ไทยรั้งอันดับ 75 ดัชนีทรัพยากรมนุษย์โลก -ความสามารถแรงงานได้ต่ำสุด 20.03 คะแนน
https://www.isranews.org/article/isranews-news/113415-Thaitttatttt.html
ไทยรั้งอันดับ 75 ดัชนีแข่งขันทรัพยากรมนุษย์จาก 133 ประเทศทั่วโลก ได้ 39.23 คะแนน
ขณะความรู้ความสามารถแรงงานได้คะแนนต่ำสุด แค่ 20.03 คะแนน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข้อมูลดัชนีชี้วัดศักยภาพการแข่งขันด้านทรัพยากรมนุษย์โลก (The Global Talent Competitiveness Index 2022 หรือ GTCI) โดยสถาบันทางการศึกษา INSEAD ที่ร่วมมือกับ Portulans Institute และองค์กร Accenture ที่สำรวจและจัดอันดับศักยภาพการแข่งขันด้านทรัพยากรมนุษย์ใน 133 ประเทศจากทุกทวีปทั่วโลก โดยข้อมูลของประเทศไทยนั้นติดอันดับที่ 75 ของโลก โดยมีคะแนนรวมอยู่ที่ 39.23คะแนน ลดลงจากปี 2564 ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 68 มีคะแนนอยู่ที่ 45.46 คะแนน
สำหรับคะแนนเฉลี่ยของ GTCI ในทั้งหกด้าน พบว่าไทยมีคะแนนด้าน 1.ปัจจัยการส่งเสริมแรงงาน ด้านที่เกี่ยวโยงกับบริบทแวดล้อมทางกฎหมาย ด้านการตลาด ด้านธุรกิจและแรงงาน อยู่ที่ 43.82 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 62 ของโลก 2. การดึงดูดแรงงาน อยู่ที่ 44.60 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 92 ของโลก 3.การพัฒนาแรงงาน ทั้งในมิติของการศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการเข้าถึงโอกาสในการประสบความสำเร็จ อยู่ที่ 34.34 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 62 ของโลก 4. การรักษาฐานแรงงาน ในมิติของการดำเนินชีวิตและความยั่งยืน อยู่ที่ 42.69 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 78 ของโลก 5. ทักษะสายวิชาชีพ อยู่ที่ 42.69 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 76 ของโลก และ6. ความรู้ความสามารถระดับสูงของแรงงาน อยู่ที่ 20.03 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 66 ของโลก
ขณะที่ประเทศอื่นๆพบว่าสวิตเซอร์แลนด์ครองอันดับ 1 ประเทศที่ดัชนีชี้วัดศักยภาพการแข่งขันด้านทรัพยากรมนุษย์สูงที่สุด ประจำปี 2565 ด้วยคะแนน 78.20 คะแนน ตามมาด้วยสิงคโปร์ 75.80 คะแนน และเดนมาร์ก 75.44
ส่วนเพื่อนบ้านในย่านอาเซียนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างบรูไนอยู่ในอันดับที่ 41 ได้ 49.26 คะแนน มาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 45 ได้48.24 คะแนน เวียดนามอยู่ในอันดับที่ 74 ได้ 39.31 คะแนน ฟิลิปปินส์ อันดับที่ 80 ได้ 38.06 คะแนน อินโดนีเซีย อันดับที่ 82 ได้ 37 คะแนน และกัมพูชาอันดับที่ 103 ได้ 28.43 คะแนน ส่วนประเทศอื่นในอาเซียนนั้นไม่มีข้อมูล
ขณะที่ประเทศซึ่งอยู่ท้ายตารางได้แก่ชาด ประเทศในทวีปแอฟริกา โดยอยู่ในอันดับที่ 133 ได้ 12.32 คะแนน
เรียบเรียงจาก : https://www.insead.edu/faculty-research/research/gtci
