วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์ และ Q
17
ช่วงสายของวันนั้น ทั้งสามกลับมาถึงบ้านอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ปกป้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดีที่แสวงจอดรถแล้วดับเครื่องยนต์ เขาหันไปมอง
เนตริยาที่นอนคู้หลับอยู่ที่เบาะหลัง คงเพราะทั้งเหนื่อยและนอนไม่พอ ไม่ต่างกันกับปกป้องที่เขาหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน
ชายหนุ่มก้าวลงจากรถ เปิดประตูหลังเข้าไปปลุกเนตริยา หล่อนตื่นขึ้นมาแล้วมองไปรอบตัว พอเห็นว่าถึงบ้านแล้วจึง ขยับตัวเดินลงจากรถไปโดย
ไม่สนใจใคร ปกป้องเห็นดังนั้นก็แอบยิ้มเล็กๆ ท่าทางหล่อนคงอยากกลับไปนอนต่อที่ห้อง เขาเองก็ต้องการการนอนพักเช่นกัน วันนี้ทุกคนสมควรได้พักผ่อน
เกือบบ่ายสองโมงเป็นเวลาที่เนตริยาตื่นขึ้นมา หล่อนรู้สึกหิวเพราะมื้อเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง หล่อนเดินออกมาจากห้องนอน มองไปรอบตัว บ้านเงียบ ประตูห้องของชายหนุ่มยังคงปิด เขาคงยังไม่ตื่น หญิงสาวพยายามคาดเดา แล้วเดินไปที่โต๊ะอาหารที่มีถาดผลไม้วางอยู่
นาดีร์รีบวิ่งขึ้นบ้านมาเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเนตริยาเปิดและมีความเคลื่อนไหวอยู่บนบ้าน เขารอจังหวะอยู่ว่าจะมีใครสักคนตื่นขึ้นมารับประทานอาหารกลางวันที่เลยเวลามามากแล้ว
“นายหญิงหิวไหมครับ จะรับอะไรดีครับ” สำเนียงแปร่งๆ ที่พยายามถามออกมาเป็นภาษากลางนั้นทำให้เนตริยายิ้มออกมา หล่อนหยุดคิดครู่หนึ่งว่า
เมื่อคืนและเมื่อเช้าหล่อนทานอาหารพื้นเมืองรสจัดที่บ้านดงใสมาแล้ว จึงอยากได้อะไรจืดๆ มากกว่า
“เอาแบบที่ง่ายๆ ดีกว่านะ ข้าวไข่เจียวร้อนๆ กับแกงจืดผัก ดีไหม”
“ฉันด้วยนะนาดีร์” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง
เนตริยาสะดุ้ง หันขวับไปมองอย่างแปลกใจที่เขาออกมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หล่อนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องหรือเสียงฝีเท้าของเขาแม้แต่น้อย
ปกป้องมองสบตา แล้วส่งยิ้มมาให้ เป็นรอยยิ้มสดใสของคนที่ได้พักผ่อนเต็มที่
“ได้นอนพักแล้วคงหายเพลียนะครับ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จผมจะพาคุณไปดูอะไรหน่อย”
“จะออกไปอีกแล้วหรือ” เนตริยาทำหน้าเมื่อย
ปกป้องหัวเราะ อดจะรู้สึกเอ็นดูผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ นี่เขาเกณฑ์ให้หล่อนไปช่วยงานจนเหนื่อยล้าไม่อยากไปไหนอีกแล้วละมัง
