3กลุ่มจ่อชุมนุม กทม.เปิด‘ลานคนเมือง’รับ ‘ชัชชาติ’เตือนอย่าลงถนนป่วนเอเปก
วันจันทร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 13.09 น.
3กลุ่มจ่อชุมนุม กทม.เปิด‘ลานคนเมือง’รับ ‘ชัชชาติ’เตือนอย่าลงถนนป่วนเอเปก
14 พฤศจิกายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก และการประชุมที่เกี่ยวข้องในส่วนที่กรุงเทพมหานครรับผิดชอบ ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องประชุมชั้น 6 สำนักการโยธา ว่า ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาได้ดำเนินการเสร็จเกือบทั้งหมดแล้ว การประดับตกแต่งต้นไม้ครบถ้วน ป้ายต้อนรับผู้นำที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเรียบร้อย มีการประดับธงเอเปกทั้งถนนและทางด่วน ถนนเส้นทางต่างๆ ปรับปรุงขีดสีตีเส้นครบทั้งหมด ตลอดจนดูแลทางเท้า เพิ่มไฟส่องสว่าง และดูแลเส้นทางให้เป็นระเบียบไม่รกรุงรัง รวมถึงหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเข้าประจำจุดต่างๆ ตามโรงแรมที่พักผู้นำ และทำตามแผนเรื่องความปลอดภัยด้านสาธารณสุขในพื้นที่ สำหรับสวนเบญจกิติ เริ่มปิดสวนแล้ววันนี้ไปจนถึงวันที่ 20 พ.ย. จึงจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปใช้ได้
“ภาพรวม กทม.มีความพร้อมในการร่วมมือกับรัฐบาลในการจัดประชุมเอเปก เหลือในส่วนที่พวกเรากังวลกันในเรื่องพื้นที่ชุมนุม ซึ่งได้มีการหารือกับตำรวจต่อเนื่อง ต้องการให้จัดพื้นที่ชุมนุมเป็นสัดส่วน เพื่อไม่ให้ไปกีดขวางเส้นทางหรือไปอยู่ในพื้นที่ที่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย เราจะเปิดลานคนเมืองเป็นพื้นที่ชุมนุมแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นธรรมดาที่จะมีคนเห็นต่างบ้าง ขอประชาชนอย่ากังวล ตอนนี้มี 3 กลุ่มที่ขอเข้ามาจัดระหว่างวันที่ 16-18 นี้ ก็ได้ขอร้องไม่ให้มีการเคลื่อนตัวออกมาที่ถนน ให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ และประสานฝ่ายตำรวจเข้ามาดูแล ก็ขอร้องพวกเราที่จะมาให้มาแสดงความเห็นอย่างสงบ เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบที่ตกลงกัน เราเตรียมพื้นที่ให้ ก็ขอให้ร่วมมือกัน” นายชัชชาติ กล่าว
ว่าฯกทม. กล่าวอีกว่า กทม.ได้เปิดวอร์รูม (War Room) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) เป็นศูนย์รวมประสานงานด้านต่างๆ และจะหาพื้นที่ตั้งศูนย์ฯ อีกจุดในเขตคลองเตยใกล้ๆบริเวณจัดประชุม ซึ่งตนจะไปประจำอยู่ด้วย ด้านเจ้าหน้าที่ของกทม. ก็ได้ย้ำให้ดูแลความสะอาดเรียบร้อยของเมือง รวมถึงเป็นหูเป็นตาช่วยกันระวัง เพราะอาจมีเหตุที่เราคาดไม่ถึงได้ นอกจากนี้ได้เน้นย้ำเรื่องการระบายน้ำ แม้จะพ้นช่วงฤดูฝนไปแล้วแต่มีการคาดการณ์จะมีฝนตก 60% ในช่วง 2-3 วันนี้ ก็ได้เตรียมพร้อมโดยได้ทำความสะอาดท่อระบายน้ำในจุดยุทธศาสตร์ไว้หมดแล้ว ขอฝากประชาชนติดตามข่าวสาร อาจจะไม่สะดวกสบายในการเดินทาง ที่จะมีการปิดถนนบางเส้นทางให้ขบวนผู้นำผ่าน ซึ่งเป็นเรื่องของการดูแลความปลอดภัย หากสามารถ Work From Home ได้ก็ทำ
https://www.naewna.com/politic/691978
สิ้นคิด! ‘มัลลิกา’จวก‘กลุ่มต้านเอเปค’ หาแสงบนความเสียหายชาติ
วันจันทร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565,

