อยากลาออกแต่รู้สึกผิดเพราะทำงานที่นี่มานานทำไงดีคะ

กำลังจะได้งานใหม่แต่อีกใจนึงก็รู้สึกผิดที่ต้องลาออกจากงานเดิมไป เพราะจะไม่ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันแล้ว หรืออาจเพราะกลัวเป็นการทิ้งงานที่ยังเหลือเอาไว้ให้เพื่อนที่ยังอยู่ ซึ่งความรู้สึกผิดแบบนี้อาจทำให้เราไขว้เขวกับการตัดสินใจย้ายงาน หรืออาจทำให้เราใช้เวลาที่เหลือกับงานเก่าอย่างไม่มีความสุขก็ได้ JobThai Tips พาไปดูแนวคิดที่จะช่วยยกความรู้สึกผิดเหล่านี้ออกจากใจ และให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีความรู้สึกที่ดี ๆ กัน 

จะเติบโตได้ ต้องเจอการเปลี่ยนแปลงบ้าง 
เมื่อเราทำงานที่เดิมมาเป็นเวลานาน หลายคนที่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาความสามารถมาจนสุดขีดที่ตำแหน่งนี้จะให้ได้แล้วจึงเริ่มมองหาเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ซึ่งบางครั้งการทำที่เดิมต่อไปอาจไม่ตอบโจทย์เป้าหมายใหม่อีกแล้ว ดังนั้นการลาออกจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่นับว่าเป็นเรื่องปกติมาก ๆ เพราะในฐานะคนทำงานเราไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดที่อยากจะก้าวหน้าเลยสักนิด 
 
การลาออกเพราะได้งานใหม่ เป็นเรื่องที่ควรทำให้เรารู้สึกแฮปปี้ 
คนหางานบางคนที่ผ่านช่วงเวลาการส่งใบสมัครและสัมภาษณ์งานมาอย่างดุเดือด พอได้รับการตอบรับจากบริษัทใหม่มันก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจไม่ต่างกับการได้รับรางวัล เพราะฉะนั้นอย่าเอาแต่รู้สึกผิดที่จะต้องลาออกจนทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นที่มีต่องานใหม่ลดลงหรือหมดไป เอาเวลาที่มีไปเอ็นจอยกับพลังบวกและความรู้สึกตื่นเต้นแทนดีกว่า อย่าลืมว่าโอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ นะ 
  
อย่ารู้สึกผิดเพราะกำลังมีงานติดพัน 
ถ้าจังหวะที่ตั้งใจจะลาออกคือช่วงที่งานปัจจุบันกำลังรัดตัว เราอาจรู้สึกผิดและไม่กล้าทิ้งทีมเพราะคิดว่าจริง ๆ มันไม่ใช่จังหวะที่เหมาะเอาซะเลย สิ่งสำคัญที่เราต้องย้ำกับตัวเองเอาไว้ก็คือ ถึงงานนี้จะไม่มีเราอีกแล้ว แต่ตัวงานยังคงต้องเดินต่อไม่ว่าทางใดก็ทางนึง ไม่ช้าก็เร็วบริษัทหรือหัวหน้าทีมก็ต้องหาคนมาแทนเราได้ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือแจ้งล่วงหน้าว่าเราอยู่ถึงช่วงไหน ช่วยเคลียร์งานในส่วนของเราให้เรียบร้อยที่สุด และเตรียมข้อมูลต่าง ๆ สำหรับส่งต่อให้คนใหม่ที่จะเข้ามาทำให้เขาสามารถทำงานต่อได้อย่างราบรื่น 
 
