ม็อบมาแล้ว! กรีนพีซไทย โดดลงบ่อ ชูป้ายจี้ เอเปค หยุดฟอกเขียวปท.กำลังพัฒนา
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7359695
กรีนพีซไทย กระโดดลงบ่อน้ำ ชูป้าย เรียกร้องเอเปค หยุดฟอกเขียวประเทศกำลังพัฒนา สร้างผลกระทบวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เรียกร้องตั้งกองทุนฟื้นฟูความสูญเสีย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ย.2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เอเปค 2022 โดยมีพล.ต.อ.
ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.และหน่วยปฏิบัติ รายงานความคืบหน้า และชมการการสาธิตการฝึกทดสอบระบบบัญชาการ ตามแผนเผชิญเหตุ พร้อมตรวจความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ก่อนที่ พล.อ.
ประวิตร จะเดินทางถึงศูนย์ฯสิริกิติ์ เพียง 1 ชั่วโมง กลุ่มกรีนพีซ ประเทศไทย ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ลอยคอชูป้ายข้อความ เอเปค ต้องหยุดฟอกเขียว และผู้ก่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศต้องชดใช้ความสูญเสียและความเสียหาย บริเวณสระน้ำในสวนเบญจกิติ ใกล้กับสถานที่จัดประชุมผู้นำเอเปค และเป็นช่วงเดียวกับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 27 หรือ cop 27 ที่สาธารณรัฐอียิปต์
กรีนพีซประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลร่วมผลักดันจัดตั้งกองทุนว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหายสำหรับกลุ่มประเทศและชุมชนที่เสี่ยงต่อสภาพวิกฤตภูมิอากาศ รวมทั้งเห็นว่าแนวทางที่รัฐบาลจะเสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นวาระประชุมหลักในการประชุมครั้งนี้ ยังมีข้อบกพร่องและช่องโหว่และอาจถูกมองว่าใช้สิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นกลลวงฟอกเขียว เพราะไม่ได้กล่าวถึงความรับผิดชอบของภาคอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ต่อที่ติดสภาพภูมิอากาศ
โดยนักกิจกรรม 4 คนได้ลงไป ในสระน้ำ พร้อมชูป้าย STOP APEC /เอเปค หยุด!ฟอกเขียว เพื่อเรียกร้องให้ผู้ร่วมการประชุมเห็นความสำคัญของสภาพภูมิอากาศ
ด้านนาย
ธารา บัวคำศรี ผอ.กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า การทำกิจกรรมก่อนที่การประชุมเอเปคจะเริ่มขึ้น เพื่อต้องการส่งข้อความถึงรัฐบาลไทยและผู้นำที่จะมาร่วมประชุมเอเปค ให้พิจารณาถึงการหยุดฟอกเขียวให้กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาและสร้างผลกระทบวิกฤตสภาพภูมิอากาศ โดยเรียกร้องให้จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเพื่อความสูญเสียและความเสียหาย ภายในการประชุมสุดยอดผู้นำที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับการเอเปค คือ COP 27
เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย ได้ตระหนักรับทราบผลกระทบและมีความเสี่ยงที่สุดต่อวิกฤตสภาพอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลก ขณะนี้ยังขอเรียกร้องผลักดันให้กระบวนการของประชาชาติที่เจรจาในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ ได้มีการสนับสนุนและจัดตั้งกองทุนความสูญเสียฯ และสนับสนุนให้ประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศได้มีโอกาสฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาช่วยเหลือสนับสนุนในการปรับตัวจากวิกฤตสภาพอากาศที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ กรีนพีซฯ เห็นว่าเศรษฐกิจ BCG ยังมีความบกพร่องอย่างร้ายแรง เนื่องจากว่าคณะกรรมการบริหารของโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี เป็นกลุ่มอภิมหาเศรษฐีที่มีอิทธิพลของประเทศไทย
จึงขอส่งข้อความออกไปทั่วโลก คือการนำไปสู่การให้ความสำคัญกับเรื่องของลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรายใหญ่ให้ตระหนัก เพื่อประเทศไทยจะได้พัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งแล้วทำให้สภาพอากาศชุมชนมีศักยภาพในการฟื้นตัวจากวิกฤตของสภาพอากาศ
‘เครือข่ายราษฎร’ แถลงปัก 3 หมุดเบรกประยุทธ์ ‘หยุดเอเปค’ 16-18 พ.ย.จ่อเคลื่อนไหวคู่ขนาน ร่ายยาวหายนะ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3667405
‘เครือข่ายราษฎร’ ปัก 3 หมุด เบรกประยุทธ์ ‘หยุด APEC’ 16-18 พ.ย.จ่อเคลื่อนไหวคู่ขนาน ร่ายยาวหายนะที่ไทยต้องเจอ
เมื่อเวลา 20.40 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เครือข่ายประชาชน ราษฎรหยุด APEC 2022 นำโดย น.ส.