“ไปไม่ไกลหรอกครับ หลังบ้านนี่เอง จะพาไปเที่ยวดูอะไรสวยๆ”
ดวงตางดงามที่กระจ่างขึ้นพร้อมรอยยิ้มถูกใจ ทำให้ปกป้องจ้องเพลินจนเนตริยาต้องหลบสายตาคมกล้านั้น
เมื่อทั้งคู่รับประทานอาหารเสร็จ ปกป้องเดินนำเนตริยาลงบันไดหลังบ้านมายังด้านหลังครัวและเรือนพักคนงาน ครั้งแรกหล่อนมองไม่เห็นอะไรนอกจากหมู่แมกไม้แน่นทึบ มันทำให้หญิงสาวไม่เคยสังเกตรู้มาก่อนว่ามีอะไรอยู่ในป่านั่น จนกระทั่งปกป้องนำหญิงสาวเดินทะลุแนวกำแพงต้นโมกที่ปลูกไว้เป็นรั้วบ้านไปประมาณร้อยเมตร เนตริยาเริ่มได้ยินเสียงไก่ร้องแข่งกัน
เมื่อไปถึง หล่อนมองเห็นโรงเลี้ยงไก่ไข่ที่ยกสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร มีไก่ที่เรียงอยู่ในกรงตับที่เป็นช่องพอดีตัวไก่ช่องละตัว ประมาณ 20 ตัว ล้อมรอบโรงเลี้ยงไก่ไข่ มีรั้วกั้นที่มีเสาเป็นลำไผ่ขึงด้วยลวดตาข่ายเป็นบริเวณกว้างประมาณ 2-3 ตารางเมตร เป็นเขตของไก่พันธุ์เนื้อ 10 ตัวและลูกเจี๊ยบจำนวนหนึ่งที่สามารถเดินหาอาหารอย่างอิสระภายในรั้ว
“โรงเลี้ยงไก่ ?” เนตริยาอุทานออกมา “อย่าบอกนะว่าไก่ทั้งหมดนี่นายเป็นคนเลี้ยง” หล่อนตื่นเต้นที่ได้เห็นฟาร์มไก่ขนาดย่อม ที่ถูกจัดสถานที่และความสะอาดอย่างเป็นระเบียบ
“นาดีร์เป็นคนเลี้ยง ผมให้เขาเป็นคนดูแลฟาร์มนี้ทั้งหมด นี่คือแหล่งอาหารของพวกเรา ดูสิเรามีไข่ไก่กินทุกวันไม่มีขาด” ปกป้องชี้ที่ไข่ 2-3 ฟอง ที่อยู่ในรางด้านล่างของกรงไก่ไข่ เนตริยาตื่นเต้นที่ได้เห็นไข่ไก่สดใหม่
“แบบนี้ได้เก็บไข่ทุกวันไหมคะ”
“ครับ เก็บทุกวัน ถ้าผลผลิตออกมามาก ผมก็จะให้นาดีร์นำไปขายที่ตลาดเป็นรายได้เล็กๆ น้อยๆ ของเขา หรือเมื่อเขากลับไปเยี่ยมครอบครัว เขาก็ขอแบ่งไก่และไข่กลับไปให้ทางบ้านด้วย”
เนตริยาเอื้อมมือข้ามรั้วที่สูงระดับเอวก้มลงไปเล่นกับลูกเจี๊ยบ หล่อนใช้มือช้อนลูกเจี๊ยบตัวหนึ่งอย่างระมัดระวังขึ้นมาเล่นบนฝ่ามือ ค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามขนนุ่มๆ ฟูๆ ด้วยอาการทะนุถนอมเบามือ นั่นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากปกป้อง สักพักหล่อนปล่อยลูกเจี๊ยบลงไปหาแม่ แล้วยังคงเพลิดเพลินกับการจ้องมองเหล่าลูกเจี๊ยบที่แข่งกันส่งเสียงร้อง ภาพสายใยของชีวิตระหว่างลูกเจี๊ยบและแม่ไก่ที่เดินตามกัน ทำให้เนตริยารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ
“มาทางนี้สิครับ เราไม่ได้มีแต่โรงเลี้ยงไก่อย่างเดียวนะ” ปกป้องเดินนำทางไปอีกด้านหนึ่งของฟาร์มไก่
