JJNY : ‘พท.’ผิดหวังพ.ร.บ.สุรา ถูกคว่ำ|จ่อคุมเวลาปิด ‘ผับ-ปั๊ม-สะดวกซื้อ’|ตู่คุยส่วนตัวป้อม|ยูเครน พลังงานตรึงเครียด

‘เพื่อไทย’ ผิดหวัง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าถูกคว่ำ ทำปชช.เสียประโยชน์ เหตุรัฐสนับสนุนการผูกขาด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3661437
 
 
‘เพื่อไทย’ ผิดหวัง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าถูกคว่ำ ทำปชช.เสียประโยชน์ เหตุรัฐสนับสนุนการผูกขาด ชี้ การจำกัดการผูกขาดจะเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่-ทำให้ประเทศพัฒนา แนะ จัดการราคาหน้าโรงกลั่น
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคพท. นายกิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคพท. และน.ส.จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางรัก ในฐานะโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. ร่วมแถลงข่าวในหัวข้อ “จำกัดผูกขาด สุราต้องเสรี
 
โดยนายพิชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่…) พ.ศ… หรือพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ไม่ผ่านการพิจารณาและแพ้ไปแค่ 2 เสียงเท่านั้น ซึ่งหากผ่านได้จะทำให้จำกัดการผูกขาดของสุราในประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการกระจายรายได้ให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งพรรคไทยรักไทยเคยคิดเรื่องนี้แล้วตั้งแต่ปี 2546 ดังนั้น จึงหวังว่าในอนาคตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสุราเสรีนี้จะเกิดขึ้นได้จริงในเรื่องของการผูกขาดนี้ประเทศไทยมีปัญหาการผูกขาดอย่างมาก ขนาดองค์กรระหว่างประเทศยังจัดอันดับประเทศไทยในลำดับท้ายๆ ที่มีการจัดการการผูกขาดได้ย่ำแย่ จึงต้องหาทางจำกัดการผูกขาดในทุกด้านเพื่อให้โอกาสคนรุ่นใหม่สามารถพัฒนาตนเองขึ้นมาได้ อีกทั้งยังจะทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นไปได้ เมื่อมีการแข่งขันที่แท้จริง
 
นายพิชัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อยากให้มีการจำกัดการผูกขาดในการผลิตน้ำมันและกลั่นน้ำมันในประเทศไทย เพราะมีปัญหามาตลอด เพราะโรงกลั่น 6 โรงใน 7 โรงกลั่น เป็นของ ปตท. ซึ่งคุมปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นแล้วเกือบทั้งหมด ทำให้มีปัญหาราคาโครงสร้างราคาน้ำมันที่เป็นปัญหาดังนี้ 1.ราคาหน้าโรงกลั่นจะต้องเท่ากันสิงคโปร์ โดยไม่บวกค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าระเหย ที่ไม่มีจริง เพื่อไม่ให้เอาเปรียบประชาชน โดยราคาขายในประเทศจะต้องเท่ากับราคาส่งออก เพราะบริษัทในเครือ บมจ. ปตท. ขยายการกลั่นเพื่อการส่งออก แสดงว่าราคาส่งออกก็กำไรอยู่แล้ว จะมาบวกเพิ่มไม่สมควร 2.ค่าการตลาดควรจะถูกจำกัดที่ลิตรละ 1.40 บาท ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ อย่าปล่อยให้ราคาค่าการตลาดพุ่งสูงแบบไม่สมเหตุผล และ 3.ราคาส่วนผสมของน้ำมันที่ผลิตจากพืชพลังงานทั้งเอทานอลและน้ำมันปาล์ม ควรมีราคาที่เป็นธรรมไม่สูงกว่าราคาน้ำมันที่ไปผสมมากนัก หากราคาต่างกันมากควรลดราคาหรือไม่ก็ต้องลดการผสมเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน นอกจากนี้ ยังมีปัญหาของกองทุนน้ำมันที่ยังติดลบกว่าแสนล้านบาท โดยมีการนำกองทุนน้ำมันไปสนับสนุนราคาก๊าซหุงต้มจำนวนหลายหมื่นล้านบาท และมีการนำเงินกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโอนเข้ารัฐไป 20,087.43 หมื่นล้านบาทที่ยังไม่ได้คืนมา อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าการผูกขาดจะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์อย่างมาก และต้องจำกัดการผูกขาดให้น้อยที่สุด เพื่อให้มีการแข่งขันซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศและเปิดให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้เติบโตขึ้น
 