"เพื่อไทย" เย้ย "ประยุทธ์" ถูกโดดเดี่ยวหลัง "ประวิตร–อนุพงษ์" ถอยขายที่ดินต่างชาติ
https://siamrath.co.th/n/397526
"ตรีชฎา" เย้ย "ประยุทธ์" ถูกโดดเดี่ยวหลัง "ประวิตร–อนุพงษ์" ถอยขายที่ดินต่างชาติ สั่งสอนลิ่วล้อเชียร์เกือบทำประเทศพัง-เสียแผ่นดิน
วันที่ 8 พ.ย.65 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯลงนามถอนร่างกฎกระทรวงขายที่ดินให้คนต่างชาติออกตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยเสนอมา ว่า ตนหวังว่าในการประชุมครม.วันที่ 8 พ.ย.65 มีเพียงคำตอบเดียวยกเลิกแนวคิดนี้ไปเสีย จะถือว่ารัฐบาลได้ทำประโยชน์กับประเทศบ้างแล้ว แต่ทั้งหมดก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลเร่งรีบดำเนินการ ไม่ผ่านกระบวนการศึกษารายละเอียดถึงผลดี ผลเสีย อย่างดีพอ จนอาจเดินเข้าสู่ตัดสินใจบกพร่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง จนทำให้สังคมปรามาสว่าเป็นแนวคิดขายชาติ และขอเตือนสติบรรดากองเชียร์ลิ่วล้อที่หลับหูหลับตาเชียร์แบบไม่รู้เรื่อง กลุ่มคนเหล่านี้ควรเปิดหู เปิดตา เปิดใจ รับฟังข้อมูลจากผู้อื่นบ้าง จะได้ไม่พลาดอีก โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งในรัฐบาลที่เคยออกมาเชียร์กฎกระทรวงนี้ว่าช่วยกระตุ้นการลงทุน และยังโจมตีว่ากฎกระทรวงการขายที่ดินต่างชาติ ฉบับปี 2545 เข้มงวดเกินไป ทั้งที่ในช่วงนั้นรัฐบาลภายใต้การนำโดยพรรคไทยรักไทย คิดอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว โดยมีเป้าหมายว่าต้องยังคงไว้ซึ่งการรักษาชาติ รักษาแผ่นดินไทยเอาไว้
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศเป็นแบบรัฐบาลผสม แต่ทำงานแบบตัวใครตัวมัน ไม่รับผิดชอบร่วมกัน ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน มิหนำซ้ำยังทะเลาะและห้ำหั่นกันเองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยกรณีปัญหากัญชาเสรี โดยไม่ได้เกรงใจประชาชนแม้แต่น้อย สิ่งที่เกิดขึ้นอาการของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเดินหน้ากฎกระทรวงขายที่ดินให้ต่างชาติ แต่พล.อ.ประวิตรและพล.อ.อนุพงษ์ จะชะลอ ยิ่งเป็นการประจานพล.อ.ประยุทธ์ ว่ากำลังถูกโดดเดี่ยว ซ้ำยังไม่มีน้ำยาในการสร้างความปรองดองแม้แต่ในคณะรัฐมนตรีเอง
"รัฐบาลประยุทธ์อย่าคิดว่าถ้าพลาดแล้ว ล้มเลิกแล้วจะจบ คำขอโทษประชาชนสักคำไม่มี กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงของรัฐบาลที่กระทบกระเทือนหัวใจคนไทยอย่างรุนแรงถ้ามันเกิดขึ้นจริง คำปรามาสที่สังคมมอบให้ว่าขายชาติ ขายแผ่นดิน คงต้องตกเป็นของรัฐบาลเป็นแน่" น.ส.ตรีชฎากล่าว
ถอนเพราะถูกรุมด่า ขายชาติ! ‘วิษณุ’ ตำหนิตัวเอง – รัฐบาล ไม่ชี้แจงให้ชัดเจน
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/319285
