เนื่องจากดิฉันได้อ่านข่าวที่มีหญิงสาวเข้าแจ้งความเรื่องโดนพนักงานคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งนำเอกสารส่วนตัวไปสมัครสินเชื่อเพื่อซื้อคอร์สความงาม ดิฉันเห็นรูปเอกสารการขายที่สำนักข่าวลงภาพแบบเบลอแล้วแต่ยังไงดิฉันก็มั่นใจว่าต้องเป็นที่ที่เดียวกับที่ดิฉันโดนค่ะ เลยอยากนำเรื่องราวที่ได้พบเจอ มาบอกเล่าให้ทุกคนได้รับรู้ ไว้เป็นข้อมูลต่อการตัดสินใจซื้อคอร์สเสริมความงามหรือเลือกเข้าใช้บริการคลินิกดูแลผิวในอนาคตค่ะ
เริ่มต้นเลยดิฉันได้ไปเดินซื้อของที่ห้าง R เจอบูธเสริมความงามที่อยู่ตามห้างปกติที่เคยเจอทั่วไป ซึ่งพนักงานท่านหนึ่งมีการยื่นเป็น Gift Voucher มาให้ค่ะ บอกให้ช่วยรับหน่อยโดยอ้างเหตุผลต่างๆ เราก็ช่วยรับไว้แต่พอรับมันไม่จบ พนักงานได้มีการเชิญให้เข้าไปช่วยลงชื่อซึ่งเราก็ใจอ่อนช่วยลงให้ เพราะพนง. แจ้งว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเพื่อเป็นการเพิ่มคะแนนให้พนง.ในการทำงานเท่านั้น พนง.เริ่มชวนคุยซักชื่อ ประวัติส่วนตัวของเราค่ะ จนไปถึงขอเช็คแอพธนาคารว่าเรามีแต้มคะแนนเท่าไหร่ ลงท้ายด้วยเลข X หรือ N ไหม เผื่อจะนำไปแลกเป็นทรีตเม้นท์ทำหน้าฟรีหรือส่วนลดในการซื้อคอร์สได้ เราเริ่มปฏิเสธค่ะ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาใช้บริการอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และเราพลาดเองที่ให้ทางพนง.เข้าดูแอพส่วนตัวของเราทำให้เขารู้ยอดเงินในบัญชีของเรา(ซึ่งมาเอะใจ มาประติดประต่อเรื่องได้ภายหลัง) จากนั้นก็มีพนง.อีกท่านเข้ามานั่งแทน และเริ่มอธิบายพาเข้าเครื่องตรวจสภาพผิวหน้าแบบงงๆ จนไปถึงคุยรายละเอียดคอร์สต่างๆที่ผิวเราควรทำ ณ ตอนนั้นบอกตามตรงค่ะ เชื่อและไว้ใจพนง.ที่ตรวจสภาพผิวหน้าให้ เพราะคิดว่าเขาคงได้รับการฝึกอบรมจากบริษัทมาหรือใดๆก็แล้วแต่ (ซึ่งมันไม่ใช่แบบที่เราคิดเลย เป็นใครที่ไม่มีความรู้เรื่องผิวมาติติงผิวเราหรือให้ความรู้เราแบบผิดๆ) จบไปที่ซื้อคอร์สแรก 15,000 บาท ที่บูธ จนพนง.ชวนเราขึ้นไปใช้บริการทรีตเม้นท์ด้านบนคลินิก (คลินิกอยู่ชั้น 2 ของห้าง) เราเข้าห้องไปทำค่ะ พนง.ก็เข้ามาตื้อเรา เริ่มขายคอร์สให้เราเพิ่มจาก 15,000 อัพเป็น 50,000 บอกว่าจะได้เป็น VIP ได้ทำราคาที่ถูกกว่า บอกตามตรงตอนนั้นเราอยากลองค่ะ ไม่ได้ติดเรื่องค่าใช้จ่าย ผ่านไป 4-5 เดือน ที่เราเข้ามาใช้บริการ จะโดนเข้ามาขายคอร์สทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้งที่เข้ามาจริงๆ จนเราไม่ไหวและได้พูดกับพนง.