พอทั้งคู่เดินพ้นแนวพุ่มไม้ เนตริยาจึงเห็นแปลงผักหลายแปลง เป็นผักต่างชนิดและสีสัน
“ที่นี่มีครบทุกอย่างเลยหรือ” หญิงสาวถาม ละลานตากับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
แปลงผัก 10 แปลงที่เรียงรายอยู่นั้น ผักกำลังแตกกิ่งออกก้านเขียว บางแปลงก็เพิ่งเริ่มจะงอก บางแปลงก็ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“แกงจืดผักกาดขาวที่คุณเพิ่งทานไป มาจากสวนผักที่นี่” ปกป้องก้มลงมาบอกคนที่ยืนเคียงข้าง
เนตริยาทำตาโตอย่างตื่นเต้น ไม่เคยนึกมาก่อนว่าอาหารที่หล่อนรับประทานทุกมื้อมาจากที่นี่ หล่อนนึกว่านาดีร์คงออกไปจ่ายตลาดทุกวัน แต่นี่ แปลงผักเขียวขจีตรงหน้า ทั้งผักบุ้ง ผักกาด คะน้า ยังมีต้นหอม ผักชี ใบกระเพรา โหระพา พริกต่างๆ ขิง ข่า ขมิ้น ตะไคร้ ที่ขึ้นอยู่เป็นดงห่างออกไป และยังมีผักที่ต้องอาศัยค้าง อย่างถั่วฝักยาว แตงกวา และไม่เพียงแต่ผักที่อยู่ในแปลงแต่ยังมีต้นมะกรูด มะนาว สารพัด อีกทั้งผลไม้อย่างกล้วย อ้อย มะละกอ มะม่วง สับปะรด ที่เป็นผลไม้ประจำโต๊ะอาหารทุกวัน
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าหลังบ้านจะมีแบบนี้” หล่อนอยากจะประเมินว่าผักทั้งหมดสามารถนำมาหมุนเวียนทำอาหารได้เป็นเดือน
“มาดูนี่ซิครับ” ปกป้องนำหญิงสาวเดินไปยังกระต๊อบเล็กๆ มุงหลังคาจาก เขาเปิดประตูแล้วให้หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปดูภายใน
“เห็ดนี่คะ อูย ออกดอกเต็มเลย เห็ดนางฟ้าใช่ไหมคะ” หล่อนอุทานอย่างตื่นเต้นกับภาพเห็ดที่กำลังออกดอกเป็นช่อสีขาวโผล่ออกมาจากก้อนเห็ดหลายสิบก้อนที่วางเรียงซ้อนๆ กันอยู่สองฟากผนังกระต๊อบแห่งนั้น
“อยากเก็บเห็ดไหมล่ะครับ”
“เก็บได้หรือคะ”
ปกป้องพยักหน้าแล้วหันไปทางนาดีร์ที่ถือตระกร้าเดินตามมาห่างๆ ปกป้องเดินนำหญิงสาวก้าวเข้าไปภายในกระต๊อบแล้วสอนให้หล่อนรู้จักวิธีเก็บเห็ด
“ทำแบบนี้นะครับ มือหนึ่งจับก้อนเห็ดไว้ อีกมือรวบดอกเห็ดทั้งช่อ ดึงค่อยๆ ให้มันหลุดออกมาทั้งยวง อย่าให้โคนมันขาดติดอยู่ข้างใน ดอกใหม่จะได้แทงช่อออกมาได้”
เนตริยาทำตามและหันมายิ้มให้ชายหนุ่มเมื่อหล่อนสามารถดึงเห็ดออกมาได้ทั้งยวงอย่างที่เขาบอก หล่อนไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน และมันเป็นสิ่งที่น่าสนุกเหลือเกิน ทั้งสองช่วยกันเก็บดอกเห็ดอย่างเพลิดเพลิน
“เย็นนี้เราทานต้มยำเห็ดกันนะ” ชายหนุ่มบอกชวนแล้วหันไปยื่นตะกร้าที่มีเห็ดสีขาวอยู่เต็มส่งให้นาดีร์รับไป จากนั้นจึงพาเนตริยาเดินออกจากกระต๊อบเห็ด