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ
มายด์, นาย
จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ
ไผ่ ดาวดิน และแนวร่วม แถลงข่าวการเคลื่อนไหวคัดค้าน การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2022 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายนนี้ โดยมีตัวแทนภาคประชาสังคมร่วมแถลงข่าวด้วย อาทิ ตัวแทนเครือข่าย กป.อพช.ทุกภาค, เครือข่ายสมัชชาคนจน, เครือข่ายแร่, เครือข่าย P-Move, เครือข่ายแรงงาน, เครือข่ายโขงชีมูน, เครือข่ายสลัมสี่ภาค และเครือข่ายคนรุ่นใหม่
สำหรับ ราษฎรหยุด APEC 2022 เกิดจากการรวมตัวของประชาชนและชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับกระทบจาก นโยบายรัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โดยร่วมอ่านแถลงการณ์ ความดังนี้
หยุดเอเปค 2022
ประยุทธ์ไร้ความชอบธรรม ไม่คู่ควรเป็นประธานเอเปค หยุดอ้างเอเปคเพื่อผลักดันนโยบายสร้างหายนะแก่ประชาชน
การทำรัฐประหารปี พ.ศ 2557 โดย
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลทหารและเขียนรัฐธรรมนูญ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน และแช่แข็งประชาธิปไตย การฟอกขาวตัวเองด้วยกระบวนการเลือกตั้งที่พิสดาร กระบวนการยุติธรรมอันน่ากังขา เพื่อให้ตนกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง จนถึงวันนี้ ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจเผด็จการและอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ผลักดันและแก้ไขกฎหมาย รวมถึงนโยบายที่เป็นปรปักษ์ต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่า, การบังคับปิดเหมืองแร่, เขตเศรษฐกิจพิเศษ, โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่, นโยบายที่ดินแห่งชาติ, การแก้ไขกฎหมายป่าไม้ที่ดิน, นโยบายคาร์บอนเครดิต, กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช จนล่าสุดคือ นโยบายที่ให้ต่างชาติสามารถถือครองที่ดินในประเทศไทยได้
ในอีกด้านหนึ่ง
ประยุทธ์ก็ไม่ยอมที่จะแก้กฎหมาย ออกกฎหมาย นโยบาย หรือบังคับใช้กฎหมายในทางที่เป็นปรปักษ์กับนายทุน เช่น กฎหมายควบคุมการผูกขาดการผลิตสุรา, กฎหมายควบคุมการผูกขาดทางการค้า และกฎหมายกำหนดการจัดสัตว์น้ำวัยอ่อน เป็นต้น
พวกเรา ราษฎรหยุดเอเปค 2022 เห็นว่า สิ่งที่ประยุทธ์ทำมาตลอด เพื่อค้ำจุนอำนาจของตน ต้องการร่วมมือกับนายทุนผูกขาด เอาใจนักลงทุนต่างชาติ ละเลยเสียงของประชาชน เห็นได้จากการปราบปรามการชุมนุมของประชาชนด้วยความรุนแรงเกินกว่าเหตุ การคุกคาม รังควาน การใช้กฎหมายปิดปากประชาชน บิดเบือน และทำลายระบอบกระบวนการยุติธรรม จนถึงการผลักดันกฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่มของประชาชน
การที่ประยุทธ์เป็นปรปักษ์กับประชาชน คนจน และคนชายขอบเช่นนี้ ย่อมไม่มีความชอบธรรมใดๆ หลงเหลืออยู่เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนของคนไทยในเวทีประชุมระหว่างประเทศ อย่างเวที เอเปค 2022 ครั้งนี้ ยิ่งกว่านั้น บนเวทีระดับนานาชาติที่ผ่านมา ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประยุทธ์ไร้ซึ่งความสามารถและความสง่างามที่จะเป็นตัวแทนของประเทศ รังแต่จะสร้างความอับอาย และไร้ความชอบธรรม ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงที่สุดจนอธิปไตยของประเทศไทยตกอยู่ในอันตรายด้วยความไร้น้ำยาของตน