มัลลิกา"จวกสิ้นคิด! "กลุ่มต้านเอเปค"หาแสงบนความเสียหายชาติ ไร้มารยาท-ขาดความรู้เท่าทัน-ขาดกาลเทศะ เตือน! อย่าคิดทำเหมือนกลุ่มทุบการประชุมรุ่นก่อน
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค 2022 หรือการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเราประชุมมาตลอดทั้งปี พ.ศ.2565 ในนามรัฐมนตรีเอเปค แต่สำหรับช่วงสุดยอดผู้นำเอเปคจะเกิดขึ้น 18 - 19 พ.ย.2565 นี้นั้นเป็นบทสรุปที่สำคัญที่สุดแล้ว เพราะเป็นการประชุมผู้นำเอเปคที่ประเทศเราก็มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ ส่วนประเทศไทยของเราก็เป็นเจ้าภาพและเราเคยเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2535 และ 2546 เท่านั้น
"ช่วงเวลาแบบนี้เราควรจะเว้นไว้ซึ่งความคิดทางการเมือง อคติทางการเมืองหรือความไม่พอใจผู้นำทางการเมือง แต่เราควรจะทำตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกัน เพราะนี่คือมารยาทและกาลเทศะ ประเทศเราไม่ได้มีโอกาสบ่อยในการเป็นเจ้าภาพระดับโลกเช่นนี้ สถานการณ์โลกยิ่งมีความขัดแย้งและปัญหา เราควรจะทำตัวให้น่ารักน่าชื่นชม เป็นเจ้าบ้านเป็นเจ้าภาพที่ดี อะไรที่จะทำให้ประเทศเสียหายก็ไม่ควรทำ โดยเฉพาะความรุนแรงทั้งปวง" นางมัลลิกา กล่าว
นางมัลลิกา กล่าวว่า ประโยชน์ของการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ในมิติที่เป็นประโยชน์ที่สุดคือ การค้า เพราะเป็นการหารายได้เข้าประเทศ และโดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เราก็นำรายได้เข้าประเทศเป็นขาหลักโดยการส่งออกนั่นเอง และใน 21 เขตเศรษฐกิจ เขาต่างมีความมุ่งมั่นผลักดันและกำหนดทิศทางผ่านการแสดงวิสัยทัศน์และมุมมองที่หลากหลายในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน รวมทั้งการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตามหัวข้อหลักของการประชุมเอเปคประจำปี 2022 ที่ประเทศไทยกำหนดขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ "เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์เชื่อมโยงกันสู่สมดุล" หรือ "Open. Connect. Balance"
นางมัลลิกา กล่าวว่า อย่างผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานนั้น มีความได้เปรียบและคืบหน้ามาก จะรวมอยู่ในรายงานในการประชุมสุดยอดผู้นำที่กำลังจะมาถึง และถือว่าทางด้านเศรษฐกิจการค้านั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาก่อนหน้านี้ และยอมรับว่าถ้าไม่มีสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อาจจะวัดผลยากแต่ต้องยอมรับด้วยว่าสถานการณ์วิกฤตสร้างวีรบุรุษด้วยผลงานกระทรวงพาณิชย์ที่ขยายการค้าไปทั่วโลก ทั้งตลาดดั้งเดิม ตลาดเก่า ตลาดใหม่ โดยการนำของนายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นางมัลลิกา กล่าวอีกว่า เราได้โอกาสเปิดกว้างและเปิดเสรีทางการค้ากับคนมากว่าครึ่งค่อนโลก และผลรูปธรรมคือ ทุกประเทศทุกเขตเศรษฐกิจเห็นร่วมกันทางการค้าคือจะนำเอเปค ไปสู่การจัดทำ FTAAP หรือ Free Trade Area of the Asia-Pacific ให้เกิดขึ้นในอนาคต จากนั้นเราจะเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของบุคคลหรือสินค้าและบริการและได้มีการตั้งคณะทำงานที่เรียกว่า APEC Safe Passage Task Force เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปให้เกิดผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น เรายังมุ่งเน้นการสร้างสมดุลในด้านสิ่งแวดล้อม ด้านพลังงานและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทุกระดับตั้งแต่คนตัวใหญ่จนกระทั่งถึงคนตัวเล็ก ในระดับ SMEs และMicro-SMEs แรงงาน ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง สตรีและอื่นๆ
