กระทู้นี้เราจะบอกเล่าถึง นิมิต ตัวถัดไปที่เราได้ประสบพบเจอมา และเป็น นิมิต ตัวที่ทำให้เราได้มาบอกเล่าเรื่องราวของเราตั้งแต่ต้น ที่เป็นกระทู้แรกเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ กระทู้ "รีวิวประสบการณ์ การใช้ หลักธรรม ข้อคิด ในการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน"
เราขอไม่นับกระทู้ก่อนหน้าที่เราตั้งชื่อไม่ค่อยตรงกับจุดประสงค์ ทำให้ต้องมาเขียนใหม่ และทำให้เราได้เขียนกระทู้บอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวของเราที่ได้ประสบพบเจอมาจนถึงตอนนี้ กระทู้นี้ ณ ปัจจุบัน
ซึ่ง นิมิต ตัวนี้ก็จะคล้ายๆกับ นิมิต ตัวอื่นๆที่เราได้บอกเล่าไปแล้วในกระทู้ ภาค 1 ถึง ภาค 4 คือมันจะมาในรูปแบบ ของความคิดที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นมาเอง แบบไม่มีที่มาที่ไป ซึ่งเราก็จะบอกเล่าตลอดว่า เราเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากรู้ อยากเห็น ทำให้เราไม่คิดที่จะไปเสาะหา ที่มาที่ไปของ นิมิต เหล่านี้
แต่เราจะชอบสังเกตดู ว่าเรื่องราวสิ่งที่ นิมิต พวกนี้ให้เรารู้ ให้เราเห็นนั้น มันมีความจริงอยู่มากน้อยแค่ไหน มันจะเกิดขึ้นจริงตามนั้นหรือไม่ มันมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และมันมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ ที่มันจะเป็นไปตามนั้น
ซึ่งเราก็ไม่เคย เชื่อ มันก่อนเลยแม้แต่สักครั้งเดียว เพราะเราไม่เคยเชื่ออะไรง่ายๆ จนกว่าจะเห็นกับตา จนกว่าจะเกิดกับตัว จนกระทั่งมันเกิดขึ้นจริงตามนั้น เราถึงจะเชื่อ และเฝ้าสังเกตดูว่ามันจะเป็นจริงตามนั้นสักกี่ครั้ง แต่ถึงจะเห็นว่ามันเป็นจริงตามนั้น เราก็ยังไม่เชื่ออยู่เหมือนเดิม
แต่การที่เราไม่เชื่อ มันก็ไม่ได้แปลว่า มันจะไม่จริง เหมือน นิมิต ตัวที่เราจะบอกเล่าในกระทู้นี้ มันเป็น นิมิต ที่ค่อนข้างจะไร้เหตุผล และค่อนข้างจะเหมือน กิเลส ถ้าเราแยกแยะไม่ดีพอ แต่มันก็ยังมีสิ่งที่แตกต่าง ทำให้เราสามารถสังเกตและแยกแยะได้
นิมิต ตัวนี้มันจะมาในรูปแบบความคิดที่ ทำให้เรามีความคิดที่จะทำบางสิ่งบางอย่างแบบไร้เหตุผล แล้วมันก็จะคิดวนไปวนมา ไม่เลิก จนกว่าเราจะลงมือทำตามความคิดในหัวตอนนั้น เมื่อเราลงมือทำแล้วหรือทำสำเร็จแล้ว มันก็จะเลิกคิด หรือหยุดคิดไปเอง
ที่เราบอกว่ามันคล้าย กิเลส เพราะว่ามันเป็นความคิดที่เหมือนกับสั่งให้เราทำอะไรตามใจตัวเอง และต้องทำให้ได้ ต้องทำให้สำเร็จ ประมาณนี้ค่ะ
แต่มันก็มีความแตกต่างให้สังเกตได้อยู่ ว่าความคิดนี้มันเป็น นิมิต หรือเป็น กิเลส
ตัว กิเลส ส่วนมากจะมีความ อยาก เป็นตัวนำ และสิ่งที่ อยากทำ นั้นส่วนใหญ่จะนำมาซึ่งประโยชน์ให้แก่ตัวเองหรือผู้อื่น ดังนั้นเวลาเราเกิดความคิดที่เป็น นิมิต ตัวนี้สิ่งแรกที่เราจะทำคือ พยายามกดมันไว้ ไม่สนใจมัน และพยายามคิดตรงกันข้ามคือ คิดว่าจะไม่ทำตามความคิดนั้นเด็ดขาด
ซึ่งถ้ามันเป็น กิเลส ส่วนมากถ้าเราทำเช่นนั้นเราจะ ละ ได้ และเลิกคิดไปเองในที่สุด แต่ถ้ามันเป็น นิมิต ตัวนี้เราจะไม่สามารถหยุดความคิดนั้นได้ มันจะกวนใจเรา ทำให้เราคิดวกไปวนมา แต่เรื่องที่อยู่ในความคิดนั้นอยู่ตลอด จนเราอยู่ไม่ติด และต้องมาคิดพิจารณาถึงความคิดนั้นของตัวเองอีกครั้ง
ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องที่อยู่ใน นิมิต ตัวนี้คือมันต้องการให้เราทำบางสิ่งบางอย่าง ที่ค่อนข้างจะไร้เหตุผลเหมือนที่เราบอกไปตอนต้น เมื่อเราคิดพิจารณาดูแล้วมันเป็นสิ่งที่เราทำไปแล้วมันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับเราและไม่ได้เกิดประโยชน์กับคนอื่นเลย
พูดง่ายๆคือมันเป็นสิ่งที่เราคิดว่า เราจะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ เพราะตอนนั้นเราไม่เห็นว่าทำแล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา เมื่อเราเห็นว่ามันไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่อยากจะทำ แล้วก็พยายามกดมัน ทำเป็นไม่สนใจมันอีกครั้ง เพราะเราไม่ค่อยชอบคิดหรือทำอะไรที่ตัวเองหรือคนอื่นไม่ได้ประโยชน์
แต่ นิมิต ตัวนี้มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เราพยายามกดมัน ไม่สนใจมันถึงสองครั้งสองคราแล้ว แต่มันก็ยังไม่หยุดคิด ยังคงกวนใจเรา ทำให้เราคิดวกไปวนมาอยู่ในหัวอีก จนไม่มีสมาธิทำอย่างอื่น
เราก็จะเกิดอาการ เอะใจขึ้นมาและต้องกลับสนใจและพิจารณามันอีกครั้งว่า ในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำ มันก็ไม่ใช่ กิเลส และสิ่งที่ความคิดที่เป็น นิมิต นี้ต้องการให้เราทำ มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับเราและไม่ได้เกิดประโยชน์กับคนอื่นและเราก็ไม่ได้อยากจะทำ
แต่ทำไมมันยังไม่หยุดคิด ยังคงกวนใจเราอยู่ เราก็มาพิจารณาความคิดนั้นดูใหม่เป็นครั้งที่ 3 ว่าถึงมันไม่มีประโยชน์กับเรากับคนอื่น และยังหยุดคิดไม่ได้ แต่ถ้ามันไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อนหรือคนอื่นต้องเดือดร้อน ก็ถือว่าเสมอตัว และเราก็จะลองทำตามความคิดที่เป็น นิมิต นั้นดูเพื่อที่เราจะได้หยุดคิด
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ส่วนมาก นิมิต พวกนี้จะทำให้เราคิดแล้ว คิดอีก คิดถึง 3 ครั้ง 3 คราตลอดก่อนจะลงมือทำตามความคิดนั้น หลังจากนั้นเราถึงจะหยุดคิดได้ และกลับมาสงบสติได้เหมือนเดิม
แต่ที่น่าแปลกใจคือ แทบทุกครั้งที่เราทำตาม นิมิต นั้นสิ่งที่เราทำในตอนนั้นมันจะส่งผลดีต่ออนาคตอันใกล้ของเราเสมอ ยกตัวอย่างเช่น คราวนี้ที่เรามีความคิดที่เกิดจาก นิมิต ตัวนี้ ทำให้เราคิดที่จะตั้งกระทู้แชร์เรื่องราวของตัวเองในพันทิปนี้
ซึ่งเราขอบอกตามตรงว่าเราเคยมีความคิดแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และพยายามจะทำให้สำเร็จแต่ก็ไม่เคยทำได้ มีอุปสรรคตลอด จนกระทั่งเราเลิกคิดไปแล้ว แต่จู่ๆวันนึง เราก็เกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมาอีก
แต่เราไม่อยากทำแล้วเพราะเคยคิดจะทำมาหลายรอบ แต่ไม่เคยสำเร็จ มีแต่อุปสรรคตลอด แต่คราวนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ มันเหมือนมีบางอย่างมาทำให้เราต้องทำให้ได้ และต้องทำให้สำเร็จด้วย
และเราก็กดมัน พยายามไม่สนใจ เลิกคิด แต่มันก็เลิกไม่ได้ เมื่อเราคิดพิจารณาตามลำดับถึง 3 ครั้ง 3 คราตามลำดับแล้วเราจึงยอมลงมือทำ แต่คราวนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้างแต่เราก็ยังคงไม่เลิกคิด และสามารถแชร์เรื่องราวของตัวเองได้สำเร็จ
โดยไม่ได้คิดว่าจะมีใครมาสนใจ หรือติดตามอ่าน เราขอแค่ให้ได้ทำเพื่อที่ตัวเองจะได้หยุดคิด และก็ทำมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ ซึ่งตอนเราตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์ของเราใหม่ๆ เราจะทะเลาะกับสามีบ่อยมาก
เพราะเราจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเขียนกระทู้ ทำให้เราสนใจเขาน้อยลง แต่หลังๆมาเขาก็ไม่ว่าอะไรแล้วเพราะเห็นความตั้งใจของเรา และจะคอยถามเราตลอดว่าเราเขียนกระทู้เรื่องอะไร เราก็ตอบเขาไปตามตรง ไม่ได้จะปิดบังอะไร เขาก็จะถามว่าเขียนเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ
จนกระทั่งเมื่อ 2 วันก่อนเขามาบอกให้เราเริ่มทำงาน เขียนบทความให้ความรู้เกี่ยวข้องการวิเคราะห์หุ้น forex คริปโต บิดคอย ให้กับบริษัทไอทีของรัสเซียที่เขาทำงานอยู่ เพราะเขาเคยบอกให้เราไปศึกษาหาความรู้เรื่องนี้เพื่อจะมาทำงานกับเขามาได้สักระยะนึงแล้ว
ซึ่งเราก็ทำตามและพยายามศึกษาเรียนรู้มาตลอด และถามเขาตลอดว่าเมื่อไหร่เราจะได้ทำงาน เขาก็มีแต่บอกให้เรียน พูด เขียน สื่อสาร ภาษารัสเซียให้คล่องเพราะต้องใช้ในการทำงาน
ซึ่งบทความที่เราเขียนจะเป็น ภาษาอังกฤษ กับภาษารัสเซีย เขาเห็นว่าเรามุ่งมั่นตั้งใจเขียนกระทู้ในพันทิปนี้มากๆเลยให้เราลองเขียนวิเคราะห์หุ้น Forex bitcoin คริปโต ดูเพราะเห็นว่าเราก็ศึกษาหาข้อมูลมานานพอสมควรแล้ว เราเลยได้ลองเขียนบทความแรกส่งไปเมื่อ 2 วันก่อน
ปรากฎว่าบทความของเราเป็นที่น่าสนใจ เราจึงได้ไปต่อและได้เริ่มทำงานร่วมกับสามีเราอย่างจริงจัง จากที่ก่อนหน้านี้ อยู่เป็นแม่บ้านให้สามีเลี้ยงดูอยู่อย่างเดียว จากเหตุการณ์ในคราวนี้คุณจะเห็นว่า นิมิต ตัวนี้มันทำให้เรามีความคิดและทำบางสิ่งบางอย่างที่ไร้เหตุผลก็จริง แต่เราจะได้รู้เหตุผลของความคิดและการกระทำนั้นของเราในอนาคตอันใกล้ตลอด
เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 5
เราขอไม่นับกระทู้ก่อนหน้าที่เราตั้งชื่อไม่ค่อยตรงกับจุดประสงค์ ทำให้ต้องมาเขียนใหม่ และทำให้เราได้เขียนกระทู้บอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวของเราที่ได้ประสบพบเจอมาจนถึงตอนนี้ กระทู้นี้ ณ ปัจจุบัน
ซึ่ง นิมิต ตัวนี้ก็จะคล้ายๆกับ นิมิต ตัวอื่นๆที่เราได้บอกเล่าไปแล้วในกระทู้ ภาค 1 ถึง ภาค 4 คือมันจะมาในรูปแบบ ของความคิดที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นมาเอง แบบไม่มีที่มาที่ไป ซึ่งเราก็จะบอกเล่าตลอดว่า เราเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากรู้ อยากเห็น ทำให้เราไม่คิดที่จะไปเสาะหา ที่มาที่ไปของ นิมิต เหล่านี้
แต่เราจะชอบสังเกตดู ว่าเรื่องราวสิ่งที่ นิมิต พวกนี้ให้เรารู้ ให้เราเห็นนั้น มันมีความจริงอยู่มากน้อยแค่ไหน มันจะเกิดขึ้นจริงตามนั้นหรือไม่ มันมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และมันมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ ที่มันจะเป็นไปตามนั้น
ซึ่งเราก็ไม่เคย เชื่อ มันก่อนเลยแม้แต่สักครั้งเดียว เพราะเราไม่เคยเชื่ออะไรง่ายๆ จนกว่าจะเห็นกับตา จนกว่าจะเกิดกับตัว จนกระทั่งมันเกิดขึ้นจริงตามนั้น เราถึงจะเชื่อ และเฝ้าสังเกตดูว่ามันจะเป็นจริงตามนั้นสักกี่ครั้ง แต่ถึงจะเห็นว่ามันเป็นจริงตามนั้น เราก็ยังไม่เชื่ออยู่เหมือนเดิม
