JJNY : 5in1 พิธาหวังโหวต|‘โรม’จี้ทำลาย‘ตั๋ว’|ธนาธรชี้เลือกตั้งครั้งหน้า|ข่าวร้ายเบนซิน-แก๊สโซฮอล์|จีนผวา!ติดโควิดพุ่ง

‘พิธา’ หวัง ส.ว.เกินครึ่ง โหวตร่วมจัดประชามติ ‘ไอติม’ ชวนรีเซตประเทศไทย ส่งชื่อตรง ครม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3653664

 
‘พิธา’ หวัง ส.ว.เสียงเกินครึ่งโหวตร่วมจัดประชามติพร้อมเลือกตั้ง ด้าน ‘ไอติม’ ชวนรีเซตประเทศไทย เข้าชื่อส่งตรงให้ ครม.
 
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงหลังที่ประชุมสภามีมติเห็นชอบให้จัดทำประชามติถามประชาชนเพื่อจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมวันเลือกตั้งว่า 3 เหตุผลสำคัญที่จะต้องจัดประชามติพร้อมเลือกตั้ง ข้อแรก คือประหยัดงบประมาณในการจัดการ ข้อที่สอง เป็นเรื่องของหลักการทำให้การร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นได้เร็วที่สุด และข้อสาม เป็นเรื่องการแสดงออกอย่างนัยเพราะหากมีการจัดประชามติ ประเทศไทยมีโอกาสจะเปลี่ยนกฎหมายสูงสุดของประเทศให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด
   
นายพิธากล่าวต่อว่า หวังว่า ส.ว.จะร่วมเห็นชอบกับแนวทางของพรรคก้าวไกล ด้วยการโหวตให้เกินครึ่งเพราะหากย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 สภาเคยมีญัตติโหวตให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จากนั้นเดือนมีนาคม 2564 ส.ว.คว่ำญัตติดังกล่าว โดยหยิบยกเหตุผลว่าการแก้รัฐธรรมนูญต้องจัดประชามติก่อน ดังนั้น ครั้งนี้ ส.ว.คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เห็นชอบกับพรรค ก.ก.
 
ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ในฐานะผู้เสนอแคมเปญ reset ประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของภาคประชาชน แคมเปญ Reset ประเทศไทยใช้การเข้าชื่อของประชาชนจำนวน 6 หมื่นรายชื่อ โดยไม่ต้องอาศัยเสียงของ ส.ว.ซึ่งหากมีประชาชนร่วมเข้าชื่อครบตามจำนวนดังกล่าวก็สามารถส่งไปยังที่ประชุม ครม.ได้ทันทีโดยไม่ต้องหวังเสียงของ ส.ว. ดังนั้น เชื่อว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ ครม.ล้มมตินี้
  

  
‘โรม’ จี้ ทำลาย ‘ตั๋ว’ กระดุมเม็ดแรกแก้ปัญหากราดยิง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3654091
 
‘โรม’ จี้ ทำลาย ‘ตั๋ว’ กระดุมเม็ดแรกแก้ปัญหากราดยิง
 
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน เวลา 13.30 น. ที่ประชุมสภา มีการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา 6 ฉบับ ของ ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้สภาหาแนวทางแก้ปัญหาอุทกภัยและกรณีโศกนาฏรรมกราดยิง จ.หนองบัวลำภู เพื่อให้มีข้อเสนอไปยังรัฐบาลหาแนวทางแก้ปัญหา มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเป็นคนแรกว่า น้ำท่วมขณะนี้ เพราะระบบเตือนภัยมีปัญหา รวมถึงผลพวงจากระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกข้อปฏิบัติห้ามนักการเมืองแจกของช่วยเหลือประชาชนทุกกรณีก่อนรัฐบาลครบวาระ 180 วัน ส.ส.ได้แค่มอง ให้กำลังใจ จำเป็นที่สภาต้อง ร่วมกันแก้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ เพื่อช่วยประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ เพราะนักการเมืองถูกมัดมือมัดเท้าห้ามช่วยประชาชน แต่หน่วยงานรัฐทำได้ แล้วใช้โอกาสนี้ไปแสวงหาความนิยมให้รัฐบาล จะหาเสียงก็ไม่ว่า แต่ต้องให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือทันท่วงที
  
ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า ตนเสนอแนวทางป้องกัน ปฏิรูประบบราชการ เพื่อป้องกันเหตุในลักษณะกราดยิงที่หนองบัวลำภู ก่อนหน้านี้มีเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา สาเหตุหนึ่งมาจากการความไม่เป็นธรรมในระบบกองทัพ มีการหักหัวคิว ทำให้จ่าคนหนึ่งคลุ้มคลั่ง ระบบภายในราชการ ทหาร ตำรวจ อยู่ในจุดวิกฤต ซึ่งปัจจัยมี 4 อย่างคือ 
1. ปืน 
2. ยาเสพติด 
3. โครงสร้างระบบราชการภายในตำรวจ ที่ทำให้คนเป็นบ้า 
และ 4. ปัญหาสุขภาวะทางจิต ผู้ปฏิบัติหน้าที่เครียดสะสม
 
