JJNY : ม็อบมาแล้ว!กรีนพีซไทย|‘เครือข่ายราษฎร’แถลงปัก3หมุด|วิจัยชี้ติด‘โควิด’ซ้ำ เข้ารพ.3เท่า|ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแรง

ม็อบมาแล้ว! กรีนพีซไทย โดดลงบ่อ ชูป้ายจี้ เอเปค หยุดฟอกเขียวปท.กำลังพัฒนา
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7359695

กรีนพีซไทย กระโดดลงบ่อน้ำ ชูป้าย เรียกร้องเอเปค หยุดฟอกเขียวประเทศกำลังพัฒนา สร้างผลกระทบวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เรียกร้องตั้งกองทุนฟื้นฟูความสูญเสีย
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ย.2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เอเปค 2022 โดยมีพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.และหน่วยปฏิบัติ รายงานความคืบหน้า และชมการการสาธิตการฝึกทดสอบระบบบัญชาการ ตามแผนเผชิญเหตุ พร้อมตรวจความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค

ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร จะเดินทางถึงศูนย์ฯสิริกิติ์ เพียง 1 ชั่วโมง กลุ่มกรีนพีซ ประเทศไทย ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ลอยคอชูป้ายข้อความ เอเปค ต้องหยุดฟอกเขียว และผู้ก่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศต้องชดใช้ความสูญเสียและความเสียหาย บริเวณสระน้ำในสวนเบญจกิติ ใกล้กับสถานที่จัดประชุมผู้นำเอเปค และเป็นช่วงเดียวกับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 27 หรือ cop 27 ที่สาธารณรัฐอียิปต์
 
กรีนพีซประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลร่วมผลักดันจัดตั้งกองทุนว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหายสำหรับกลุ่มประเทศและชุมชนที่เสี่ยงต่อสภาพวิกฤตภูมิอากาศ รวมทั้งเห็นว่าแนวทางที่รัฐบาลจะเสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นวาระประชุมหลักในการประชุมครั้งนี้ ยังมีข้อบกพร่องและช่องโหว่และอาจถูกมองว่าใช้สิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นกลลวงฟอกเขียว เพราะไม่ได้กล่าวถึงความรับผิดชอบของภาคอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ต่อที่ติดสภาพภูมิอากาศ
 
โดยนักกิจกรรม 4 คนได้ลงไป ในสระน้ำ พร้อมชูป้าย STOP APEC /เอเปค หยุด!ฟอกเขียว เพื่อเรียกร้องให้ผู้ร่วมการประชุมเห็นความสำคัญของสภาพภูมิอากาศ
 
ด้านนายธารา บัวคำศรี ผอ.กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า การทำกิจกรรมก่อนที่การประชุมเอเปคจะเริ่มขึ้น เพื่อต้องการส่งข้อความถึงรัฐบาลไทยและผู้นำที่จะมาร่วมประชุมเอเปค ให้พิจารณาถึงการหยุดฟอกเขียวให้กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาและสร้างผลกระทบวิกฤตสภาพภูมิอากาศ โดยเรียกร้องให้จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเพื่อความสูญเสียและความเสียหาย ภายในการประชุมสุดยอดผู้นำที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับการเอเปค คือ COP 27
เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย ได้ตระหนักรับทราบผลกระทบและมีความเสี่ยงที่สุดต่อวิกฤตสภาพอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลก ขณะนี้ยังขอเรียกร้องผลักดันให้กระบวนการของประชาชาติที่เจรจาในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ ได้มีการสนับสนุนและจัดตั้งกองทุนความสูญเสียฯ และสนับสนุนให้ประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศได้มีโอกาสฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาช่วยเหลือสนับสนุนในการปรับตัวจากวิกฤตสภาพอากาศที่เกิดขึ้น
 
ทั้งนี้ กรีนพีซฯ เห็นว่าเศรษฐกิจ BCG ยังมีความบกพร่องอย่างร้ายแรง เนื่องจากว่าคณะกรรมการบริหารของโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี เป็นกลุ่มอภิมหาเศรษฐีที่มีอิทธิพลของประเทศไทย
 
จึงขอส่งข้อความออกไปทั่วโลก คือการนำไปสู่การให้ความสำคัญกับเรื่องของลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรายใหญ่ให้ตระหนัก เพื่อประเทศไทยจะได้พัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งแล้วทำให้สภาพอากาศชุมชนมีศักยภาพในการฟื้นตัวจากวิกฤตของสภาพอากาศ
  

 
‘เครือข่ายราษฎร’ แถลงปัก 3 หมุดเบรกประยุทธ์ ‘หยุดเอเปค’ 16-18 พ.ย.จ่อเคลื่อนไหวคู่ขนาน ร่ายยาวหายนะ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3667405
 