"อันนี้กล่าวถึงเพียงด้านเดียวคือด้านการค้าและเศรษฐกิจการพาณิชย์บางส่วนแต่ว่ายังมีด้านอื่นๆที่มีทั้งมิติด้านความมั่นคง สังคม การเมือง ทรัพยากร มากมาย ล้วนเป็นเรื่องระดับโลก การที่เราจะชุมนุมแสดงความคิดเห็นอาจจะเป็นสิทธิ์ แต่มันมีขอบเขตตรง กติกา-มารยาท-กฎหมาย ถ้าเราอยู่ภายใต้สิ่งเหล่านี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่ถ้าคิดและทำมากกว่านี้ อันนี้ไม่น่าจะมีใครยอมเพราะประเทศชาติสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด การที่ใครจะหาแสง หิวแสง แล้วทำการรุนแรงใดๆ รอบที่พักและสถานที่ประชุม ต่อต้านการประชุมเวทีนี้ด้วยอคติ และต้องการแสดงต้วต่อใครก็ตาม ล้วนเป็นการทำบนความเสียหายของชาติ ไร้มารยาท ขาดความรู้เท่าทัน ขาดกาลเทศะ และถ้าคิดจะทุบการประชุมเหมือนกลุ่มเก่ารุ่นก่อนก็สิ้นคิดมาก" นางมัลลิกา กล่าว
https://www.naewna.com/politic/691952
ดิฉันไม่เชื่อว่าชัชชาติจะเอาอยู่ม็อบ จะต้องมีพวกหาวิธีป่วนจนได้ พวกสิ้นคิดนี้ไม่มีใครฟังชัชชาติหรอกค่ะ
แต่ฉันเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาอยู่ได้แน่นอน เพราะเห็นการเตรียมรับมือทุกวิถีทาง
เอาใจช่วยตำรวจค่ะ
💛มาลาริน💛ไม่เชื่อชัชาติเอาอยู่ม็อบ...3กลุ่มจ่อชุมนุม กทม.เปิด‘ลานคนเมือง’รับ ‘ชัชชาติ’เตือนอย่าลงถนนป่วนเอเปก
วันจันทร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 13.09 น.
14 พฤศจิกายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก และการประชุมที่เกี่ยวข้องในส่วนที่กรุงเทพมหานครรับผิดชอบ ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องประชุมชั้น 6 สำนักการโยธา ว่า ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาได้ดำเนินการเสร็จเกือบทั้งหมดแล้ว การประดับตกแต่งต้นไม้ครบถ้วน ป้ายต้อนรับผู้นำที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเรียบร้อย มีการประดับธงเอเปกทั้งถนนและทางด่วน ถนนเส้นทางต่างๆ ปรับปรุงขีดสีตีเส้นครบทั้งหมด ตลอดจนดูแลทางเท้า เพิ่มไฟส่องสว่าง และดูแลเส้นทางให้เป็นระเบียบไม่รกรุงรัง รวมถึงหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเข้าประจำจุดต่างๆ ตามโรงแรมที่พักผู้นำ และทำตามแผนเรื่องความปลอดภัยด้านสาธารณสุขในพื้นที่ สำหรับสวนเบญจกิติ เริ่มปิดสวนแล้ววันนี้ไปจนถึงวันที่ 20 พ.ย. จึงจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปใช้ได้