“เรามีครบทั้งไก่ ไข่ ผัก ผลไม้ เห็ด แบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องไปซื้อของที่ตลาดเลยน่ะซิ” เนตริยาถาม
“บางอย่างเราก็ต้องซื้อจากตลาด เช่น ข้าวสาร กะปิ น้ำปลา น้ำตาลทราย แต่แค่นี้ก็ทุ่นเงินค่าอาหารในแต่ละเดือนได้มากโขเลยล่ะครับ” ปกป้องนึกถึงผู้ริเริ่มสร้างฟาร์มและสวนผัก นั่นคือนายแพทย์ปริญญ์พ่อของเขา
“เศรษฐกิจพอเพียง” เนตริยาพูดคำนั้น พร้อมทอดสายตาออกไปมองรอบบริเวณฟาร์มเกษตร
“ใช่ครับ เรายึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และที่สำคัญ เราต้องดูแลลูกน้องอีกสองคน ทั้งแสวงและนาดีร์ โดยเฉพาะนาดีร์ผมให้เขารับผิดชอบทั้งหมด เพื่อที่ว่าต่อไปถ้าผมไม่อยู่ที่นี่แล้ว เขาจะสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ด้วย”
เนตริยารู้สึกทึ่งและประทับใจในสิ่งที่ปกป้องพูด
“แทบไม่น่าเชื่อเลยนะว่านายมีความคิดแบบนี้ นายริเริ่มทุกอย่างเองหรือ แล้วนายไปเอาความรู้เกี่ยวกับการเกษตรพวกนี้มาจากไหน”
“เป็นแนวคิดของคุณพ่อผม เราอยู่บ้านป่าแบบนี้ จำเป็นต้องพึ่งตัวเอง จะให้ขี่มอเตอร์ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดทุกวันเหมือนคนที่อยู่ในเมืองไม่ได้หรอก แถมเราไม่มีไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งวันที่จะเสียบปลั๊กตู้เย็นไว้เก็บแช่ของสด ถึงคุณพ่อท่านไม่ได้เรียนเกษตรมา แต่ก็ได้อาศัยถามความรู้จากชาวบ้านชาวสวนแถบนี้”
“นายคงภูมิใจในตัวท่านมากใช่ไหม”
ปกป้องยิ้มรับ แต่ดวงตาสลดวูบลงด้วยความคิดว่าตลอดช่วงชีวิตที่เขาห่างเหินพ่อ เขามีโอกาสได้ชื่นชมและทดแทนคุณท่านเพียงปีเดียวเท่านั้น หากเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าท่านจะมีเวลาอยู่กับเขาเพียงไม่นาน เขาคงตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนเรียนจบแล้ว
ชายหนุ่มปรับสีหน้าแล้วหันมาบอกว่า
“นอกจากไข่กับเนื้อไก่แล้ว เรายังมีปลาให้คุณทานด้วย สังเกตหรือเปล่า”
“ปลาหรือคะ” เนตริยาถามพร้อมกับมองไปรอบๆ พลางทำหน้าฉงน หล่อนมองไม่เห็นว่ามีบ่อปลาตรงไหน แต่พอก้าวเท้าตามชายหนุ่มไปได้อีกหน่อยหล่อนก็ได้ยินเสียงน้ำไหล
พอเดินตามเขาไปอีกไม่กี่ก้าว หญิงสาวจึงได้เห็นว่ามีลำธารอยู่ตรงหน้า ลำธารน้ำใสไหลเอื่อยๆ เห็นก้อนหินกรวดกลมใต้ลำธารชัดแจ๋ว
ปกป้องชี้ให้ดูแอ่งน้ำช่วงหนึ่ง มีเสาหลักที่ทำด้วยไม้ปักล้อมไว้เป็นวงกลม รองด้วยตาข่ายไนลอนจนถึงพื้นลำธาร
“กระชังปลา” ปกป้องบอก หญิงสาวเดินไปชะโงกมอง น้ำที่ใสแจ๋วนั้นทำให้มองเห็นปลาน้ำจืด แหวกว่ายอยู่ภายในแอ่งเกือบ 10 ตัว และในเมื่อเป็นแอ่งที่อยู่ในลำธาร น้ำในกระชังจึงเป็นน้ำไหลมีการถ่ายเท ไม่ใช่น้ำนิ่งแบบบ่อปลา