ด้าน นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ทุกวันนี้รุมเร้าทำให้ประชาชนอ่อนแอเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วม ปัญหาเศรษฐกิจ น้ำมันปรับเพิ่มราคาขึ้นทุกวัน แต่รายได้นั้นคงที่ จึงอยากให้รัฐบาลเร่งทำงานแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประชาชนมากขึ้นกว่านี้ ช่องทางการหารายได้ให้ประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข ดีกว่าการออกนโยบายกฎกระทรวงขายที่ดินให้ต่างชาติ ซึ่งการกระตุ้นและการพัฒนาเศรษฐกิจให้ประเทศมีความมั่นคงนั้น คือการพัฒนาฐานรากของประเทศให้มีความแข็งแรง การพัฒนาส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่รัฐบาลไทยรักไทยทำไว้แต่เดิมนั้น เป็นการกระตุ้นแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจจากรากหญ้าสู่ยอดไผ่ ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจดี ประเทศชาติก็แข็งแรง เช่น ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า รัฐบาลควรส่งเสริมสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นในด้านนี้มากกว่าการผูกขาดเพื่อเอื้อกลุ่มทุนใหญ่เท่านั้น
 
นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อปี 2544 รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน หนึ่งในนั้นคือการส่งเสริมให้มีการผลิตสุราแช่ชนิดสุราผลไม้ สุราแช่พื้นเมือง และสุรากลั่น ซึ่งล้วนแต่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยที่มีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ จำหน่ายสุราพื้นเมือง ส่งผลให้มีโรงงานสุราเกิดขึ้นจานวนมากในชุมชนต่างๆ หากนโยบายสุราหมักแช่เสรีนี้ไม่ถูกขัดขวาง ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายย่อย  สามารถผลิตและอุตสาหกรรมการผลิตสุราอาจได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สร้างผู้ประกอบการรายย่อยให้แข็งแรง ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมสุรา เพราะมีพื้นฐานจากการเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีผลผลิตทางการเกษตรหลากหลาย ซึ่งหากอุตสาหกรรมสุราได้รับการสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม การขยายไปสู่อุตสาหกรรมสุราอื่นๆ นี่เป็นเพียงหนึ่งนโยบายพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาลนายทักษิณได้ทำไว้ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศในขณะนั้นมีความแข็งแรง ดังนั้น การพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงแข็งแรงอย่างแท้จริง จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้มีความแข็งแรงจากภายใน ดีกว่าการอาศัยเพียงทุนและกำลังจากการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภายนอกประเทศ
 
ขณะที่ น.ส.จุฑาพร กล่าวว่า ขอแสดงความผิดหวังที่กฎหมายสุราเสรีถูกตีตกในสภา และรัฐบาลชิงออกกฎกระทรวงที่มีความหมายคล้ายคลึงกันตัดหน้าเพียง 1 วัน แม้จะมีการปลดล็อกเพิ่มเติมในเรื่องของทุนจดทะเบียนและกำลังการผลิต แต่กลับกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ไว้มากมายที่ประชาชนไม่อาจทำได้ในทางปฏิบัติจริง แสดงให้เห็นว่าโดยแท้จริงแล้ว รัฐบาลนี้ต้องการจะคุ้มครองปกป้องกลุ่มทุนรายใหญ่มากกว่าผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยและประชาชนทั่วไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมไม่อาจยอมรับได้ เพราะการปล่อยให้นายทุนรายใหญ่ผูกขาดหลายธุรกิจรวมถึงธุรกิจสุรา ทำให้มีคนรวยมากเพียงไม่กี่ราย ผู้บริโภคไม่มีสิทธิ์เลือกสินค้า อีกทั้งสุราพื้นบ้านเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบสานกันมายาวนาน การส่งเสริมให้ผลิตได้อย่างเสรี เป็นการส่งเสริมศักยภาพคนไทย ต่อยอดผลผลิตทางการเกษตรที่อาจสูญเปล่าหากไม่แปรรูป สร้างรายได้ให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
 
น.ส.จุฑาพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สุราเถื่อนทุกประเภทจะกลายเป็นสุราถูกกฎหมาย ที่รัฐสามารถเข้าควบคุมคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคได้ ตลอดจนรัฐสามารถจัดเก็บภาษี นำเงินใช้หมุนเวียนในประเทศได้อีกด้วย ซึ่งทุกวันนี้คนไทยที่มีความสามารถต้องไปผลิตเบียร์จากต่างประเทศแล้วส่งกลับมาขายให้คนไทยบริโภค เพราะกฎหมายไม่เอื้อให้พวกเขาทำได้ในประเทศบ้านเกิด ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างใหญ่หลวง โดยประเทศไทยปล่อยให้มีการผูกขาดของนายทุนรายใหญ่กันมาก และ การบังคับใช้กฎหมายในเรื่องป้องกันการผูกขาดยังมีประสิทธิภาพที่ต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อยไม่สามารถพัฒนาก้าวขึ้นเป็นรายใหญ่ได้เพราะถูกปิดกั้น ปิดโอกาสการพัฒนาของประเทศ ดังนั้น หากสามารถทำลายการผูกขาดและเปิดเสรีได้ รายได้จะกระจายเข้าประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้รวมถึงการผูกขาดในทุกเรื่องด้วย ถ้าจำกัดการผูกขาดได้ โอกาสของคนรุ่นใหม่ที่จะพัฒนาและก้าวหน้าก็จะมีมากขึ้น
 