‘เครือข่ายราษฎร’ ปัก 3 หมุด เบรกประยุทธ์ ‘หยุด APEC’ 16-18 พ.ย.จ่อเคลื่อนไหวคู่ขนาน ร่ายยาวหายนะที่ไทยต้องเจอ
 
เมื่อเวลา 20.40 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เครือข่ายประชาชน ราษฎรหยุด APEC 2022 นำโดย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และแนวร่วม แถลงข่าวการเคลื่อนไหวคัดค้าน การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2022 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายนนี้ โดยมีตัวแทนภาคประชาสังคมร่วมแถลงข่าวด้วย อาทิ ตัวแทนเครือข่าย กป.อพช.ทุกภาค, เครือข่ายสมัชชาคนจน, เครือข่ายแร่, เครือข่าย P-Move, เครือข่ายแรงงาน, เครือข่ายโขงชีมูน, เครือข่ายสลัมสี่ภาค และเครือข่ายคนรุ่นใหม่
 
สำหรับ ราษฎรหยุด APEC 2022 เกิดจากการรวมตัวของประชาชนและชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับกระทบจาก นโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โดยร่วมอ่านแถลงการณ์ ความดังนี้
 
หยุดเอเปค 2022 ประยุทธ์ไร้ความชอบธรรม ไม่คู่ควรเป็นประธานเอเปค หยุดอ้างเอเปคเพื่อผลักดันนโยบายสร้างหายนะแก่ประชาชน
การทำรัฐประหารปี พ.ศ 2557 โดยประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลทหารและเขียนรัฐธรรมนูญ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน และแช่แข็งประชาธิปไตย การฟอกขาวตัวเองด้วยกระบวนการเลือกตั้งที่พิสดาร กระบวนการยุติธรรมอันน่ากังขา เพื่อให้ตนกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง จนถึงวันนี้ ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจเผด็จการและอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ผลักดันและแก้ไขกฎหมาย รวมถึงนโยบายที่เป็นปรปักษ์ต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่า, การบังคับปิดเหมืองแร่, เขตเศรษฐกิจพิเศษ, โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่, นโยบายที่ดินแห่งชาติ, การแก้ไขกฎหมายป่าไม้ที่ดิน, นโยบายคาร์บอนเครดิต, กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช จนล่าสุดคือ นโยบายที่ให้ต่างชาติสามารถถือครองที่ดินในประเทศไทยได้
 
ในอีกด้านหนึ่ง ประยุทธ์ก็ไม่ยอมที่จะแก้กฎหมาย ออกกฎหมาย นโยบาย หรือบังคับใช้กฎหมายในทางที่เป็นปรปักษ์กับนายทุน เช่น กฎหมายควบคุมการผูกขาดการผลิตสุรา, กฎหมายควบคุมการผูกขาดทางการค้า และกฎหมายกำหนดการจัดสัตว์น้ำวัยอ่อน เป็นต้น
 
พวกเรา ราษฎรหยุดเอเปค 2022 เห็นว่า สิ่งที่ประยุทธ์ทำมาตลอด เพื่อค้ำจุนอำนาจของตน ต้องการร่วมมือกับนายทุนผูกขาด เอาใจนักลงทุนต่างชาติ ละเลยเสียงของประชาชน เห็นได้จากการปราบปรามการชุมนุมของประชาชนด้วยความรุนแรงเกินกว่าเหตุ การคุกคาม รังควาน การใช้กฎหมายปิดปากประชาชน บิดเบือน และทำลายระบอบกระบวนการยุติธรรม จนถึงการผลักดันกฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่มของประชาชน
การที่ประยุทธ์เป็นปรปักษ์กับประชาชน คนจน และคนชายขอบเช่นนี้ ย่อมไม่มีความชอบธรรมใดๆ หลงเหลืออยู่เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนของคนไทยในเวทีประชุมระหว่างประเทศ อย่างเวที เอเปค 2022 ครั้งนี้ ยิ่งกว่านั้น บนเวทีระดับนานาชาติที่ผ่านมา ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประยุทธ์ไร้ซึ่งความสามารถและความสง่างามที่จะเป็นตัวแทนของประเทศ รังแต่จะสร้างความอับอาย และไร้ความชอบธรรม ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงที่สุดจนอธิปไตยของประเทศไทยตกอยู่ในอันตรายด้วยความไร้น้ำยาของตน
 
ประยุทธ์ได้แสดงเจตจำนงต่อสาธารณะว่า ต้องการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นประธานการประชุมเอเปค ซึ่งที่จริงก็คือความต้องการของประยุทธ์ ที่จะฉวยใช้ประโยชน์จากเวทีประชุมนานาชาติ เดินรอยตามเสรีนิยมใหม่ ซึ่งผลักดันนโยบายที่เรียกว่า ตัวแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ซึ่งก็คือหน้าฉากที่เต็มไปด้วยคำพูดที่ดูสวยหรู และเปิดโอกาสให้ได้เศรษฐกิจตามใจนายทุน ซึ่งซ่อนความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน ทั้งชาวนา แรงงาน และประชาชนทั่วไปอย่างมหาศาล กล่าวคือ
 