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 17
เนตริยาที่นอนคู้หลับอยู่ที่เบาะหลัง คงเพราะทั้งเหนื่อยและนอนไม่พอ ไม่ต่างกันกับปกป้องที่เขาหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน
ชายหนุ่มก้าวลงจากรถ เปิดประตูหลังเข้าไปปลุกเนตริยา หล่อนตื่นขึ้นมาแล้วมองไปรอบตัว พอเห็นว่าถึงบ้านแล้วจึง ขยับตัวเดินลงจากรถไปโดย
ไม่สนใจใคร ปกป้องเห็นดังนั้นก็แอบยิ้มเล็กๆ ท่าทางหล่อนคงอยากกลับไปนอนต่อที่ห้อง เขาเองก็ต้องการการนอนพักเช่นกัน วันนี้ทุกคนสมควรได้พักผ่อน
เกือบบ่ายสองโมงเป็นเวลาที่เนตริยาตื่นขึ้นมา หล่อนรู้สึกหิวเพราะมื้อเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง หล่อนเดินออกมาจากห้องนอน มองไปรอบตัว บ้านเงียบ ประตูห้องของชายหนุ่มยังคงปิด เขาคงยังไม่ตื่น หญิงสาวพยายามคาดเดา แล้วเดินไปที่โต๊ะอาหารที่มีถาดผลไม้วางอยู่
นาดีร์รีบวิ่งขึ้นบ้านมาเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเนตริยาเปิดและมีความเคลื่อนไหวอยู่บนบ้าน เขารอจังหวะอยู่ว่าจะมีใครสักคนตื่นขึ้นมารับประทานอาหารกลางวันที่เลยเวลามามากแล้ว
“นายหญิงหิวไหมครับ จะรับอะไรดีครับ” สำเนียงแปร่งๆ ที่พยายามถามออกมาเป็นภาษากลางนั้นทำให้เนตริยายิ้มออกมา หล่อนหยุดคิดครู่หนึ่งว่า
เมื่อคืนและเมื่อเช้าหล่อนทานอาหารพื้นเมืองรสจัดที่บ้านดงใสมาแล้ว จึงอยากได้อะไรจืดๆ มากกว่า
“เอาแบบที่ง่ายๆ ดีกว่านะ ข้าวไข่เจียวร้อนๆ กับแกงจืดผัก ดีไหม”
“ฉันด้วยนะนาดีร์” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง
เนตริยาสะดุ้ง หันขวับไปมองอย่างแปลกใจที่เขาออกมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หล่อนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องหรือเสียงฝีเท้าของเขาแม้แต่น้อย
ปกป้องมองสบตา แล้วส่งยิ้มมาให้ เป็นรอยยิ้มสดใสของคนที่ได้พักผ่อนเต็มที่
“ได้นอนพักแล้วคงหายเพลียนะครับ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จผมจะพาคุณไปดูอะไรหน่อย”
“จะออกไปอีกแล้วหรือ” เนตริยาทำหน้าเมื่อย
ปกป้องหัวเราะ อดจะรู้สึกเอ็นดูผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ นี่เขาเกณฑ์ให้หล่อนไปช่วยงานจนเหนื่อยล้าไม่อยากไปไหนอีกแล้วละมัง
“ไปไม่ไกลหรอกครับ หลังบ้านนี่เอง จะพาไปเที่ยวดูอะไรสวยๆ”