จ่อคุมเวลาปิด ‘ผับ-ปั๊ม-สะดวกซื้อ’ ระทึก กพช.งัดยาแรงสู้ค่าไฟ ถ้าค่าก๊าซวิกฤต
https://www.matichon.co.th/economy/news_3661152
 
จ่อคุมเวลาปิด ‘ผับ-ปั๊ม-สะดวกซื้อ’ ระทึก กพช.งัดยาแรงสู้ค่าไฟ ถ้าค่าก๊าซวิกฤต
 
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า กพช.ได้พิจารณาถึงทิศทางราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) พบว่ายังคงผันผวนและมีราคาสูง รวมถึงอัตราค่าเงินบาทอ่อนค่าจะกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าของไทยในปี 2566 จึงมีมติเห็นชอบมาตรการบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงานในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 ควบคู่กับมาตรการขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมประหยัดพลังงาน โดยกำหนดเกณฑ์ว่ามาตรการร่วมมือนี้จะเป็นมาตรการบังคับเมื่อราคาแอลเอ็นจีตลาดจร (Spot LNG JKM) สูงเกิน 50 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียูต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 14 วัน (Trigger point) จากปัจจุบันราคาแอลเอ็นจีอยู่ที่ประมาณ 28-29 เหรียญต่อล้านบีทียู
 
“มาตรการทั้งหมดมี 11 มาตรการ แต่ 1 ในมาตรการจะว่าด้วยการประหยัด ระยะเริ่มต้นจะเป็นการขอความร่วมมือ แต่หากแอลเอ็นจีสูงกว่าที่กำหนดรัฐจะออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งก่อนบังคับจะดูแนวโน้มราคาและแจ้งเตือนล่วงหน้า” นายกุลิศกล่าว
 
นายกุลิศกล่าวว่า สำหรับมาตรการขอความร่วมมือประหยัดพลังงานในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่อาจจะกลายเป็นมาตรการบังคับในอนาคตกรณีราคาแอลเอ็นจีพุ่งตามเพดาน ได้แก่ การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในอาคารให้สูงขึ้นจากปกติ 2 องศาเซลเซียส (27 องศาเซลเซียส) และปิดระบบแสงสว่างในพื้นที่ที่ไม่จำเป็น การกำหนดเวลาเปิดปิดไฟป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ การปิดสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงหลังเวลา 23.00 น. (เปิดเวลา 05.00-23.00 น.)
 
นายกุลิศกล่าวด้วยว่า การกำหนดเวลาเปิดปิดภาคธุรกิจบริการที่ใช้พลังงานสูง อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ สถานบันเทิง การปิดระบบปรับอากาศก่อนห้างสรรพสินค้าปิด 30-60 นาที การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงของโรงงานอุตสาหกรรม โดยภาครัฐสนับสนุนการให้ข้อมูล คำแนะนำและอาจสนับสนุนเงินลงทุนบางส่วนแก่โรงงานอุตสาหกรรม และมาตรการประหยัดพลังงานอื่นที่เหมาะสมกับสถานการณ์
นายกุลิศกล่าวว่า มาตรการอื่นๆ อาทิ การลดการใช้แอลเอ็นจีเมื่อราคาสูงกว่า 25 เหรียญต่อล้านบีทียู และใช้เชื้อเพลิงอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า จัดหาก๊าซในประเทศและแหล่งเจดีเอ ประมาณ 100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน, เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยที่ 8 มั่นใจว่าแนวทางที่บริหารจัดการนี้จะทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) งวด 1 ปี 2566 (มกราคม-เมษายน) ราคาจะไม่สูงขึ้นกว่างวดปัจจุบันที่ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมค่าไฟฟ้าฐานอยู่ที่ประ มาณ 4.72 บาทต่อหน่วย โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะพิจารณาต้นทุนรวมอีกครั้ง
 


บิ๊กตู่ คุยส่วนตัว บิ๊กป้อม ก่อนถกครม. หลังลือสะพัด จ่อทิ้งพลังประชารัฐ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7353987

บิ๊กป๊อก เปิดโอกาสให้ ‘บิ๊กตู่’ คุยส่วนตัว ‘บิ๊กป้อม’ ในห้องรับรอง ก่อนถกครม. ท่ามกลางกระแสจ่อทิ้ง พลังประชารัฐ ย้ายซบรวมไทยสร้างชาติ
 
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 8 พ.ย. 2565 ที่ห้องรับรองสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้นั่งพูดคุยเป็นการส่วนตัว ภายในห้องรับรองสีเหลืองกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
 
โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ปลีกตัวแยกออกมา ซึ่งท่าทีของทั้งสองคนยังคงเป็นปกติ เพียงแต่พูดกันน้อยลง ซึ่งการคุยกันของพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ครั้งนี้ ถูกจับตาดูท่ามกลางกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จะทิ้งพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ
 
โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พ.ย. พล.อ.ประวิตร ออกมาระบุว่า ไม่ห้าม หากพล.อ.ประยุทธ์ จะย้ายพรรค รวมถึงส.ส.คนอื่นๆ ที่จะย้ายตามนายกฯ ไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่