วิษณุ ยอมรับรัฐบาลถอนมติ ครม.ขายที่ดินให้ต่างชาติ เพราะถูกรุมด่า "ขายชาติ" ยืนยัน ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องคน 4 ประเภท ยืดอกตำหนิตัวเอง ไม่ยอมอธิบายให้ประชาชนเข้าใจชัดเจน ชี้หากวันนี้ถอนและไม่นำมาเสนอใหม่ ก็จะเหลือเพียงกฎกระทรวงปี 2545 ที่รุนแรงมากกว่า
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการถอน มติคณะรัฐมนตรีที่อนุญาตให้คนต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ แลกกับการลงทุนในไทย 40 ล้านบาท ว่า หากวันนี้ ครม.มีมติถอนเรื่อง ก็ต้องนำกลับไปแก้ไขและนำกลับเข้ามาสู่ที่ประชุมใหม่อย่างน้อย 15 วัน แต่จะนำกลับมาหรือไม่กลับมาก็ได้ ซึ่งหากถอนร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ ก็จะเหลือเพียงกฎหมายของปี 2545 ที่มองว่ารุนแรงมากกว่า
นายวิษณุ ยังยอมรับด้วยว่า สาเหตุที่ถอนกฏหมายฉบับนี้ออก มีหลายเหตุผลประกอบกันรวมถึงเหตุผลเรื่องการเมืองด้วย โดยเฉพาะที่ทุกคนรุมด่าเรื่องขายชาติ จึงจะต้องถอนกลับไปทำความเข้าใจ พร้อมยังตำหนิรัฐบาลและตนเองที่ไม่ได้ชี้แจงกฎหมายฉบับนี้ ให้มีความชัดเจน ประกอบกับร่างกฎกระทรวงเรื่องที่ดินออกใกล้เคียงกับร่างกฎกระทรวงเรื่องของการขายและผลิตสุรา ทำให้อารมณ์คนมันทะยานขึ้นไป จึงต้องนำกลับไปแก้ไขและรับฟังความคิดเห็น ซึ่งตนก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ หลายข้อเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
นายวิษณุ ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า การที่คนต่างด้าวจะได้ครอบครองที่ดินในประเทศไทย ปัจจุบันมันมีอยู่หลายวิธี
1. เช่า
2. เช่า ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม เป็นเวลา 90 ปี
3. เป็นการคอนโดมิเนียม 49% ของตึก
4. ได้มาตามสนธิสัญญาของคนต่างด้าว ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนต่างด้าวที่ได้ครอบครองที่ดินในไทยมากมาย
ส่วนกฎกระทรวงปี 2545 ที่มีการบังคับใช้มา จากวันนั้นถึงวันนี้ 20 ปีพอดี มีคนต่างด้าวที่มาซื้อที่ดินในไทย 10 ราย และได้สัญชาติไทย 2 ราย และที่เหลือ 8 คน ไม่มีใครซื้อถึงไร่สักคน จำนวนคือประมาณ 100-200 ตารางวาเท่านั้น เพราะเห็นว่ากฎกระทรวงฉบับนี้เป็นภาระยุ่งยาก สู้ซื้อโดยใช้นอมินีไม่ได้ เพราะซื้อได้ถึง 100 ไร่ จึงมักใช้วิธีการซื้อผ่านนอมินีมากกว่า นอกจากนี้ยังมีการใช้วิธีการจัดตั้งบริษัทที่ชาวต่างชาติถือหุ้น 49% และคนไทยถือหุ้น 49% ส่วนอีก 2% หาใครมาอุดช่องว่าง ก็จะถือว่าไม่ใช่บริษัทที่เป็นของต่างชาติและนำไปซื้อที่ดินได้เช่นกัน
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุผลที่กระทรวงมหาดไทยพิจารณาและว่าจะต้องมีการแก้ไขกฎกระทรวงปี 2545 เนื่องจากการซื้อขายที่ดินในไทยจะต้องไม่ใช่ชาวต่างด้าวทุกคนที่ซื้อได้ ไม่ใช่เสื่อผืนหมอนใบก็ซื้อได้ แต่ต้องซื้อภายใต้คน 4 ประเภทนี้
1. คนต่างด้าวที่มีฐานะดี
2. คนต่างด้าวที่เกษียณอายุ และต้องการใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในประเทศไทย
3. เป็นผู้ที่มีทักษะสูง