ประยุทธ์ได้แสดงเจตจำนงต่อสาธารณะว่า ต้องการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นประธานการประชุมเอเปค ซึ่งที่จริงก็คือความต้องการของ
ประยุทธ์ ที่จะฉวยใช้ประโยชน์จากเวทีประชุมนานาชาติ เดินรอยตามเสรีนิยมใหม่ ซึ่งผลักดันนโยบายที่เรียกว่า ตัวแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ซึ่งก็คือหน้าฉากที่เต็มไปด้วยคำพูดที่ดูสวยหรู และเปิดโอกาสให้ได้เศรษฐกิจตามใจนายทุน ซึ่งซ่อนความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน ทั้งชาวนา แรงงาน และประชาชนทั่วไปอย่างมหาศาล กล่าวคือ
1. นโยบายเศรษฐกิจชีวภาพเป็นการเปิดทางให้กับการโจรกรรมพันธุกรรม ทำให้นายทุนสามานย์ เข้ามาผูกขาดตลาดเม็ดพันธุ์และการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น GMO ได้อย่างง่ายดาย
2. นโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นการเปิดทางให้กับการปลูกพืชพลังงาน และการทำโรงไฟฟ้า นำมาซึ่งการลดการปลูกพืชอาหาร เกิดปัญหาความมั่นคงทางอาหาร และปัญหาด้านมลพิษ สิ่งแวดล้อม อันเป็นอันตรายต่อประชาชนโดยรวม
3 .นโยบายด้านเศรษฐกิจสีเขียว เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐสามารถผลักดันนโยบายการค้าคาร์บอนเครดิต โดยอ้างวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยทุนอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของการปล่อยคาร์บอน ให้ไม่ต้องถูกควบคุม แต่ผลักภาระมาที่พวกเรา ซึ่งเป็นชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ แรงงาน และคนทั่วไป รัฐไม่ยอมแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ แต่กลับกลายเป็นไล่ รื้อ แย่งชิงที่ดินของชาวบ้าน พี่น้อง เพื่อเอาไปดูดซับคาร์บอนและค้าขายคาร์บอนเครดิตให้กับนายทุน ทำให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมในสภาพภูมิอากาศ
นายทุนนั้น เห็นอาหาร พลังงาน ที่ดิน ป่า และสภาพภูมิอากาศ เป็นสินค้าที่จะเอาไปหากำไร แต่พวกเราเห็นว่า อาหารและอากาศ เป็นสิทธิ การผลิตอาหารคือสวัสดิการสังคม เราใช้พลังงานในชีวิตเพียงน้อยนิด และที่ดิน ผืนป่า คือฐานทรัพยากรที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต และการผลิตของเรา
เห็นชัดเจนว่า อำนาจเผด็จการในมือยังไม่เพียงพอที่ประยุทธ์จะใช้เอาใจนายทุนให้ค้ำจุนอำนาจของตน ขณะนี้ ประยุทธ์กำลังจะแอบอ้างเวทีเอเปคเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับนโยบาย ที่ใช้ควบคุม กดขี่ ขูดรีด และเป็นศัตรูกับชาวนา แรงงาน ประชาชนทั่วไป และยังเป็นเวทีที่ประยุทธ์จะใช้สร้างความสัมพันธ์กับผู้นำรัฐเผด็จการจากหลากหลายประเทศ ที่ใช้อำนาจกดขี่ประชาชนในประเทศของตัวเอง อีกด้วย
ดังนั้น ในนามประชาชน พวกเราราษฎรหยุดเอเปค 2022 ซึ่งเป็นการรวมตัวกันขององค์กรชาวนา แรงงาน คนจน คนรากหญ้า และประชาชนที่ต่อสู้กับเผด็จการและส่งเสริมประชาธิปไตย เราขอย้ำว่า เราไม่สามารถที่จะปล่อยให้ประยุทธ์สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยได้อีกต่อไป พวกเราจึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.