ทั้ง 4 ข้อต้องแก้ไข ปัญหาใหญ่คือเรื่องตั๋ว ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศกับสังคมเมื่อปี 2562 ว่าปัญหาตั๋วจะหมดไป แต่วันนี้ยังมีอยู่ตลอดเวลา อาทิ ตำรวจปล้นปืนโรงพัก 100 กระบอก หรือเรื่องมีการบริจาคเงิน ให้กับพรรครัฐบาลพรรคหนึ่ง 3 ล้านบาท ถามว่าหลักฐานประจักษ์ขนาดนี้ท่านได้ขยายผลหรือไม่ ว่านี่คือการจ่ายเงินเพื่อให้มีอำนาจบางอย่างหรือไม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีตั๋ว มันต้องซื้อ เมื่อมันต้องซื้อมันราคาแพง เมื่อราคาแพงเงินเดือนปกติไม่มีทางพอ เมื่อลำดับชั้นสูงขึ้นอาชีพสุจริตเป็นไปไม่ได้ จึงต้องเข้าไปทำธุกิจเทาๆ เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีบ่อนเต็มบ้านเต็มเมือง มีผับเปิดเกินเวลาได้ และทำไมยาเสพติดวันนี้ราคาถูก ถ้าทลายระบบตั๋วไม่ได้ ธุรกิจผิดกฎหมายยังคงอยู่ สิ่งที่ต้องทำคือทำลายตั๋ว นี่คือกระดุมเม็ดแรกในการแก้ปัญหาของการกราดยิง จ.หนองบัวลำภู



"ธนาธร"ชี้เลือกตั้งครั้งหน้าโอกาสไทยกู้คืนปชต.จบระบอบประยุทธ์
https://www.nationtv.tv/news/politics/378891703
 
"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ"ชี้ความล้มเหลวประชาธิปไตยในไทยคือปล่อยให้ "ประยุทธ์"อยู่ยาว 8 ปี แถมส่งผลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในระดับโลก ย้ำเลือกตั้งครั้งหน้าโอกาสกู้คืนปชต. จบระบอบประยุทธ์
  
3 พฤศจิกายน 2565 "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งในงาน Oslo Freedom Forum in Taiwan : Champion of Change ซึ่งเป็นมหกรรมด้านสิทธิมนุษยชน ที่จัดขึ้นโดย The Human Rights Foundation เป็นประจำทุกปี โดยมีการเชิญผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนจากแวดวงต่างๆ ทั่วโลกมาเข้าร่วม 
   
โดยธนาธร กล่าวว่า นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 คำถามสำคัญที่เป็นใจกลางของการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทยมาเสมอ คือ อำนาจสูงสุดเป็นของใครกันแน่ และเมื่อชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม ปฏิเสธที่จะมอบอำนาจนี้ให้แก่ประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้น คือ การมีรัฐธรรมนูญ 20 ฉบับ นายกรัฐมนตรี 29 คน และการรัฐประหาร 13 ครั้ง รวมทั้งการปราบปรามประชาชนทั้งในปี 2516  2519 2535 และ 2553 ในรอบ 90 ปีที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ การมี "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจากการรัฐประหารในปี 2557 และยังคงสืบทอดอำนาจมาได้ถึง 8 ปี วันนี้ (3พ.ย.) คือ ผลจากความล้มเหลวในการปกป้องประชาธิปไตย แต่ผลของความล้มเหลวนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในระดับโลกด้วย
  
"การขึ้นมาของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ที่ไม่สมดุล เอียงข้างไปทางจีนมากขึ้นทั้งในทางการทูต เศรษฐกิจ และการทหาร นำมาสู่การที่ในปี 2018 ประเทศไทยส่งตัวผู้ลี้ภัยอุยกูร์กว่า 100 คนกลับไปเผชิญชะตากรรม แทนที่จะได้รับการส่งตัวไปประเทศที่สาม ตามคำเรียกร้องและคำเตือนของนานาชาติ รวมทั้งกรณีการรัฐประหารในเมียนมา ที่นำมาสู่การปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรงในปี 2564" นายธนาธร กล่าว 
 
ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยวันนี้ นับตั้งแต่การยุบพรรคอนาคตใหม่ในปี 2563 คนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ได้ออกมาประท้วงทั่วประเทศ เพื่อทวงอนาคตที่ถูกขโมยไป พร้อมข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูป แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กลับใช้อำนาจดำเนินคดีประชาชน กว่า 2,017 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว โดยมีถึง 183 คน รวมทั้งตนที่ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหา 112 
  
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหาร 2557 การส่งกลับชาวอุยกูร์ การรัฐประหาร และวิกฤติผู้ลี้ภัยเมียนมา รวมถึงการจับกุมคุมขังเยาวชนผู้ที่ต้องการเพียงอนาคตที่ดีกว่านี้สำหรับประเทศ จะไม่เกิดขึ้นหากประสบความสำเร็จในการปกป้องประชาธิปไตยในประเทศไทย
  
"เมื่อเราสูญเสียประชาธิปไตยไป มันใช้เวลานานในการกอบกู้ แต่ปีหน้าเราจะมีเลือกตั้ง นี่คือโอกาสสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่เปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการจบระบอบประยุทธ์ ทำให้คนรุ่นใหม่ๆ เชื่ออีกครั้งว่าประเทศนี้เป็นของเราทุกคน" นายธนาธร กล่าว
 

 
อย่าลังเลแวะปั๊มด่วน! ข่าวร้ายชาวเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ น้ำมันปรับขึ้นราคาแล้ว
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7347384

อย่าลังเลแวะปั๊มด่วน! ข่าวร้ายชาวเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ น้ำมันปรับขึ้นราคาแล้ว
 
วันที่ 3 พ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พีทีที สเตชั่น และบางจาก ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 4 พ.ย.2565 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
   
ส่งผลให้เบนซินอยู่ที่ 43.16 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.75 บาทต่อลิตร E20 อยู่ที่ 34.64 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 35.48 บาทต่อลิตร E85 อยู่ที่ 33.24 บาทต่อลิตร พรีเมี่ยม แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 41.24 บาทต่อลิตร
  
ขณะที่ กลุ่มดีเซลคงเดิม โดยดีเซล B7 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดีเซล B10 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดีเซล B20 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร และพรีเมี่ยมดีเซล B7 อยู่ที่ 43.66 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่