4. คนที่ลงทุนในประเทศไทยจำนวนมากกว่า 40 ล้านบาท
ส่วนระยะเวลาของปี 2545 ต้องเอาเงินมาลงทุนและถือครองไว้ประมาณ 5 ปี โดยที่ถอนออกไม่ได้ แต่กฎหมายฉบับนี้ลดเหลือเพียง 3 ปี เนื่องจากการวิจัยพบว่า มันไม่ดึงดูดความสนใจและเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป แต่หลังจากการแก้ไขอาจจะกลับมาเป็น 5 ปีตามเดิมก็ได้
JJNY : ไทยรั้งอ้ันดับ 75 |"พท."เย้ย"ประยุทธ์"ถูกโดดเดี่ยว|ถอนเพราะถูกรุมด่า ขายชาติ!|เกาหลีเหนือ ยืนกรานปฏิเสธส่งอาวุธ
https://www.isranews.org/article/isranews-news/113415-Thaitttatttt.html
สำหรับคะแนนเฉลี่ยของ GTCI ในทั้งหกด้าน พบว่าไทยมีคะแนนด้าน 1.ปัจจัยการส่งเสริมแรงงาน ด้านที่เกี่ยวโยงกับบริบทแวดล้อมทางกฎหมาย ด้านการตลาด ด้านธุรกิจและแรงงาน อยู่ที่ 43.82 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 62 ของโลก 2. การดึงดูดแรงงาน อยู่ที่ 44.60 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 92 ของโลก 3.การพัฒนาแรงงาน ทั้งในมิติของการศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการเข้าถึงโอกาสในการประสบความสำเร็จ อยู่ที่ 34.34 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 62 ของโลก 4. การรักษาฐานแรงงาน ในมิติของการดำเนินชีวิตและความยั่งยืน อยู่ที่ 42.69 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 78 ของโลก 5. ทักษะสายวิชาชีพ อยู่ที่ 42.69 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 76 ของโลก และ6. ความรู้ความสามารถระดับสูงของแรงงาน อยู่ที่ 20.03 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 66 ของโลก
ขณะที่ประเทศอื่นๆพบว่าสวิตเซอร์แลนด์ครองอันดับ 1 ประเทศที่ดัชนีชี้วัดศักยภาพการแข่งขันด้านทรัพยากรมนุษย์สูงที่สุด ประจำปี 2565 ด้วยคะแนน 78.20 คะแนน ตามมาด้วยสิงคโปร์ 75.80 คะแนน และเดนมาร์ก 75.44
ส่วนเพื่อนบ้านในย่านอาเซียนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างบรูไนอยู่ในอันดับที่ 41 ได้ 49.26 คะแนน มาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 45 ได้48.24 คะแนน เวียดนามอยู่ในอันดับที่ 74 ได้ 39.31 คะแนน ฟิลิปปินส์ อันดับที่ 80 ได้ 38.06 คะแนน อินโดนีเซีย อันดับที่ 82 ได้ 37 คะแนน และกัมพูชาอันดับที่ 103 ได้ 28.43 คะแนน ส่วนประเทศอื่นในอาเซียนนั้นไม่มีข้อมูล
ขณะที่ประเทศซึ่งอยู่ท้ายตารางได้แก่ชาด ประเทศในทวีปแอฟริกา โดยอยู่ในอันดับที่ 133 ได้ 12.32 คะแนน
เรียบเรียงจาก : https://www.insead.edu/faculty-research/research/gtci
"เพื่อไทย" เย้ย "ประยุทธ์" ถูกโดดเดี่ยวหลัง "ประวิตร–อนุพงษ์" ถอยขายที่ดินต่างชาติ
https://siamrath.co.th/n/397526
"ตรีชฎา" เย้ย "ประยุทธ์" ถูกโดดเดี่ยวหลัง "ประวิตร–อนุพงษ์" ถอยขายที่ดินต่างชาติ สั่งสอนลิ่วล้อเชียร์เกือบทำประเทศพัง-เสียแผ่นดิน