ประยุทธ์ต้องยกเลิกนโยบาย BCG รวมถึงระเบียบ กฎหมายใดใดที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ ที่พยามนำเสนอให้ที่ประชุมเอเปค รับรอง ด้วยเป็นแนวคิดที่กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน ชนชั้นนำในประเทศเท่านั้น แต่กลับจะสร้างผลกระทบมหาศาลให้กับประชาชนไทยและประชาคมโลกในอนาคต
2.
ประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรมที่จะลงนามข้อตกลงร่วมกับผู้นำกลุ่มเอเปค และจะต้องยุติบทบาทการเป็นประธานการประชุมเอเปคโดยทันที เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งต่อประชาชน ต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
3.
ประยุทธ์ต้องยุบสภาและเปิดทางให้มีการเลือกตั้ง พร้อมกับจัดให้การร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง อันจะทำให้ได้มาซึ่ง ผู้นำ การบริหารประเทศ ที่สง่างาม และคู่ควรกับการเป็นเจ้าภาพ ในการประชุมเวทีประชาคมโลกต่อไป ในอนาคต
พวกเรา ราษฎรหยุดเอเปค 2022 ขอประกาศต่อสาธารณชนไทยและประชาคมโลกว่า เราจะมีการเคลื่อนไหวระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 คู่ขนานกับการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เพื่อผลักดันข้อเรียกร้องอย่างถึงที่สุด รวมถึง ขอประกาศเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศ ให้ร่วมจับตา เรียนรู้ เรียกร้อง และเคลื่อนไหว เพราะคนไทยจะไม่ได้อะไรจากเอเปคในเงื้อมมือของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
JJNY : ม็อบมาแล้ว!กรีนพีซไทย|‘เครือข่ายราษฎร’แถลงปัก3หมุด|วิจัยชี้ติด‘โควิด’ซ้ำ เข้ารพ.3เท่า|ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแรง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7359695
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ย.2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เอเปค 2022 โดยมีพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.และหน่วยปฏิบัติ รายงานความคืบหน้า และชมการการสาธิตการฝึกทดสอบระบบบัญชาการ ตามแผนเผชิญเหตุ พร้อมตรวจความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร จะเดินทางถึงศูนย์ฯสิริกิติ์ เพียง 1 ชั่วโมง กลุ่มกรีนพีซ ประเทศไทย ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ลอยคอชูป้ายข้อความ เอเปค ต้องหยุดฟอกเขียว และผู้ก่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศต้องชดใช้ความสูญเสียและความเสียหาย บริเวณสระน้ำในสวนเบญจกิติ ใกล้กับสถานที่จัดประชุมผู้นำเอเปค และเป็นช่วงเดียวกับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 27 หรือ cop 27 ที่สาธารณรัฐอียิปต์
กรีนพีซประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลร่วมผลักดันจัดตั้งกองทุนว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหายสำหรับกลุ่มประเทศและชุมชนที่เสี่ยงต่อสภาพวิกฤตภูมิอากาศ รวมทั้งเห็นว่าแนวทางที่รัฐบาลจะเสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นวาระประชุมหลักในการประชุมครั้งนี้ ยังมีข้อบกพร่องและช่องโหว่และอาจถูกมองว่าใช้สิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นกลลวงฟอกเขียว เพราะไม่ได้กล่าวถึงความรับผิดชอบของภาคอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ต่อที่ติดสภาพภูมิอากาศ