ไปตามตรง ว่าเราไม่ชอบวิธีการขายของคุณแบบนี้เราอยากนอนทำทรีตเม่นท์แบบผ่อนคลายอย่างที่ควรจะเป็น แบบไม่มีการซื้อขายเพิ่มเติม พนง.ก็หน้าเจือนๆแล้วเดินออกจากห้องไปค่ะ จนเราทำเสร็จ ก็มีลูกค้าท่านอื่นรอทำหน้าอยู่ เขาก็ได้ชวนเราคุยนั่นนี้ในระหว่างรอคิว ว่าเขารอดริปผิว มาทำได้ครั้งที่ 2 แล้ว ก็คุยกันตามปกติค่ะ จนเราช็อคมากตามที่พนง.ทำทรีตเม้นท์มาตามลูกค้าท่านนั้นเข้าห้องไปทำ แล้วพนง.หน้าเคาน์เตอร์ลุกเข้าห้องตามไป ซึ่งเรามารู้ว่าเขาเข้าไปเปิดเส้นให้ลูกค้าท่านนั้นเอง โดยที่คุณหมอไม่สามารถเปิดได้ (เราได้ยินพนง.คุยกัน ก็คือน้องคนที่เปิดเส้นเป็นคนพูดเอง เราได้ยินกับหู) มันทำให้เราช็อคมากค่ะ ว่าให้คนทั่วไปที่ไม่ได้จบแพทย์หรือพยาบาลมา สามารถทำการเปิดเส้นลูกค้าในกรณีแบบนี้ได้ปกติไหม? หรือเราใหม่ในวงการคลินิกคะ เราเริ่มรู้สึกไม่โอเค เริ่มไม่ไว้ใจและไม่เชื่อถือคลินิกค่ะ จนไปหาข้อมูลต่างๆ โดยการสอบถามเพื่อน คนรู้จัก ที่ใช้บริการคลินิกนี้เหมือนกัน ซึ่งดิฉันค้นพบว่า
1.ราคาคอร์สที่เราซื้อถึงใบเสร็จจะเป็นชื่อโปรเดียวกัน ทรีตเม้นท์เดียวกันแต่ราคาของพวกเราต่างกันมากค่ะ บางคนไม่ใช่หลักพัน แต่เป็นหลักหมื่น
2.ทุกคนจะโดนโน้มน้าวให้ทำทรีตเม้นท์ก่อนจึงจะเริ่มทำคอร์สอื่นๆของทางคลินิกได้ เช่นต้องบำรุงผิวให้ผิวแข็งแรงด้วยทรีตเม้นท์ก่อน จึงจะสามารถ ทำเลเซอร์ได้ ซึ่งลูกค้าบางท่านอยากเข้ามาแค่ทำเรื่องฝ้าอย่างเดียว พนง.ก็ให้ซื้อคอร์สทรีตเม้นท์ก่อน ถึงจะขายตัวเลเซอร์ให้
3.โดนเข้าขายขณะเข้าทำทรีตเม้นท์ทุกคน (จะโดนหนักมาในเคสที่มีเงินในบัญชีสูงและมีบัตรเครดิต)
4.ไม่ได้รับการประเมินผิวจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นเพียงพนง.ขายที่นำชุดกาวน์แพทย์มาใส่เท่านั้น (เข้าข่ายหลอกลวงซึ่งเราก็มารู้ตัวทีหลังและเสียความรู้สึกมาก)
5.การใช้เครื่องเลเซอร์หรือทำทรีตเม้นท์ต่างๆไม่ได้จัดโดยผู้เชี่ยวชาญแต่เป็นเซลล์ บางคนเพิ่งเริ่มทำงาน 1-2 วัน และไม่มีความรู้เรื่องผิวเลย
สุดท้ายนี้ เราอยากจะฝากเตือนเพื่อนๆไม่ใช่ว่าเรามีเงินเพียงอย่างเดียวถึงจะดูดีได้ เราต้องเลือกคลินิกที่ดี มีมาตรฐาน (จริงๆ) ด้วยค่ะ ส่วนตัวจะไปใช้คอร์สให้จบๆ และจะไม่ซื้อบริการใดๆจากคลินิกนี้อีก อยากสอบถามเพื่อนๆสมาชิกมีใครเคยเจอกรณีแบบนี้ แล้วเสียรู้ให้เซลล์กันไปเท่าไหร่แล้วคะ
* *ต้องยอมรับค่ะ ว่าเขาทำงานกันเป็นทีมและหลอกเราได้จริงๆ อยากฝากกรณีของเราไว้ เพื่อไม่ให้ใครต้องมาเจอประสบการณ์ไม่ดีแบบเราค่ะ**
เตือนสติซื้อคอร์สคลินิกหรู?