ดวงตางดงามที่กระจ่างขึ้นพร้อมรอยยิ้มถูกใจ ทำให้ปกป้องจ้องเพลินจนเนตริยาต้องหลบสายตาคมกล้านั้น
เมื่อทั้งคู่รับประทานอาหารเสร็จ ปกป้องเดินนำเนตริยาลงบันไดหลังบ้านมายังด้านหลังครัวและเรือนพักคนงาน ครั้งแรกหล่อนมองไม่เห็นอะไรนอกจากหมู่แมกไม้แน่นทึบ มันทำให้หญิงสาวไม่เคยสังเกตรู้มาก่อนว่ามีอะไรอยู่ในป่านั่น จนกระทั่งปกป้องนำหญิงสาวเดินทะลุแนวกำแพงต้นโมกที่ปลูกไว้เป็นรั้วบ้านไปประมาณร้อยเมตร เนตริยาเริ่มได้ยินเสียงไก่ร้องแข่งกัน
เมื่อไปถึง หล่อนมองเห็นโรงเลี้ยงไก่ไข่ที่ยกสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร มีไก่ที่เรียงอยู่ในกรงตับที่เป็นช่องพอดีตัวไก่ช่องละตัว ประมาณ 20 ตัว ล้อมรอบโรงเลี้ยงไก่ไข่ มีรั้วกั้นที่มีเสาเป็นลำไผ่ขึงด้วยลวดตาข่ายเป็นบริเวณกว้างประมาณ 2-3 ตารางเมตร เป็นเขตของไก่พันธุ์เนื้อ 10 ตัวและลูกเจี๊ยบจำนวนหนึ่งที่สามารถเดินหาอาหารอย่างอิสระภายในรั้ว
“โรงเลี้ยงไก่ ?” เนตริยาอุทานออกมา “อย่าบอกนะว่าไก่ทั้งหมดนี่นายเป็นคนเลี้ยง” หล่อนตื่นเต้นที่ได้เห็นฟาร์มไก่ขนาดย่อม ที่ถูกจัดสถานที่และความสะอาดอย่างเป็นระเบียบ
“นาดีร์เป็นคนเลี้ยง ผมให้เขาเป็นคนดูแลฟาร์มนี้ทั้งหมด นี่คือแหล่งอาหารของพวกเรา ดูสิเรามีไข่ไก่กินทุกวันไม่มีขาด” ปกป้องชี้ที่ไข่ 2-3 ฟอง ที่อยู่ในรางด้านล่างของกรงไก่ไข่ เนตริยาตื่นเต้นที่ได้เห็นไข่ไก่สดใหม่
“แบบนี้ได้เก็บไข่ทุกวันไหมคะ”
“ครับ เก็บทุกวัน ถ้าผลผลิตออกมามาก ผมก็จะให้นาดีร์นำไปขายที่ตลาดเป็นรายได้เล็กๆ น้อยๆ ของเขา หรือเมื่อเขากลับไปเยี่ยมครอบครัว เขาก็ขอแบ่งไก่และไข่กลับไปให้ทางบ้านด้วย”
เนตริยาเอื้อมมือข้ามรั้วที่สูงระดับเอวก้มลงไปเล่นกับลูกเจี๊ยบ หล่อนใช้มือช้อนลูกเจี๊ยบตัวหนึ่งอย่างระมัดระวังขึ้นมาเล่นบนฝ่ามือ ค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามขนนุ่มๆ ฟูๆ ด้วยอาการทะนุถนอมเบามือ นั่นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากปกป้อง สักพักหล่อนปล่อยลูกเจี๊ยบลงไปหาแม่ แล้วยังคงเพลิดเพลินกับการจ้องมองเหล่าลูกเจี๊ยบที่แข่งกันส่งเสียงร้อง ภาพสายใยของชีวิตระหว่างลูกเจี๊ยบและแม่ไก่ที่เดินตามกัน ทำให้เนตริยารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ
“มาทางนี้สิครับ เราไม่ได้มีแต่โรงเลี้ยงไก่อย่างเดียวนะ” ปกป้องเดินนำทางไปอีกด้านหนึ่งของฟาร์มไก่
พอทั้งคู่เดินพ้นแนวพุ่มไม้ เนตริยาจึงเห็นแปลงผักหลายแปลง เป็นผักต่างชนิดและสีสัน
“ที่นี่มีครบทุกอย่างเลยหรือ” หญิงสาวถาม ละลานตากับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