โดยนักกิจกรรม 4 คนได้ลงไป ในสระน้ำ พร้อมชูป้าย STOP APEC /เอเปค หยุด!ฟอกเขียว เพื่อเรียกร้องให้ผู้ร่วมการประชุมเห็นความสำคัญของสภาพภูมิอากาศ
ด้านนายธารา บัวคำศรี ผอ.กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า การทำกิจกรรมก่อนที่การประชุมเอเปคจะเริ่มขึ้น เพื่อต้องการส่งข้อความถึงรัฐบาลไทยและผู้นำที่จะมาร่วมประชุมเอเปค ให้พิจารณาถึงการหยุดฟอกเขียวให้กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาและสร้างผลกระทบวิกฤตสภาพภูมิอากาศ โดยเรียกร้องให้จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเพื่อความสูญเสียและความเสียหาย ภายในการประชุมสุดยอดผู้นำที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับการเอเปค คือ COP 27
เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย ได้ตระหนักรับทราบผลกระทบและมีความเสี่ยงที่สุดต่อวิกฤตสภาพอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลก ขณะนี้ยังขอเรียกร้องผลักดันให้กระบวนการของประชาชาติที่เจรจาในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ ได้มีการสนับสนุนและจัดตั้งกองทุนความสูญเสียฯ และสนับสนุนให้ประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศได้มีโอกาสฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาช่วยเหลือสนับสนุนในการปรับตัวจากวิกฤตสภาพอากาศที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ กรีนพีซฯ เห็นว่าเศรษฐกิจ BCG ยังมีความบกพร่องอย่างร้ายแรง เนื่องจากว่าคณะกรรมการบริหารของโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี เป็นกลุ่มอภิมหาเศรษฐีที่มีอิทธิพลของประเทศไทย
จึงขอส่งข้อความออกไปทั่วโลก คือการนำไปสู่การให้ความสำคัญกับเรื่องของลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรายใหญ่ให้ตระหนัก เพื่อประเทศไทยจะได้พัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งแล้วทำให้สภาพอากาศชุมชนมีศักยภาพในการฟื้นตัวจากวิกฤตของสภาพอากาศ
‘เครือข่ายราษฎร’ แถลงปัก 3 หมุดเบรกประยุทธ์ ‘หยุดเอเปค’ 16-18 พ.ย.จ่อเคลื่อนไหวคู่ขนาน ร่ายยาวหายนะ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3667405
‘เครือข่ายราษฎร’ ปัก 3 หมุด เบรกประยุทธ์ ‘หยุด APEC’ 16-18 พ.ย.จ่อเคลื่อนไหวคู่ขนาน ร่ายยาวหายนะที่ไทยต้องเจอ
เมื่อเวลา 20.40 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เครือข่ายประชาชน ราษฎรหยุด APEC 2022 นำโดย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และแนวร่วม แถลงข่าวการเคลื่อนไหวคัดค้าน การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2022 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายนนี้ โดยมีตัวแทนภาคประชาสังคมร่วมแถลงข่าวด้วย อาทิ ตัวแทนเครือข่าย กป.อพช.ทุกภาค, เครือข่ายสมัชชาคนจน, เครือข่ายแร่, เครือข่าย P-Move, เครือข่ายแรงงาน, เครือข่ายโขงชีมูน, เครือข่ายสลัมสี่ภาค และเครือข่ายคนรุ่นใหม่
สำหรับ ราษฎรหยุด APEC 2022 เกิดจากการรวมตัวของประชาชนและชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับกระทบจาก นโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โดยร่วมอ่านแถลงการณ์ ความดังนี้
หยุดเอเปค 2022 ประยุทธ์ไร้ความชอบธรรม ไม่คู่ควรเป็นประธานเอเปค หยุดอ้างเอเปคเพื่อผลักดันนโยบายสร้างหายนะแก่ประชาชน