1. นโยบายเศรษฐกิจชีวภาพเป็นการเปิดทางให้กับการโจรกรรมพันธุกรรม ทำให้นายทุนสามานย์ เข้ามาผูกขาดตลาดเม็ดพันธุ์และการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น GMO ได้อย่างง่ายดาย
 
2. นโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นการเปิดทางให้กับการปลูกพืชพลังงาน และการทำโรงไฟฟ้า นำมาซึ่งการลดการปลูกพืชอาหาร เกิดปัญหาความมั่นคงทางอาหาร และปัญหาด้านมลพิษ สิ่งแวดล้อม อันเป็นอันตรายต่อประชาชนโดยรวม

3 .นโยบายด้านเศรษฐกิจสีเขียว เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐสามารถผลักดันนโยบายการค้าคาร์บอนเครดิต โดยอ้างวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยทุนอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของการปล่อยคาร์บอน ให้ไม่ต้องถูกควบคุม แต่ผลักภาระมาที่พวกเรา ซึ่งเป็นชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ แรงงาน และคนทั่วไป รัฐไม่ยอมแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ แต่กลับกลายเป็นไล่ รื้อ แย่งชิงที่ดินของชาวบ้าน พี่น้อง เพื่อเอาไปดูดซับคาร์บอนและค้าขายคาร์บอนเครดิตให้กับนายทุน ทำให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมในสภาพภูมิอากาศ
 
นายทุนนั้น เห็นอาหาร พลังงาน ที่ดิน ป่า และสภาพภูมิอากาศ เป็นสินค้าที่จะเอาไปหากำไร แต่พวกเราเห็นว่า อาหารและอากาศ เป็นสิทธิ การผลิตอาหารคือสวัสดิการสังคม เราใช้พลังงานในชีวิตเพียงน้อยนิด และที่ดิน ผืนป่า คือฐานทรัพยากรที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต และการผลิตของเรา
เห็นชัดเจนว่า อำนาจเผด็จการในมือยังไม่เพียงพอที่ประยุทธ์จะใช้เอาใจนายทุนให้ค้ำจุนอำนาจของตน ขณะนี้ ประยุทธ์กำลังจะแอบอ้างเวทีเอเปคเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับนโยบาย ที่ใช้ควบคุม กดขี่ ขูดรีด และเป็นศัตรูกับชาวนา แรงงาน ประชาชนทั่วไป และยังเป็นเวทีที่ประยุทธ์จะใช้สร้างความสัมพันธ์กับผู้นำรัฐเผด็จการจากหลากหลายประเทศ ที่ใช้อำนาจกดขี่ประชาชนในประเทศของตัวเอง อีกด้วย
 
ดังนั้น ในนามประชาชน พวกเราราษฎรหยุดเอเปค 2022 ซึ่งเป็นการรวมตัวกันขององค์กรชาวนา แรงงาน คนจน คนรากหญ้า และประชาชนที่ต่อสู้กับเผด็จการและส่งเสริมประชาธิปไตย เราขอย้ำว่า เราไม่สามารถที่จะปล่อยให้ประยุทธ์สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยได้อีกต่อไป พวกเราจึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
 
1. ประยุทธ์ต้องยกเลิกนโยบาย BCG รวมถึงระเบียบ กฎหมายใดใดที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ ที่พยามนำเสนอให้ที่ประชุมเอเปค รับรอง ด้วยเป็นแนวคิดที่กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน ชนชั้นนำในประเทศเท่านั้น แต่กลับจะสร้างผลกระทบมหาศาลให้กับประชาชนไทยและประชาคมโลกในอนาคต
 
2. ประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรมที่จะลงนามข้อตกลงร่วมกับผู้นำกลุ่มเอเปค และจะต้องยุติบทบาทการเป็นประธานการประชุมเอเปคโดยทันที เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งต่อประชาชน ต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
  
3. ประยุทธ์ต้องยุบสภาและเปิดทางให้มีการเลือกตั้ง พร้อมกับจัดให้การร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง อันจะทำให้ได้มาซึ่ง ผู้นำ การบริหารประเทศ ที่สง่างาม และคู่ควรกับการเป็นเจ้าภาพ ในการประชุมเวทีประชาคมโลกต่อไป ในอนาคต

 พวกเรา ราษฎรหยุดเอเปค 2022 ขอประกาศต่อสาธารณชนไทยและประชาคมโลกว่า เราจะมีการเคลื่อนไหวระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 คู่ขนานกับการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เพื่อผลักดันข้อเรียกร้องอย่างถึงที่สุด รวมถึง ขอประกาศเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศ ให้ร่วมจับตา เรียนรู้ เรียกร้อง และเคลื่อนไหว เพราะคนไทยจะไม่ได้อะไรจากเอเปคในเงื้อมมือของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่