แปลงผัก 10 แปลงที่เรียงรายอยู่นั้น ผักกำลังแตกกิ่งออกก้านเขียว บางแปลงก็เพิ่งเริ่มจะงอก บางแปลงก็ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“แกงจืดผักกาดขาวที่คุณเพิ่งทานไป มาจากสวนผักที่นี่” ปกป้องก้มลงมาบอกคนที่ยืนเคียงข้าง
เนตริยาทำตาโตอย่างตื่นเต้น ไม่เคยนึกมาก่อนว่าอาหารที่หล่อนรับประทานทุกมื้อมาจากที่นี่ หล่อนนึกว่านาดีร์คงออกไปจ่ายตลาดทุกวัน แต่นี่ แปลงผักเขียวขจีตรงหน้า ทั้งผักบุ้ง ผักกาด คะน้า ยังมีต้นหอม ผักชี ใบกระเพรา โหระพา พริกต่างๆ ขิง ข่า ขมิ้น ตะไคร้ ที่ขึ้นอยู่เป็นดงห่างออกไป และยังมีผักที่ต้องอาศัยค้าง อย่างถั่วฝักยาว แตงกวา และไม่เพียงแต่ผักที่อยู่ในแปลงแต่ยังมีต้นมะกรูด มะนาว สารพัด อีกทั้งผลไม้อย่างกล้วย อ้อย มะละกอ มะม่วง สับปะรด ที่เป็นผลไม้ประจำโต๊ะอาหารทุกวัน
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าหลังบ้านจะมีแบบนี้” หล่อนอยากจะประเมินว่าผักทั้งหมดสามารถนำมาหมุนเวียนทำอาหารได้เป็นเดือน
“มาดูนี่ซิครับ” ปกป้องนำหญิงสาวเดินไปยังกระต๊อบเล็กๆ มุงหลังคาจาก เขาเปิดประตูแล้วให้หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปดูภายใน
“เห็ดนี่คะ อูย ออกดอกเต็มเลย เห็ดนางฟ้าใช่ไหมคะ” หล่อนอุทานอย่างตื่นเต้นกับภาพเห็ดที่กำลังออกดอกเป็นช่อสีขาวโผล่ออกมาจากก้อนเห็ดหลายสิบก้อนที่วางเรียงซ้อนๆ กันอยู่สองฟากผนังกระต๊อบแห่งนั้น
“อยากเก็บเห็ดไหมล่ะครับ”
“เก็บได้หรือคะ”
ปกป้องพยักหน้าแล้วหันไปทางนาดีร์ที่ถือตระกร้าเดินตามมาห่างๆ ปกป้องเดินนำหญิงสาวก้าวเข้าไปภายในกระต๊อบแล้วสอนให้หล่อนรู้จักวิธีเก็บเห็ด
“ทำแบบนี้นะครับ มือหนึ่งจับก้อนเห็ดไว้ อีกมือรวบดอกเห็ดทั้งช่อ ดึงค่อยๆ ให้มันหลุดออกมาทั้งยวง อย่าให้โคนมันขาดติดอยู่ข้างใน ดอกใหม่จะได้แทงช่อออกมาได้”
เนตริยาทำตามและหันมายิ้มให้ชายหนุ่มเมื่อหล่อนสามารถดึงเห็ดออกมาได้ทั้งยวงอย่างที่เขาบอก หล่อนไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน และมันเป็นสิ่งที่น่าสนุกเหลือเกิน ทั้งสองช่วยกันเก็บดอกเห็ดอย่างเพลิดเพลิน
“เย็นนี้เราทานต้มยำเห็ดกันนะ” ชายหนุ่มบอกชวนแล้วหันไปยื่นตะกร้าที่มีเห็ดสีขาวอยู่เต็มส่งให้นาดีร์รับไป จากนั้นจึงพาเนตริยาเดินออกจากกระต๊อบเห็ด
“เรามีครบทั้งไก่ ไข่ ผัก ผลไม้ เห็ด แบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องไปซื้อของที่ตลาดเลยน่ะซิ” เนตริยาถาม