“ภาพรวม กทม.มีความพร้อมในการร่วมมือกับรัฐบาลในการจัดประชุมเอเปก เหลือในส่วนที่พวกเรากังวลกันในเรื่องพื้นที่ชุมนุม ซึ่งได้มีการหารือกับตำรวจต่อเนื่อง ต้องการให้จัดพื้นที่ชุมนุมเป็นสัดส่วน เพื่อไม่ให้ไปกีดขวางเส้นทางหรือไปอยู่ในพื้นที่ที่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย เราจะเปิดลานคนเมืองเป็นพื้นที่ชุมนุมแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นธรรมดาที่จะมีคนเห็นต่างบ้าง ขอประชาชนอย่ากังวล ตอนนี้มี 3 กลุ่มที่ขอเข้ามาจัดระหว่างวันที่ 16-18 นี้ ก็ได้ขอร้องไม่ให้มีการเคลื่อนตัวออกมาที่ถนน ให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ และประสานฝ่ายตำรวจเข้ามาดูแล ก็ขอร้องพวกเราที่จะมาให้มาแสดงความเห็นอย่างสงบ เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบที่ตกลงกัน เราเตรียมพื้นที่ให้ ก็ขอให้ร่วมมือกัน” นายชัชชาติ กล่าว
ว่าฯกทม. กล่าวอีกว่า กทม.ได้เปิดวอร์รูม (War Room) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) เป็นศูนย์รวมประสานงานด้านต่างๆ และจะหาพื้นที่ตั้งศูนย์ฯ อีกจุดในเขตคลองเตยใกล้ๆบริเวณจัดประชุม ซึ่งตนจะไปประจำอยู่ด้วย ด้านเจ้าหน้าที่ของกทม. ก็ได้ย้ำให้ดูแลความสะอาดเรียบร้อยของเมือง รวมถึงเป็นหูเป็นตาช่วยกันระวัง เพราะอาจมีเหตุที่เราคาดไม่ถึงได้ นอกจากนี้ได้เน้นย้ำเรื่องการระบายน้ำ แม้จะพ้นช่วงฤดูฝนไปแล้วแต่มีการคาดการณ์จะมีฝนตก 60% ในช่วง 2-3 วันนี้ ก็ได้เตรียมพร้อมโดยได้ทำความสะอาดท่อระบายน้ำในจุดยุทธศาสตร์ไว้หมดแล้ว ขอฝากประชาชนติดตามข่าวสาร อาจจะไม่สะดวกสบายในการเดินทาง ที่จะมีการปิดถนนบางเส้นทางให้ขบวนผู้นำผ่าน ซึ่งเป็นเรื่องของการดูแลความปลอดภัย หากสามารถ Work From Home ได้ก็ทำ
https://www.naewna.com/politic/691978
สิ้นคิด! ‘มัลลิกา’จวก‘กลุ่มต้านเอเปค’ หาแสงบนความเสียหายชาติ
วันจันทร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565,
มัลลิกา"จวกสิ้นคิด! "กลุ่มต้านเอเปค"หาแสงบนความเสียหายชาติ ไร้มารยาท-ขาดความรู้เท่าทัน-ขาดกาลเทศะ เตือน! อย่าคิดทำเหมือนกลุ่มทุบการประชุมรุ่นก่อน
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค 2022 หรือการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเราประชุมมาตลอดทั้งปี พ.ศ.2565 ในนามรัฐมนตรีเอเปค แต่สำหรับช่วงสุดยอดผู้นำเอเปคจะเกิดขึ้น 18 - 19 พ.ย.2565 นี้นั้นเป็นบทสรุปที่สำคัญที่สุดแล้ว เพราะเป็นการประชุมผู้นำเอเปคที่ประเทศเราก็มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ ส่วนประเทศไทยของเราก็เป็นเจ้าภาพและเราเคยเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2535 และ 2546 เท่านั้น
"ช่วงเวลาแบบนี้เราควรจะเว้นไว้ซึ่งความคิดทางการเมือง อคติทางการเมืองหรือความไม่พอใจผู้นำทางการเมือง แต่เราควรจะทำตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกัน เพราะนี่คือมารยาทและกาลเทศะ ประเทศเราไม่ได้มีโอกาสบ่อยในการเป็นเจ้าภาพระดับโลกเช่นนี้ สถานการณ์โลกยิ่งมีความขัดแย้งและปัญหา เราควรจะทำตัวให้น่ารักน่าชื่นชม เป็นเจ้าบ้านเป็นเจ้าภาพที่ดี อะไรที่จะทำให้ประเทศเสียหายก็ไม่ควรทำ โดยเฉพาะความรุนแรงทั้งปวง" นางมัลลิกา กล่าว