วันที่ 8 พ.ย.65 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯลงนามถอนร่างกฎกระทรวงขายที่ดินให้คนต่างชาติออกตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยเสนอมา ว่า ตนหวังว่าในการประชุมครม.วันที่ 8 พ.ย.65 มีเพียงคำตอบเดียวยกเลิกแนวคิดนี้ไปเสีย จะถือว่ารัฐบาลได้ทำประโยชน์กับประเทศบ้างแล้ว แต่ทั้งหมดก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลเร่งรีบดำเนินการ ไม่ผ่านกระบวนการศึกษารายละเอียดถึงผลดี ผลเสีย อย่างดีพอ จนอาจเดินเข้าสู่ตัดสินใจบกพร่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง จนทำให้สังคมปรามาสว่าเป็นแนวคิดขายชาติ และขอเตือนสติบรรดากองเชียร์ลิ่วล้อที่หลับหูหลับตาเชียร์แบบไม่รู้เรื่อง กลุ่มคนเหล่านี้ควรเปิดหู เปิดตา เปิดใจ รับฟังข้อมูลจากผู้อื่นบ้าง จะได้ไม่พลาดอีก โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งในรัฐบาลที่เคยออกมาเชียร์กฎกระทรวงนี้ว่าช่วยกระตุ้นการลงทุน และยังโจมตีว่ากฎกระทรวงการขายที่ดินต่างชาติ ฉบับปี 2545 เข้มงวดเกินไป ทั้งที่ในช่วงนั้นรัฐบาลภายใต้การนำโดยพรรคไทยรักไทย คิดอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว โดยมีเป้าหมายว่าต้องยังคงไว้ซึ่งการรักษาชาติ รักษาแผ่นดินไทยเอาไว้
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศเป็นแบบรัฐบาลผสม แต่ทำงานแบบตัวใครตัวมัน ไม่รับผิดชอบร่วมกัน ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน มิหนำซ้ำยังทะเลาะและห้ำหั่นกันเองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยกรณีปัญหากัญชาเสรี โดยไม่ได้เกรงใจประชาชนแม้แต่น้อย สิ่งที่เกิดขึ้นอาการของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเดินหน้ากฎกระทรวงขายที่ดินให้ต่างชาติ แต่พล.อ.ประวิตรและพล.อ.อนุพงษ์ จะชะลอ ยิ่งเป็นการประจานพล.อ.ประยุทธ์ ว่ากำลังถูกโดดเดี่ยว ซ้ำยังไม่มีน้ำยาในการสร้างความปรองดองแม้แต่ในคณะรัฐมนตรีเอง
"รัฐบาลประยุทธ์อย่าคิดว่าถ้าพลาดแล้ว ล้มเลิกแล้วจะจบ คำขอโทษประชาชนสักคำไม่มี กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงของรัฐบาลที่กระทบกระเทือนหัวใจคนไทยอย่างรุนแรงถ้ามันเกิดขึ้นจริง คำปรามาสที่สังคมมอบให้ว่าขายชาติ ขายแผ่นดิน คงต้องตกเป็นของรัฐบาลเป็นแน่" น.ส.ตรีชฎากล่าว
ถอนเพราะถูกรุมด่า ขายชาติ! ‘วิษณุ’ ตำหนิตัวเอง – รัฐบาล ไม่ชี้แจงให้ชัดเจน
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/319285
วิษณุ ยอมรับรัฐบาลถอนมติ ครม.ขายที่ดินให้ต่างชาติ เพราะถูกรุมด่า "ขายชาติ" ยืนยัน ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องคน 4 ประเภท ยืดอกตำหนิตัวเอง ไม่ยอมอธิบายให้ประชาชนเข้าใจชัดเจน ชี้หากวันนี้ถอนและไม่นำมาเสนอใหม่ ก็จะเหลือเพียงกฎกระทรวงปี 2545 ที่รุนแรงมากกว่า