“บางอย่างเราก็ต้องซื้อจากตลาด เช่น ข้าวสาร กะปิ น้ำปลา น้ำตาลทราย แต่แค่นี้ก็ทุ่นเงินค่าอาหารในแต่ละเดือนได้มากโขเลยล่ะครับ” ปกป้องนึกถึงผู้ริเริ่มสร้างฟาร์มและสวนผัก นั่นคือนายแพทย์ปริญญ์พ่อของเขา
“เศรษฐกิจพอเพียง” เนตริยาพูดคำนั้น พร้อมทอดสายตาออกไปมองรอบบริเวณฟาร์มเกษตร
“ใช่ครับ เรายึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และที่สำคัญ เราต้องดูแลลูกน้องอีกสองคน ทั้งแสวงและนาดีร์ โดยเฉพาะนาดีร์ผมให้เขารับผิดชอบทั้งหมด เพื่อที่ว่าต่อไปถ้าผมไม่อยู่ที่นี่แล้ว เขาจะสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ด้วย”
เนตริยารู้สึกทึ่งและประทับใจในสิ่งที่ปกป้องพูด
“แทบไม่น่าเชื่อเลยนะว่านายมีความคิดแบบนี้ นายริเริ่มทุกอย่างเองหรือ แล้วนายไปเอาความรู้เกี่ยวกับการเกษตรพวกนี้มาจากไหน”
“เป็นแนวคิดของคุณพ่อผม เราอยู่บ้านป่าแบบนี้ จำเป็นต้องพึ่งตัวเอง จะให้ขี่มอเตอร์ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดทุกวันเหมือนคนที่อยู่ในเมืองไม่ได้หรอก แถมเราไม่มีไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งวันที่จะเสียบปลั๊กตู้เย็นไว้เก็บแช่ของสด ถึงคุณพ่อท่านไม่ได้เรียนเกษตรมา แต่ก็ได้อาศัยถามความรู้จากชาวบ้านชาวสวนแถบนี้”
“นายคงภูมิใจในตัวท่านมากใช่ไหม”
ปกป้องยิ้มรับ แต่ดวงตาสลดวูบลงด้วยความคิดว่าตลอดช่วงชีวิตที่เขาห่างเหินพ่อ เขามีโอกาสได้ชื่นชมและทดแทนคุณท่านเพียงปีเดียวเท่านั้น หากเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าท่านจะมีเวลาอยู่กับเขาเพียงไม่นาน เขาคงตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนเรียนจบแล้ว
ชายหนุ่มปรับสีหน้าแล้วหันมาบอกว่า
“นอกจากไข่กับเนื้อไก่แล้ว เรายังมีปลาให้คุณทานด้วย สังเกตหรือเปล่า”
“ปลาหรือคะ” เนตริยาถามพร้อมกับมองไปรอบๆ พลางทำหน้าฉงน หล่อนมองไม่เห็นว่ามีบ่อปลาตรงไหน แต่พอก้าวเท้าตามชายหนุ่มไปได้อีกหน่อยหล่อนก็ได้ยินเสียงน้ำไหล
พอเดินตามเขาไปอีกไม่กี่ก้าว หญิงสาวจึงได้เห็นว่ามีลำธารอยู่ตรงหน้า ลำธารน้ำใสไหลเอื่อยๆ เห็นก้อนหินกรวดกลมใต้ลำธารชัดแจ๋ว
ปกป้องชี้ให้ดูแอ่งน้ำช่วงหนึ่ง มีเสาหลักที่ทำด้วยไม้ปักล้อมไว้เป็นวงกลม รองด้วยตาข่ายไนลอนจนถึงพื้นลำธาร
“กระชังปลา” ปกป้องบอก หญิงสาวเดินไปชะโงกมอง น้ำที่ใสแจ๋วนั้นทำให้มองเห็นปลาน้ำจืด แหวกว่ายอยู่ภายในแอ่งเกือบ 10 ตัว และในเมื่อเป็นแอ่งที่อยู่ในลำธาร น้ำในกระชังจึงเป็นน้ำไหลมีการถ่ายเท ไม่ใช่น้ำนิ่งแบบบ่อปลา