การทำรัฐประหารปี พ.ศ 2557 โดยประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลทหารและเขียนรัฐธรรมนูญ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน และแช่แข็งประชาธิปไตย การฟอกขาวตัวเองด้วยกระบวนการเลือกตั้งที่พิสดาร กระบวนการยุติธรรมอันน่ากังขา เพื่อให้ตนกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง จนถึงวันนี้ ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจเผด็จการและอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ผลักดันและแก้ไขกฎหมาย รวมถึงนโยบายที่เป็นปรปักษ์ต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่า, การบังคับปิดเหมืองแร่, เขตเศรษฐกิจพิเศษ, โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่, นโยบายที่ดินแห่งชาติ, การแก้ไขกฎหมายป่าไม้ที่ดิน, นโยบายคาร์บอนเครดิต, กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช จนล่าสุดคือ นโยบายที่ให้ต่างชาติสามารถถือครองที่ดินในประเทศไทยได้
ในอีกด้านหนึ่ง ประยุทธ์ก็ไม่ยอมที่จะแก้กฎหมาย ออกกฎหมาย นโยบาย หรือบังคับใช้กฎหมายในทางที่เป็นปรปักษ์กับนายทุน เช่น กฎหมายควบคุมการผูกขาดการผลิตสุรา, กฎหมายควบคุมการผูกขาดทางการค้า และกฎหมายกำหนดการจัดสัตว์น้ำวัยอ่อน เป็นต้น
พวกเรา ราษฎรหยุดเอเปค 2022 เห็นว่า สิ่งที่ประยุทธ์ทำมาตลอด เพื่อค้ำจุนอำนาจของตน ต้องการร่วมมือกับนายทุนผูกขาด เอาใจนักลงทุนต่างชาติ ละเลยเสียงของประชาชน เห็นได้จากการปราบปรามการชุมนุมของประชาชนด้วยความรุนแรงเกินกว่าเหตุ การคุกคาม รังควาน การใช้กฎหมายปิดปากประชาชน บิดเบือน และทำลายระบอบกระบวนการยุติธรรม จนถึงการผลักดันกฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่มของประชาชน
การที่ประยุทธ์เป็นปรปักษ์กับประชาชน คนจน และคนชายขอบเช่นนี้ ย่อมไม่มีความชอบธรรมใดๆ หลงเหลืออยู่เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนของคนไทยในเวทีประชุมระหว่างประเทศ อย่างเวที เอเปค 2022 ครั้งนี้ ยิ่งกว่านั้น บนเวทีระดับนานาชาติที่ผ่านมา ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประยุทธ์ไร้ซึ่งความสามารถและความสง่างามที่จะเป็นตัวแทนของประเทศ รังแต่จะสร้างความอับอาย และไร้ความชอบธรรม ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงที่สุดจนอธิปไตยของประเทศไทยตกอยู่ในอันตรายด้วยความไร้น้ำยาของตน
ประยุทธ์ได้แสดงเจตจำนงต่อสาธารณะว่า ต้องการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นประธานการประชุมเอเปค ซึ่งที่จริงก็คือความต้องการของประยุทธ์ ที่จะฉวยใช้ประโยชน์จากเวทีประชุมนานาชาติ เดินรอยตามเสรีนิยมใหม่ ซึ่งผลักดันนโยบายที่เรียกว่า ตัวแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ซึ่งก็คือหน้าฉากที่เต็มไปด้วยคำพูดที่ดูสวยหรู และเปิดโอกาสให้ได้เศรษฐกิจตามใจนายทุน ซึ่งซ่อนความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน ทั้งชาวนา แรงงาน และประชาชนทั่วไปอย่างมหาศาล กล่าวคือ
1. นโยบายเศรษฐกิจชีวภาพเป็นการเปิดทางให้กับการโจรกรรมพันธุกรรม ทำให้นายทุนสามานย์ เข้ามาผูกขาดตลาดเม็ดพันธุ์และการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น GMO ได้อย่างง่ายดาย
2. นโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นการเปิดทางให้กับการปลูกพืชพลังงาน และการทำโรงไฟฟ้า นำมาซึ่งการลดการปลูกพืชอาหาร เกิดปัญหาความมั่นคงทางอาหาร และปัญหาด้านมลพิษ สิ่งแวดล้อม อันเป็นอันตรายต่อประชาชนโดยรวม