นางมัลลิกา กล่าวว่า ประโยชน์ของการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ในมิติที่เป็นประโยชน์ที่สุดคือ การค้า เพราะเป็นการหารายได้เข้าประเทศ และโดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เราก็นำรายได้เข้าประเทศเป็นขาหลักโดยการส่งออกนั่นเอง และใน 21 เขตเศรษฐกิจ เขาต่างมีความมุ่งมั่นผลักดันและกำหนดทิศทางผ่านการแสดงวิสัยทัศน์และมุมมองที่หลากหลายในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน รวมทั้งการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตามหัวข้อหลักของการประชุมเอเปคประจำปี 2022 ที่ประเทศไทยกำหนดขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ "เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์เชื่อมโยงกันสู่สมดุล" หรือ "Open. Connect. Balance"
นางมัลลิกา กล่าวว่า อย่างผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานนั้น มีความได้เปรียบและคืบหน้ามาก จะรวมอยู่ในรายงานในการประชุมสุดยอดผู้นำที่กำลังจะมาถึง และถือว่าทางด้านเศรษฐกิจการค้านั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาก่อนหน้านี้ และยอมรับว่าถ้าไม่มีสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อาจจะวัดผลยากแต่ต้องยอมรับด้วยว่าสถานการณ์วิกฤตสร้างวีรบุรุษด้วยผลงานกระทรวงพาณิชย์ที่ขยายการค้าไปทั่วโลก ทั้งตลาดดั้งเดิม ตลาดเก่า ตลาดใหม่ โดยการนำของนายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นางมัลลิกา กล่าวอีกว่า เราได้โอกาสเปิดกว้างและเปิดเสรีทางการค้ากับคนมากว่าครึ่งค่อนโลก และผลรูปธรรมคือ ทุกประเทศทุกเขตเศรษฐกิจเห็นร่วมกันทางการค้าคือจะนำเอเปค ไปสู่การจัดทำ FTAAP หรือ Free Trade Area of the Asia-Pacific ให้เกิดขึ้นในอนาคต จากนั้นเราจะเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของบุคคลหรือสินค้าและบริการและได้มีการตั้งคณะทำงานที่เรียกว่า APEC Safe Passage Task Force เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปให้เกิดผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น เรายังมุ่งเน้นการสร้างสมดุลในด้านสิ่งแวดล้อม ด้านพลังงานและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทุกระดับตั้งแต่คนตัวใหญ่จนกระทั่งถึงคนตัวเล็ก ในระดับ SMEs และMicro-SMEs แรงงาน ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง สตรีและอื่นๆ
"อันนี้กล่าวถึงเพียงด้านเดียวคือด้านการค้าและเศรษฐกิจการพาณิชย์บางส่วนแต่ว่ายังมีด้านอื่นๆที่มีทั้งมิติด้านความมั่นคง สังคม การเมือง ทรัพยากร มากมาย ล้วนเป็นเรื่องระดับโลก การที่เราจะชุมนุมแสดงความคิดเห็นอาจจะเป็นสิทธิ์ แต่มันมีขอบเขตตรง กติกา-มารยาท-กฎหมาย ถ้าเราอยู่ภายใต้สิ่งเหล่านี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่ถ้าคิดและทำมากกว่านี้ อันนี้ไม่น่าจะมีใครยอมเพราะประเทศชาติสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด การที่ใครจะหาแสง หิวแสง แล้วทำการรุนแรงใดๆ รอบที่พักและสถานที่ประชุม ต่อต้านการประชุมเวทีนี้ด้วยอคติ และต้องการแสดงต้วต่อใครก็ตาม ล้วนเป็นการทำบนความเสียหายของชาติ ไร้มารยาท ขาดความรู้เท่าทัน ขาดกาลเทศะ และถ้าคิดจะทุบการประชุมเหมือนกลุ่มเก่ารุ่นก่อนก็สิ้นคิดมาก" นางมัลลิกา กล่าว
https://www.naewna.com/politic/691952
ดิฉันไม่เชื่อว่าชัชชาติจะเอาอยู่ม็อบ จะต้องมีพวกหาวิธีป่วนจนได้ พวกสิ้นคิดนี้ไม่มีใครฟังชัชชาติหรอกค่ะ
แต่ฉันเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาอยู่ได้แน่นอน เพราะเห็นการเตรียมรับมือทุกวิถีทาง
เอาใจช่วยตำรวจค่ะ