันแต่ก็ยังได้เที่ยวอย่างเต็มที่ แต่ขนาดเดินแค่ครึ่งวัน รองเท้าที่มันพอดีเท้าแถมใส่ถุงเท้าอีก ทำให้
หัวแม่โป้งเท้าทั้งสองข้างเริ่มระบมและเขียว กลางคืนต้องแช่น้ำร้อนโปะยาหม่องหมอเขียวใส่ถุงเท้านอน การเที่ยวเองบางครั้งเราก็เดิน
จนเพลิน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนถึงโรงแรมถอดรองเท้าออกมาสำรวจความเสียหายของหัวแม่โป้ง คิดว่าคงต้องหารองเท้าใหญ่กว่านี้ สบาย
กว่านี้นี่ขนาดรองเท้าเพื่อสุขภาพแบรนด์ญี่ปุ่นราคาก็ไม่ใช่น้อยนะคะ 

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมทริปโตเกียว อยากสวยใส่รองเท้าบูธหนัง เดินได้วันเดียวรองเท้ากัด ต้องเดินระหกระเหินหาร้านขายรองเท้าที่
เกือบจะปิดแล้ว เพราะมันไม่สามารถจะก้าวเดินได้ต่อไปอีก เชียงใหม่บ้านอิฉันเรียกว่า เกิบขบตี๋นค่ะ มันเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าอกหัก 
เพราะไม่สามารถจะก้าวไปไหนได้อีกแล้ว 


เช้าวันที่สององการเดินทาง 14 ตุลาคม 2022 แผนเดิมคือจะนั่งรถไฟไปเกาะนามิชมใบไม้เปลี่ยนสีทั้งวัน แต่ดูในพยากรณ์แล้วใบไม้ยังไม่
เปลี่ยนสีเลยต้องยกเลิก แต่มีแผนสองไว้คือไปเดินเที่ยวฮงแด แล้วไปเดินชมมหาวิทยาลัย Hongik และ Yonsei ที่เขาว่ามีตึกโบราณสวยๆ
ถ้าโชคดีก็จะเจอใบไม้เปลี่ยนสีด้วย จากนั้นยามเย็นจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ Nodeul Island เกาะเล็กๆที่อยู่กึ่งกลางแม่น้ำฮัน ตรงสะพาน
Hangang ในเขต Yongsan 

เช้านี้คิดว่าอาหารเช้าจะไปกินที่ฮงแด ทริปนี้ส่วนใหญ่จะเดินตรงทะลุถนนสายช็อปปิ้งเมียงดงมาขึ้นรถไฟสายเขียวที่ สถานี Euljiro 1(il)ga  
ถ้าจะไปฮง-็นั่งต่อเดียว 6 ป้าย แต่ถ้านั่งสายฟ้าเมียงดงต้องไปต่อรถสายเขียวอีก เสียเวลา ดังนั้นเวลาเราจะไปไหน เปิด App Subway 
ใส่ต้นทางปลายทาง App ก็จะบอกเราเอง แต่อาศัยว่าคุ้นเคยกับย่านนี้ เลยไม่ต้องเปิดแอป เปิดแผนที่แล้วเขียนย่อๆในกระดาษว่าวันนี้จะ
ไปไหนไปยังไงก็พอ ใครๆก็บอกชอบฮงแดมากกว่าเมียงดง ส่วนมากเป็นวัยรุ่น อิฉันมาเกาหลีก็หลายครั้ง แต่ยังมาไม่ถึงฮงแดที่เขาว่าเป็น
แหล่งรวมวัยรุ่น แฟชั่น ร้านกาแฟซักที 

นั่งรถสายเขียวจาก Euljiro 1(il) ga มา 6 ป้าย ลงที่  Hongik University ออก Exit9 พอมาถึงก็ไม่รู้ว่าจะมาเช้าเกินไปหรือเปล่า ทำไมมัน
เงียบไม่ค่อยมีคน ร้านรวงก็ยังไม่เปิด ก็คิดว่าเดินไปชมมหาวิทยาลัย Hongik University ก่อนดีกว่า ก็เดินตามเด็กๆนักศึกษาไป ยิ่งเดินขึ้น
เนินไปถึงมหาวิทยาลัย ก็เริ่มปวดหัวแม่โป้งจนจะเริ่มทนเดินไม่ไหว ในมหาลัยก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็เลยเดินกลับมา กะจะหาร้านอาหารเช้า
กินอร่อยๆ แล้วค่อยหาร้านรองเท้า สอยรองเท้าที่เดินสบายๆซักคู่ เพราะเท้ามันระบมจนไม่สามารถจะก้าวเดินได้อีกต่อไป เดินกลับออกมา
ที่ถนนใหญ่เดินๆดูมองหาร้านอาหาร และร้านขายรองเท้า ก็ยังไม่เปิด จะให้ไปยืนรอคิวที่ Egg Drop ดูเมนูแล้วก็ไม่ได้อยากกินแถมคิวก็ยาว



ในที่สุดขอพักเท้าด้วยการมาลงเอยที่สตาร์บัคส์ แบบไม่เต็มใจที่จะนั่งดื่มกาแฟกับขนมปังใส้ชีสหนาๆ แต่มันก็เป็นร้านเดียวที่เปิดเช้าๆแบบนี้
อยากกินโจ๊กเกาหลีร้อนๆส่วนมากร้านจะเปิดสายสิบโมง สิบเอ็ดโมง และต้องนั่งรอร้านขายรองเท้าที่อยู่ข้างๆจะเปิดตอน 11 โมง
นักเดินทางมาตกม้าตายกับรองเท้าเป็นครั้งที่สองแล้ว ทริปนี้ไม่ได้เอารองเท้าสำรองมาเผื่อ เพราะกะจะซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าเลยไม่แบกมา
ให้เปลืองเนื้อที่กระเป๋า 
 
พอสิบเอ็ดโมงรีบไปสอยรองเท้าได้รองเท้า Skechers Skech-air Dynamight เดินสบายๆมาช่วยชีวิตหัวแม่โป้งอันเขียวช้ำ ทั้งสองข้างสนน
ราคารุ่นนี้ถ้าซื้อเมืองไทยราคาที่เซ็นทรัล 2490 บาท แต่ที่นี่ก็ประมาณ 1700 บาท ได้เกิบใหม่หรือรองเท้าใหม่ดีใจยิ่งกว่าเด็กนักเรียนวันเปิด
เทอมซะอีก รีบเปลี่ยนเกิบกล่องเกิ่งไม่เอา แบกรองเท้าคู่เก่าใส่เป้ วันนี้จะแบกเกิบใส่เป้เดินเท่เที่ยวโซลละกันนะ เมื่อวานใช้งานมายังไม่ค่อย
คุ้มเลย