3 .นโยบายด้านเศรษฐกิจสีเขียว เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐสามารถผลักดันนโยบายการค้าคาร์บอนเครดิต โดยอ้างวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยทุนอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของการปล่อยคาร์บอน ให้ไม่ต้องถูกควบคุม แต่ผลักภาระมาที่พวกเรา ซึ่งเป็นชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ แรงงาน และคนทั่วไป รัฐไม่ยอมแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ แต่กลับกลายเป็นไล่ รื้อ แย่งชิงที่ดินของชาวบ้าน พี่น้อง เพื่อเอาไปดูดซับคาร์บอนและค้าขายคาร์บอนเครดิตให้กับนายทุน ทำให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมในสภาพภูมิอากาศ
นายทุนนั้น เห็นอาหาร พลังงาน ที่ดิน ป่า และสภาพภูมิอากาศ เป็นสินค้าที่จะเอาไปหากำไร แต่พวกเราเห็นว่า อาหารและอากาศ เป็นสิทธิ การผลิตอาหารคือสวัสดิการสังคม เราใช้พลังงานในชีวิตเพียงน้อยนิด และที่ดิน ผืนป่า คือฐานทรัพยากรที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต และการผลิตของเรา
เห็นชัดเจนว่า อำนาจเผด็จการในมือยังไม่เพียงพอที่ประยุทธ์จะใช้เอาใจนายทุนให้ค้ำจุนอำนาจของตน ขณะนี้ ประยุทธ์กำลังจะแอบอ้างเวทีเอเปคเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับนโยบาย ที่ใช้ควบคุม กดขี่ ขูดรีด และเป็นศัตรูกับชาวนา แรงงาน ประชาชนทั่วไป และยังเป็นเวทีที่ประยุทธ์จะใช้สร้างความสัมพันธ์กับผู้นำรัฐเผด็จการจากหลากหลายประเทศ ที่ใช้อำนาจกดขี่ประชาชนในประเทศของตัวเอง อีกด้วย
ดังนั้น ในนามประชาชน พวกเราราษฎรหยุดเอเปค 2022 ซึ่งเป็นการรวมตัวกันขององค์กรชาวนา แรงงาน คนจน คนรากหญ้า และประชาชนที่ต่อสู้กับเผด็จการและส่งเสริมประชาธิปไตย เราขอย้ำว่า เราไม่สามารถที่จะปล่อยให้ประยุทธ์สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยได้อีกต่อไป พวกเราจึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. ประยุทธ์ต้องยกเลิกนโยบาย BCG รวมถึงระเบียบ กฎหมายใดใดที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ ที่พยามนำเสนอให้ที่ประชุมเอเปค รับรอง ด้วยเป็นแนวคิดที่กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน ชนชั้นนำในประเทศเท่านั้น แต่กลับจะสร้างผลกระทบมหาศาลให้กับประชาชนไทยและประชาคมโลกในอนาคต
2. ประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรมที่จะลงนามข้อตกลงร่วมกับผู้นำกลุ่มเอเปค และจะต้องยุติบทบาทการเป็นประธานการประชุมเอเปคโดยทันที เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งต่อประชาชน ต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
3. ประยุทธ์ต้องยุบสภาและเปิดทางให้มีการเลือกตั้ง พร้อมกับจัดให้การร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง อันจะทำให้ได้มาซึ่ง ผู้นำ การบริหารประเทศ ที่สง่างาม และคู่ควรกับการเป็นเจ้าภาพ ในการประชุมเวทีประชาคมโลกต่อไป ในอนาคต
พวกเรา ราษฎรหยุดเอเปค 2022 ขอประกาศต่อสาธารณชนไทยและประชาคมโลกว่า เราจะมีการเคลื่อนไหวระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 คู่ขนานกับการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เพื่อผลักดันข้อเรียกร้องอย่างถึงที่สุด รวมถึง ขอประกาศเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศ ให้ร่วมจับตา เรียนรู้ เรียกร้อง และเคลื่อนไหว เพราะคนไทยจะไม่ได้อะไรจากเอเปคในเงื้อมมือของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา