JJNY : ‘ชลน่าน’ ฟันธง 24 ธ.ค.|ตรีชฎาแนะธนกร เป็น‘ส.ส.’แล้ว|คลังกุมขมับ เร่งหาเงินอุ้มพืชผลเกษตร|พท.เสียใจอิแทวอน

‘ชลน่าน’ ฟันธง 24 ธ.ค.ยุบสภา รัฐบาลฉวยจังหวะชิงได้เปรียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3647133
  
 
‘ชลน่าน’ ฟันธง 24 ธ.ค.ยุบสภา รัฐบาลฉวยจังหวะชิงได้เปรียบ
  
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นได้ที่อาจจะมีการยุบสภาฯก่อนครบวาระ ว่า เชื่อว่าจะมีการยุบสภาก่อนวันที่ 24 ธันวาคม เนื่องจากวันดังกล่าวเป็นระยะเวลา 90 วันก่อนรัฐบาลครบวาระ ซึ่ง ส.ส.หลายคนอาจย้ายพรรคกันก่อนวันดังกล่าว อาจส่งผลกระทบถึงการตัดสินใจยุบสภาฯของนายกรัฐมนตรีได้ หากจัดการเรื่องการย้ายพรรคของส.ส.เสร็จ และส่วนตัวก็เชื่อว่าคิดว่ารัฐบาลจะยุบสภาฯก่อนครบวาระแน่นอน เพราะผู้มีอำนาจจะได้ประโยชน์สูงสุด เช่น หากยังไม่มีกฎหมายเลือกตั้งก็จะรักษาการได้ยาว หรือกรณีมีกฎหมายเลือกตั้งแล้ว จะสามารถคุมจังหวะจัดการเรื่องการย้ายพรรคของ ส.ส. และเตรียมความพร้อมสำหรับพรรคการเมืองของตัวเองได้มากกว่าใคร อีกทั้งยังเป็นการลดแรงกดดันประชาชนที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง
 
เมื่อถามว่า เวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล คิดว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาซื้อใจประชาชนก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลทำแล้วโดยใช้งบประมาณแผ่นดินในการให้ของขวัญปีใหม่ สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เตรียมไว้ เช่น การขึ้นทะเบียนบัตรคนจน 23 ล้านใบ โครงการลดแลกแจกแถม การอนุมัติแผนงานไตรมาตรแรก ถ้าทำเสร็จถือว่าพร้อมยุบสภาฯได้
 
เมื่อถามถึง ความพร้อมของพรรคพท.ในการเตรียมเลือกตั้ง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ในการเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว ทั้งแคนดิเดตนายกฯ การประกาศนโยบาย และทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้น ขอเพียงรัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชนเท่านั้นเอง หากรัฐบาลมีสัญญาณยุบสภาฯเมื่อใด จะประกาศแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคทันที 3 คน ทั่นใจเป็นที่ยอมรับของประชาชนแน่นอน
  

 
ตรีชฎา แนะ ธนกร เป็น ‘ส.ส.’ แล้วหัดเรียนรู้งานสภา อย่าเทียบชั้น ‘ชลน่าน’ มวยคนละรุ่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3647239

“ตรีชฎา” สอนมวย “ธนกร” เป็น ส.ส.แล้วต้องหัดเรียนรู้งานสภา อย่าพยายามเทียบชั้น “ชลน่าน” ยัน ฝ่ายค้านเปิดอภิปราย 152 เป็นการถ่วงดุลในระบบรัฐสภาตามระบอบ ปชต. 
 
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาระบุว่าการที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พท. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เพื่อเรียกคะแนนนิยมให้ตัวเองหวังดิสเครดิตรัฐบาลนั้น
 
ตนรู้สึกอนาถใจต่อทัศนคติของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ส.ส. อย่างนายธนกร ที่ไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็นหลักการโดยทั่วไปของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การตรวจสอบถ่วงดุลกันระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐสภา และศาล ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ได้กำหนดให้รัฐสภาซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนประชาชนที่มี ส.ส.ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ สามารถควบคุมตรวจสอบ ครม.ได้หลายวิธี ซึ่งหนึ่งในวิธีที่สามารถทำได้โดยทั่วไปคือการเปิดอภิปรายทั่วไป
 
น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญมาตรา 152 พ.ศ.2560 บัญญัติให้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ ส.ส.ที่มีอยู่ในสภายื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อครม.โดยไม่มีการลงมติ ซึ่งที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนทั้งประเทศรู้ดีว่าภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล ประสบปัญหาอะไรและอย่างไรบ้าง หน้าที่ของฝ่ายค้านคือตรวจสอบ หน้าที่ของรัฐบาลคือต้องหาคำตอบ ไม่ใช่ส่งคนอย่างนายธนกรออกมาให้ข่าวค่อนแคะผู้นำฝ่ายค้านฯโดยไม่รู้ประสาทางการเมืองแบบนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาลทั้งองคาพยพที่ติดลบอยู่แล้วให้ตกต่ำลดลงไปอีก
  
น.ส.ตรีชฎา กล่าวด้วยว่า ทางที่ดีนายธนกรควรหันไปใช้เวลาศึกษารัฐธรรมนูญให้ถ่องแท้เสียก่อนออกมาให้ข่าว หรือไปทำหน้าที่ของ ส.ส.ที่แท้จริงด้วยการลงพื้นที่ไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบพี่น้องประชาชนบ้าง ไปสัมผัสกับความทุกข์ยากของประชาชนบ้างว่าเดือดร้อนอย่างไร มีกินมีใช้หรือไม่ แล้วไปแก้ปัญหา ไม่ใช่ออกมาให้ข่าวปล่อยไก่ พยายามเทียบชั้นกับนพ.ชลน่าน ส.ส.และดาวสภาหลายสมัย เพราะเป็นมวยคนละรุ่น กระดูกคนละเบอร์
 
“ศึกซักฟอกที่จะเกิดขึ้นในกลางเดือนธันวาคมนี้จะเป็นเสมือนของขวัญปีใหม่จากฝ่ายค้าน เพื่อสอบถามการแก้ปัญหายาเสพติด ปัญหาการใช้อาวุธปืนเกลื่อนกลาดขาดการควบคุมดูแลที่ดีพอ บ่อนการพนัน กัญชาเสรี การเปิดให้ต่างชาติซื้อที่ดินในไทยได้จนถูกสังคมตั้งคำถามจะถูกฝ่ายค้ายนำมาชำแหละ และรัฐบาลต้องออกมาชี้แจง เพื่อบอกให้สังคมรับรู้ความจริงว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีการบริหารที่ล้มเหลวหรือไม่ ขอยืมคำของนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่กล่าวว่ารัฐบาลจะกลัวอะไรกับการซักฟอก ในเมื่อคนในรัฐบาลมีปาก มีสมองเหมือนกันก็เอามาใช้ อย่าพกแต่ปากให้เอาสมองมาด้วย รับรองคนที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือประชาชน” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
  

 
คลังกุมขมับ เร่งหาเงินอุ้มพืชผลเกษตร
https://www.prachachat.net/finance/news-1101221
 
คลังกุมขมับเงินกู้ 1.5 ล้านล้านหมดเก๊ะ-เงินอุดหนุนมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังปริ่มเพดาน “อาคม” สั่งเร่งเคลียร์โครงการเก่า-หาทางเพิ่มพื้นที่ใช้งบฯเพิ่ม ศึกษาแก้กฎหมายขยับเพดานเงินอุดหนุนอีกรอบ
 
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้ประชุมหารือเบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.), สำนักงบประมาณ, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)
 
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อพิจารณาภาพรวมโครงการต่าง ๆ ที่มีความต้องการใช้เงินตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของภาครัฐ ในปีงบประมาณ 2566
 
“ตอนนี้เรายังไม่ได้ข้อสรุป ยังเป็นการเรียกหน่วยงานเข้ามาดูภาพรวม ว่ามีโครงการอะไรบ้างที่ต้องใช้เงิน ไม่ใช่เฉพาะโครงการเกี่ยวกับการประกันรายได้ข้าว เนื่องจากยังมีโครงการที่ยังต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก” นายอาคมกล่าว
 
ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมนอกรอบ เพื่อหาแนวทางไปรายงาน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยพิจารณาในภาพรวมโครงการที่ต้องการใช้เงินทั้งหมด และให้ความสำคัญกับแหล่งเงินงบประมาณ
 
ทั้งงบประมาณที่มีอยู่ของหน่วยราชการ รวมถึงงบฯกลางด้วย เพราะในปีงบประมาณ 2566 นี้ ไม่มีเงินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินทั้ง 2 ฉบับแล้ว ดังนั้น เม็ดเงินที่พิจารณาอยู่ขณะนี้จึงมีเพียงงบประมาณประจำปีอย่างเดียว จึงต้องให้ความสำคัญกับการใช้เงินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
 
“ต้องพิจารณาให้การดำเนินงานต่าง ๆ ของภาครัฐเกิดประโยชน์จริง ด้วยแหล่งเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดในปีงบประมาณ 2566 โดยต้องดูว่าจะสามารถทำได้อย่างไรบ้างในส่วนของมาตรา 28 หลังจากปีงบประมาณ 2565 ที่ผ่านมา ได้ขยายกรอบเพดานจาก 30% เป็น 35% ชั่วคราว
ซึ่งขณะนี้สิ้นสุดแล้ว ก็ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูว่าจะสามารถออกกฎหมายให้คงที่อัตราเพดานไว้ที่ 35% หรือจะเพิ่มขึ้นอีกได้หรือไม่ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้เงิน อย่างไรก็ดี จะต้องรอดูโครงการที่จะขอใช้เงินในปีงบประมาณ 2566 นี้ด้วย” แหล่งข่าวกล่าว
 
ทั้งนี้ มาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของภาครัฐ ในส่วนการก่อหนี้ภาครัฐต่อสัดส่วนงบประมาณ จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 30% เป็น 35% มีพื้นที่ในการก่อหนี้ได้ 930,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ระดับ 32% หรือเป็นวงเงินประมาณ 890,000 ล้านบาทแล้ว
  
ฉะนั้น หากต้องการเพิ่มพื้นที่ในการก่อหนี้ส่วนนี้เพิ่ม รัฐบาลจะต้องไปชำระหนี้ส่วนที่ค้างอยู่ เช่น โครงการจำนำข้าว ที่รัฐบาลค้างจ่ายอยู่ 80,000 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2566 ก็ตั้งงบฯชำระหนี้ส่วนนี้รวมแล้ว 57,000 ล้านบาท โดยหากชำระหนี้ทั้งหมดก็จะมีพื้นที่ในการใช้เงินตามมาตรา 28 มากขึ้น

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า รมว.คลังได้สั่งการให้ ธ.ก.ส. เข้าไปสำรวจโครงการจากมาตรการของรัฐต่าง ๆ ที่ดูแลเกษตรกร เนื่องจากบางโครงการยังใช้เม็ดเงินไม่หมดตามกรอบวงเงินที่ตั้งไว้ ก็ขอให้นำวงเงินส่วนนั้นกลับมาคืน เพื่อเพิ่มพื้นที่มาตรา 28 ให้รัฐบาลใช้เงินดูแลประชาชนในโครงการอื่น ๆ ได้เพิ่มขึ้น
 
“รมว.คลังยังได้สั่งการให้ ธ.ก.ส. เป็นหน่วยงานหลักในการสำรองเงินจ่ายดูแลประชาชน โดยปัจจุบัน ธ.ก.ส.มีเม็ดเงินสำรองเพื่อจ่ายเงินในโครงการประกันรายได้อยู่ประมาณ 400,000 ล้านบาท

แต่หากให้ ธ.ก.ส.สำรองจ่ายไปก่อนตามวงเงินที่มีอยู่ ก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี เนื่องจากจะเกินกรอบวินัยการเงินการคลังตามมาตรา 28 ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 35% ฉะนั้น รัฐบาลจึงอยู่ระหว่างหาแนวทางในการดูแลเรื่องนี้” แหล่งข่าวกล่าว
 
ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 4 วงเงิน 86,740 ล้านบาท เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป
 
โดยการดำเนินโครงการดังกล่าว หาก ครม.เห็นชอบให้ ธ.ก.ส.จ่ายเงินไปก่อน แล้วรัฐบาลตั้งงบประมาณทยอยคืนให้ ก็จะอยู่ภายใต้กรอบมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่