19 พ.ย. จบปัญหาการเมืองมาเลย์ หรือจะหนักกว่าเดิม..?

นับเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ที่มาเลเซียมีปัญหาทางการเมืองขึ้นนับตั้งแต่การลาออกไปของมหาธีร์ โมฮาหมัด เนื่องจากไม่ต้องการให้อันวาร์ อิบราฮีม สืบต่อ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นไม่กี่ปี ทั้งมหาธีร์และฝ่ายอันวาร์ตัดสินใจจับมือกันเพื่อร่วมโค่นล้มรัฐบาลของนาจิบ ราซะก์ ผ่านการเลือกตั้งในปี 2018 (2561)
การเลือกตั้งในครั้งนั้น จบลงด้วยชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ที่พรรคอื่นสามารถโค่นล้มพรรคอัมโนซึ่งบริหารประเทศมาตั้งแต่ปี 1957 (2500) ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะครั้งนั้นถูกมองว่าเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่เนื่องจากตัวมหาธีร์เองก็เคยเป็นนายกที่เคยบริหารมาเลเซียมานานหลายสิบปีมาก่อน
เป็นไปได้ว่า ผลการเลือกตั้งในครั้งนั้น ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากความเบื่อหน่ายในตัวนาจิบและความนิยมที่ยังไม่เสื่อมคลายต่อมหาธีร์ของประชาชน

หลังจากได้รับชัยชนะ มหาธีร์ก็ได้ประกันตัวอันวาร์ออกมาพร้อมกับหมายมั่นปั้นมือไว้ว่า ภายใน 2 ปี (ช่วงนั้นคือปี 2018) จะให้อันวาร์ เป็นผู้สืบทอด
ทว่า เมื่อถึงต้นปี 2020 มหาธีร์คิดจะตระบัดสัตย์ โดยการไม่ยอมบอกวันที่มอบตำแหน่งอำนาจให้ จนทำให้เกิดความกดดันในกลุ่มรัฐบาลในเวลานั้น
มหาธีร์ตัดสินใจลาออก เพื่อพยายามตัดความกดดันระหว่างฝ่ายรัฐบาล แต่ผลตอบกลับเลวร้ายกว่าที่คิด เมื่อปัญหาภายในเกิดขึ้นหลังจากที่ได้ลาออก
ผลลัพธ์ที่เลวร้ายคือ เขาถูกเตะออกจากพรรคที่ตัวเองก่อตั้งขึ้น และเวลาต่อมาได้ยกให้มูห์ยิดดิน ยัสซิน ขึ้นเป็นนายกฯ คนใหม่ของมาเลเซียแทน
ที่น่าเจ็บช้ำน้ำใจประชาชนมากกว่านั้นก็คือ พรรคของมูห์ยิดดิน ประกาศเป็นแนรร่วมกับ BN (แนวร่วมอัมโน) และ PAS (แต่ภายหลัง BN ได้แยกตัว)

มูห์ยิดดินบริหารประเทศได้ปีกว่า ก็ถูกหลายฝ่ายตำหนิหนักเกี่ยวกับการบริหารประเทศในช่วงโควิด จนแม้แต่ยังดีประตวนอากงยังตรัสวิพากษ์วิจารณ์
ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายค้านมาเลย์ ทั้ง PH และ BN ตัดสินใจรับลูกตามยังดีประตวนอากง เรียกร้องให้มูห์ยิดดินลาออก และมูห์ยิดดินก็ลาออกในกลางปี 2021
และหลังจากที่ไม่ได้บริหารประเทศมา 3 ปี อัมโนก็ได้เข้ามาบริหารประเทศอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการบริหารของอิสมาอิล ซาบรี ยาโคบ ผู้นำของพรรค
การเข้ามาของอิสมาอิล และรัฐบาลของอัมโน ทำให้เกิดความไม่พอใจต่อประชาชนอย่างมาก เพราะขัดแย้งกับผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2018 ที่อัมโนแพ้
เกมการเมืองมาเลเซียทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง จนยังดีประตวนอากงต้องทรงเตือนสติผ่านกลอนว่าขอให้นึกถึงประเทศชาติก่อนในพิธีเปิดประชุมสภา

อย่างไรก็ตาม เกมการเมืองมาเลย์ก็ยังไม่หยุดง่ายๆ และนั้นทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจยุบสภาเพื่อเปิดทางให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้ มีตัวตึงผู้นำ 4 ฝ่ายหลักๆ คือ อิสมาอิล จากอัมโน, อันวาร์ จาก PH และมหาธีร์ กับพรรคใหม่ที่ชื่อว่า Pejuang และ มูห์ยิดดินกับพรรค Pribumi
จากมุมมองของคอการเมืองในมาเลเซีย มองว่าได้ใครมาก็ต้องมีปัญหาตามมาทุกฝ่าย แต่กรณีของมหาธีร์อาจจะเจ็บน้อยและมีโอกาสสูงและภาษีดีกว่า
หากวัดว่าที่ประชาชนยอมเลือก PH เพราะมหาธีร์นั้น ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าตัวมหาธีร์ ซึ่งเป็นนายกฯ มานานหลายสิบปี อาจจะเป็นปัจจัยหลักในครั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม มหาธีร์ ซึ่งอายุ 90 กว่าแล้ว อาจจะวางมือลงหากได้รับชัยชนะ และเป็นไปได้ว่าอาจจะส่งต่อให้กับลูกชายของเขา คือ มุกริซ มหาธีร์

ส่วนอิสมาอิล แม้จะมีโอกาสได้รับชัยชนะ แต่เรื่องราวในอดีตทั้งกับพรรคอัมโนและกับตัวเขาเอง อาจจะทำให้การคว้าชัยชนะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก
เว้นแต่ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ให้การยอมรับการบริหารของเขาว่าดีกว่ายุคมหาธีร์หรือมูห์ยิดดิน ส่วนมูห์ยิดดิน ก็ต้องรอลุ้นว่าจะได้รับการยอมรับแค่ไหน
สำหรับอันวาร์ โอกาสชนะเหมือนปี 2018 อาจจะยาก เพราะนอกจากเขาไม่ใช่ปัจจัยหลักของชัยชนะครั้งนั้นแล้ว เขายังได้รับความนิยมน้อยที่สุดตลอด
ยิ่งการที่เขาคบหากับพรรคการเมืองและกลุ่มชาวจีน และมีแนวโน้มว่าอยู่คนละทางกับแนวคิดของชาวมลายูส่วนใหญ่ ยังทำให้เขามีโอกาสชนะได้ยาก
การเลือกตั้งครั้งนี้ แม้อาจจะทำให้ประชาชนต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ได้ประกันว่าจะทำให้วิกฤตการณ์การเมืองมาตั้งแต่ปี 2020 หายไปได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่