เริ่มต้นเลยดิฉันได้ไปเดินซื้อของที่ห้าง R เจอบูธเสริมความงามที่อยู่ตามห้างปกติที่เคยเจอทั่วไป ซึ่งพนักงานท่านหนึ่งมีการยื่นเป็น Gift Voucher มาให้ค่ะ บอกให้ช่วยรับหน่อยโดยอ้างเหตุผลต่างๆ เราก็ช่วยรับไว้แต่พอรับมันไม่จบ พนักงานได้มีการเชิญให้เข้าไปช่วยลงชื่อซึ่งเราก็ใจอ่อนช่วยลงให้ เพราะพนง. แจ้งว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเพื่อเป็นการเพิ่มคะแนนให้พนง.ในการทำงานเท่านั้น พนง.เริ่มชวนคุยซักชื่อ ประวัติส่วนตัวของเราค่ะ จนไปถึงขอเช็คแอพธนาคารว่าเรามีแต้มคะแนนเท่าไหร่ ลงท้ายด้วยเลข X หรือ N ไหม เผื่อจะนำไปแลกเป็นทรีตเม้นท์ทำหน้าฟรีหรือส่วนลดในการซื้อคอร์สได้ เราเริ่มปฏิเสธค่ะ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาใช้บริการอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และเราพลาดเองที่ให้ทางพนง.เข้าดูแอพส่วนตัวของเราทำให้เขารู้ยอดเงินในบัญชีของเรา(ซึ่งมาเอะใจ มาประติดประต่อเรื่องได้ภายหลัง) จากนั้นก็มีพนง.อีกท่านเข้ามานั่งแทน และเริ่มอธิบายพาเข้าเครื่องตรวจสภาพผิวหน้าแบบงงๆ จนไปถึงคุยรายละเอียดคอร์สต่างๆที่ผิวเราควรทำ ณ ตอนนั้นบอกตามตรงค่ะ เชื่อและไว้ใจพนง.ที่ตรวจสภาพผิวหน้าให้ เพราะคิดว่าเขาคงได้รับการฝึกอบรมจากบริษัทมาหรือใดๆก็แล้วแต่ (ซึ่งมันไม่ใช่แบบที่เราคิดเลย เป็นใครที่ไม่มีความรู้เรื่องผิวมาติติงผิวเราหรือให้ความรู้เราแบบผิดๆ) จบไปที่ซื้อคอร์สแรก 15,000 บาท ที่บูธ จนพนง.ชวนเราขึ้นไปใช้บริการทรีตเม้นท์ด้านบนคลินิก (คลินิกอยู่ชั้น 2 ของห้าง) เราเข้าห้องไปทำค่ะ พนง.ก็เข้ามาตื้อเรา เริ่มขายคอร์สให้เราเพิ่มจาก 15,000 อัพเป็น 50,000 บอกว่าจะได้เป็น VIP ได้ทำราคาที่ถูกกว่า บอกตามตรงตอนนั้นเราอยากลองค่ะ ไม่ได้ติดเรื่องค่าใช้จ่าย ผ่านไป 4-5 เดือน ที่เราเข้ามาใช้บริการ จะโดนเข้ามาขายคอร์สทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้งที่เข้ามาจริงๆ จนเราไม่ไหวและได้พูดกับพนง.ไปตามตรง ว่าเราไม่ชอบวิธีการขายของคุณแบบนี้เราอยากนอนทำทรีตเม่นท์แบบผ่อนคลายอย่างที่ควรจะเป็น แบบไม่มีการซื้อขายเพิ่มเติม พนง.