มองว่าการจ้างงานคือข้อตกลงทางธุรกิจ 
เมื่อทำงานที่เดิมมาเป็นเวลาหลายปีจนสนิทกับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน เราอาจรู้สึกผิดเมื่อต้องลาออก เพราะคิดว่าตัวเองทิ้งคนในทีมเอาไว้ข้างหลังรึเปล่า เมื่อไหร่ที่มีความคิดนี้ผุดขึ้นมาให้เรามองกลับไปที่จุดเริ่มต้นว่าเราตัดสินใจมาทำงานที่นี่ด้วยข้อตกลงทางธุรกิจ ซึ่งทั้งเราและองค์กรเองต่างก็มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะร่วมงานกันไปถึงเมื่อไหร่ ยังไงก็ตามถึงเราจะลาออกไปก็ไม่ได้แปลว่าความสัมพันธ์ดี ๆ ที่มีกับคนในบริษัทเดิมจะต้องจบลง หรือต้องเลิกรู้จักกันไป เรายังสามารถรักษา Connection ดี ๆ ระหว่างกันเอาไว้ได้เสมอ ไม่แน่พอห่างกันอาจสนิทกันกว่าเดิมก็ได้ เพราะเราสามารถแชร์เรื่องราวให้กันฟังได้มากขึ้นโดยไม่ต้องกลัวว่าจะกระทบกับเรื่องงานอีกต่อไป 
  
นึกภาพคนอื่นมาทำงานแทนเรา 
ถ้ายังรู้สึกผิดกับการลาออกเพราะผูกพันกับงานที่ทำมานาน ให้ลองมองว่าเราในตอนนี้เติบโตจากตอนเพิ่งเข้าทำงานและได้เก็บเกี่ยวทักษะและความสามารถมามากพอจนอิ่มตัวแล้ว เราพร้อมสำหรับการไปทำสิ่งใหม่ที่ต่างไปจากเดิมแล้ว จากนั้นก็ลองนึกภาพคนทำงานรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำงานแทนเรา ได้เรียนรู้ประสบการณ์แบบเดียวกับที่เราได้ มองไปถึงผลดีที่ทีมจะได้ว่าหลังจากนี้ทางทีมจะมีคนคอยเสนอไอเดียใหม่ ๆ ส่วนเราเองก็จะได้ไปช่วยเสนอไอเดียใหม่ ๆ ให้กับที่ทำงานใหม่ด้วยนั่นเอง 
  
การรับข้อเสนอจากงานเดิม อาจไม่ช่วยอะไร 
การที่เรายอมให้ความรู้สึกผิดเป็นผู้ชนะ อาจนำเราไปสู่การตอบรับข้อเสนอจากงานเดิมในตอนคุยเรื่องลาออก เช่น ข้อเสนอการเพิ่มเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง โดยที่ข้อเสนอเหล่านี้จะกำจัดเหตุผลบางข้อที่ทำให้เราอยากลาออกออกไป เราต้องพิจารณาว่าข้อเสนอเหล่านี้มันคุ้มรึเปล่ากับการต้องทำงานที่เดิมต่อไปอีกพักใหญ่ เพราะถ้าเราต้องตัดสินใจอยู่ต่อทั้งที่ไม่มีใจแล้ว เราอาจกลายเป็นคนที่เฉยชากับการทำงานและส่งผลกับคุณภาพของผลงานที่ทำ เพื่อนร่วมงานก็อาจสัมผัสได้ว่าเราอยู่อย่างไม่โอเค คราวนี้ถ้ายังอยากลาออกอยู่ก็อาจจะยิ่งคุยยากกว่าเดิม เพราะเหตุผลเดิม ๆ ที่เคยทำให้อยากลาออก ได้ถูกอุดไปด้วยข้อเสนอใหม่ที่เขาให้แล้ว 
  
ความรู้สึกผิดมักจะมาคู่กับการตัดสินใจลาออกจนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ต้องเจอในชีวิตของเราทุกคน แทบจะไม่มีใครที่ทำงานในตำแหน่งเดิมไปตลอดชีวิต และเมื่อเราสามารถเอาชนะความรู้สึกผิดได้ในที่สุด เราจะออกเดินไปยังบทใหม่ของชีวิตการทำงานได้อย่างสบายใจมากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่