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการถอน มติคณะรัฐมนตรีที่อนุญาตให้คนต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ แลกกับการลงทุนในไทย 40 ล้านบาท ว่า หากวันนี้ ครม.มีมติถอนเรื่อง ก็ต้องนำกลับไปแก้ไขและนำกลับเข้ามาสู่ที่ประชุมใหม่อย่างน้อย 15 วัน แต่จะนำกลับมาหรือไม่กลับมาก็ได้ ซึ่งหากถอนร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ ก็จะเหลือเพียงกฎหมายของปี 2545 ที่มองว่ารุนแรงมากกว่า
นายวิษณุ ยังยอมรับด้วยว่า สาเหตุที่ถอนกฏหมายฉบับนี้ออก มีหลายเหตุผลประกอบกันรวมถึงเหตุผลเรื่องการเมืองด้วย โดยเฉพาะที่ทุกคนรุมด่าเรื่องขายชาติ จึงจะต้องถอนกลับไปทำความเข้าใจ พร้อมยังตำหนิรัฐบาลและตนเองที่ไม่ได้ชี้แจงกฎหมายฉบับนี้ ให้มีความชัดเจน ประกอบกับร่างกฎกระทรวงเรื่องที่ดินออกใกล้เคียงกับร่างกฎกระทรวงเรื่องของการขายและผลิตสุรา ทำให้อารมณ์คนมันทะยานขึ้นไป จึงต้องนำกลับไปแก้ไขและรับฟังความคิดเห็น ซึ่งตนก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ หลายข้อเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
นายวิษณุ ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า การที่คนต่างด้าวจะได้ครอบครองที่ดินในประเทศไทย ปัจจุบันมันมีอยู่หลายวิธี
1. เช่า
2. เช่า ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม เป็นเวลา 90 ปี
3. เป็นการคอนโดมิเนียม 49% ของตึก
4. ได้มาตามสนธิสัญญาของคนต่างด้าว ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนต่างด้าวที่ได้ครอบครองที่ดินในไทยมากมาย
ส่วนกฎกระทรวงปี 2545 ที่มีการบังคับใช้มา จากวันนั้นถึงวันนี้ 20 ปีพอดี มีคนต่างด้าวที่มาซื้อที่ดินในไทย 10 ราย และได้สัญชาติไทย 2 ราย และที่เหลือ 8 คน ไม่มีใครซื้อถึงไร่สักคน จำนวนคือประมาณ 100-200 ตารางวาเท่านั้น เพราะเห็นว่ากฎกระทรวงฉบับนี้เป็นภาระยุ่งยาก สู้ซื้อโดยใช้นอมินีไม่ได้ เพราะซื้อได้ถึง 100 ไร่ จึงมักใช้วิธีการซื้อผ่านนอมินีมากกว่า นอกจากนี้ยังมีการใช้วิธีการจัดตั้งบริษัทที่ชาวต่างชาติถือหุ้น 49% และคนไทยถือหุ้น 49% ส่วนอีก 2% หาใครมาอุดช่องว่าง ก็จะถือว่าไม่ใช่บริษัทที่เป็นของต่างชาติและนำไปซื้อที่ดินได้เช่นกัน
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุผลที่กระทรวงมหาดไทยพิจารณาและว่าจะต้องมีการแก้ไขกฎกระทรวงปี 2545 เนื่องจากการซื้อขายที่ดินในไทยจะต้องไม่ใช่ชาวต่างด้าวทุกคนที่ซื้อได้ ไม่ใช่เสื่อผืนหมอนใบก็ซื้อได้ แต่ต้องซื้อภายใต้คน 4 ประเภทนี้
1. คนต่างด้าวที่มีฐานะดี
2. คนต่างด้าวที่เกษียณอายุ และต้องการใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในประเทศไทย
3. เป็นผู้ที่มีทักษะสูง
4. คนที่ลงทุนในประเทศไทยจำนวนมากกว่า 40 ล้านบาท
ส่วนระยะเวลาของปี 2545 ต้องเอาเงินมาลงทุนและถือครองไว้ประมาณ 5 ปี โดยที่ถอนออกไม่ได้ แต่กฎหมายฉบับนี้ลดเหลือเพียง 3 ปี เนื่องจากการวิจัยพบว่า มันไม่ดึงดูดความสนใจและเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป แต่หลังจากการแก้ไขอาจจะกลับมาเป็น 5 ปีตามเดิมก็ได้