ก็หน้าเจือนๆแล้วเดินออกจากห้องไปค่ะ จนเราทำเสร็จ ก็มีลูกค้าท่านอื่นรอทำหน้าอยู่ เขาก็ได้ชวนเราคุยนั่นนี้ในระหว่างรอคิว ว่าเขารอดริปผิว มาทำได้ครั้งที่ 2 แล้ว ก็คุยกันตามปกติค่ะ จนเราช็อคมากตามที่พนง.ทำทรีตเม้นท์มาตามลูกค้าท่านนั้นเข้าห้องไปทำ แล้วพนง.หน้าเคาน์เตอร์ลุกเข้าห้องตามไป ซึ่งเรามารู้ว่าเขาเข้าไปเปิดเส้นให้ลูกค้าท่านนั้นเอง โดยที่คุณหมอไม่สามารถเปิดได้ (เราได้ยินพนง.คุยกัน ก็คือน้องคนที่เปิดเส้นเป็นคนพูดเอง เราได้ยินกับหู) มันทำให้เราช็อคมากค่ะ ว่าให้คนทั่วไปที่ไม่ได้จบแพทย์หรือพยาบาลมา สามารถทำการเปิดเส้นลูกค้าในกรณีแบบนี้ได้ปกติไหม? หรือเราใหม่ในวงการคลินิกคะ เราเริ่มรู้สึกไม่โอเค เริ่มไม่ไว้ใจและไม่เชื่อถือคลินิกค่ะ จนไปหาข้อมูลต่างๆ โดยการสอบถามเพื่อน คนรู้จัก ที่ใช้บริการคลินิกนี้เหมือนกัน ซึ่งดิฉันค้นพบว่า
1.ราคาคอร์สที่เราซื้อถึงใบเสร็จจะเป็นชื่อโปรเดียวกัน ทรีตเม้นท์เดียวกันแต่ราคาของพวกเราต่างกันมากค่ะ บางคนไม่ใช่หลักพัน แต่เป็นหลักหมื่น
2.ทุกคนจะโดนโน้มน้าวให้ทำทรีตเม้นท์ก่อนจึงจะเริ่มทำคอร์สอื่นๆของทางคลินิกได้ เช่นต้องบำรุงผิวให้ผิวแข็งแรงด้วยทรีตเม้นท์ก่อน จึงจะสามารถ ทำเลเซอร์ได้ ซึ่งลูกค้าบางท่านอยากเข้ามาแค่ทำเรื่องฝ้าอย่างเดียว พนง.ก็ให้ซื้อคอร์สทรีตเม้นท์ก่อน ถึงจะขายตัวเลเซอร์ให้
3.โดนเข้าขายขณะเข้าทำทรีตเม้นท์ทุกคน (จะโดนหนักมาในเคสที่มีเงินในบัญชีสูงและมีบัตรเครดิต)
4.ไม่ได้รับการประเมินผิวจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นเพียงพนง.ขายที่นำชุดกาวน์แพทย์มาใส่เท่านั้น (เข้าข่ายหลอกลวงซึ่งเราก็มารู้ตัวทีหลังและเสียความรู้สึกมาก)
5.การใช้เครื่องเลเซอร์หรือทำทรีตเม้นท์ต่างๆไม่ได้จัดโดยผู้เชี่ยวชาญแต่เป็นเซลล์ บางคนเพิ่งเริ่มทำงาน 1-2 วัน และไม่มีความรู้เรื่องผิวเลย
สุดท้ายนี้ เราอยากจะฝากเตือนเพื่อนๆไม่ใช่ว่าเรามีเงินเพียงอย่างเดียวถึงจะดูดีได้ เราต้องเลือกคลินิกที่ดี มีมาตรฐาน (จริงๆ) ด้วยค่ะ ส่วนตัวจะไปใช้คอร์สให้จบๆ และจะไม่ซื้อบริการใดๆจากคลินิกนี้อีก อยากสอบถามเพื่อนๆสมาชิกมีใครเคยเจอกรณีแบบนี้ แล้วเสียรู้ให้เซลล์กันไปเท่าไหร่แล้วคะ
* *ต้องยอมรับค่ะ ว่าเขาทำงานกันเป็นทีมและหลอกเราได้จริงๆ อยากฝากกรณีของเราไว้ เพื่อไม่ให้ใครต้องมาเจอประสบการณ์ไม่ดีแบบเราค่ะ**