แต่การที่เราไม่เชื่อ มันก็ไม่ได้แปลว่า มันจะไม่จริง เหมือน นิมิต ตัวที่เราจะบอกเล่าในกระทู้นี้ มันเป็น นิมิต ที่ค่อนข้างจะไร้เหตุผล และค่อนข้างจะเหมือน กิเลส ถ้าเราแยกแยะไม่ดีพอ แต่มันก็ยังมีสิ่งที่แตกต่าง ทำให้เราสามารถสังเกตและแยกแยะได้
นิมิต ตัวนี้มันจะมาในรูปแบบความคิดที่ ทำให้เรามีความคิดที่จะทำบางสิ่งบางอย่างแบบไร้เหตุผล แล้วมันก็จะคิดวนไปวนมา ไม่เลิก จนกว่าเราจะลงมือทำตามความคิดในหัวตอนนั้น เมื่อเราลงมือทำแล้วหรือทำสำเร็จแล้ว มันก็จะเลิกคิด หรือหยุดคิดไปเอง
ที่เราบอกว่ามันคล้าย กิเลส เพราะว่ามันเป็นความคิดที่เหมือนกับสั่งให้เราทำอะไรตามใจตัวเอง และต้องทำให้ได้ ต้องทำให้สำเร็จ ประมาณนี้ค่ะ
แต่มันก็มีความแตกต่างให้สังเกตได้อยู่ ว่าความคิดนี้มันเป็น นิมิต หรือเป็น กิเลส
ตัว กิเลส ส่วนมากจะมีความ อยาก เป็นตัวนำ และสิ่งที่ อยากทำ นั้นส่วนใหญ่จะนำมาซึ่งประโยชน์ให้แก่ตัวเองหรือผู้อื่น ดังนั้นเวลาเราเกิดความคิดที่เป็น นิมิต ตัวนี้สิ่งแรกที่เราจะทำคือ พยายามกดมันไว้ ไม่สนใจมัน และพยายามคิดตรงกันข้ามคือ คิดว่าจะไม่ทำตามความคิดนั้นเด็ดขาด
ซึ่งถ้ามันเป็น กิเลส ส่วนมากถ้าเราทำเช่นนั้นเราจะ ละ ได้ และเลิกคิดไปเองในที่สุด แต่ถ้ามันเป็น นิมิต ตัวนี้เราจะไม่สามารถหยุดความคิดนั้นได้ มันจะกวนใจเรา ทำให้เราคิดวกไปวนมา แต่เรื่องที่อยู่ในความคิดนั้นอยู่ตลอด จนเราอยู่ไม่ติด และต้องมาคิดพิจารณาถึงความคิดนั้นของตัวเองอีกครั้ง
ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องที่อยู่ใน นิมิต ตัวนี้คือมันต้องการให้เราทำบางสิ่งบางอย่าง ที่ค่อนข้างจะไร้เหตุผลเหมือนที่เราบอกไปตอนต้น เมื่อเราคิดพิจารณาดูแล้วมันเป็นสิ่งที่เราทำไปแล้วมันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับเราและไม่ได้เกิดประโยชน์กับคนอื่นเลย
พูดง่ายๆคือมันเป็นสิ่งที่เราคิดว่า เราจะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ เพราะตอนนั้นเราไม่เห็นว่าทำแล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา เมื่อเราเห็นว่ามันไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่อยากจะทำ แล้วก็พยายามกดมัน ทำเป็นไม่สนใจมันอีกครั้ง เพราะเราไม่ค่อยชอบคิดหรือทำอะไรที่ตัวเองหรือคนอื่นไม่ได้ประโยชน์
แต่ นิมิต ตัวนี้มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เราพยายามกดมัน ไม่สนใจมันถึงสองครั้งสองคราแล้ว แต่มันก็ยังไม่หยุดคิด ยังคงกวนใจเรา ทำให้เราคิดวกไปวนมาอยู่ในหัวอีก จนไม่มีสมาธิทำอย่างอื่น
เราก็จะเกิดอาการ เอะใจขึ้นมาและต้องกลับสนใจและพิจารณามันอีกครั้งว่า ในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำ มันก็ไม่ใช่ กิเลส และสิ่งที่ความคิดที่เป็น นิมิต นี้ต้องการให้เราทำ มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับเราและไม่ได้เกิดประโยชน์กับคนอื่นและเราก็ไม่ได้อยากจะทำ
แต่ทำไมมันยังไม่หยุดคิด ยังคงกวนใจเราอยู่ เราก็มาพิจารณาความคิดนั้นดูใหม่เป็นครั้งที่ 3 ว่าถึงมันไม่มีประโยชน์กับเรากับคนอื่น และยังหยุดคิดไม่ได้ แต่ถ้ามันไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อนหรือคนอื่นต้องเดือดร้อน ก็ถือว่าเสมอตัว และเราก็จะลองทำตามความคิดที่เป็น นิมิต นั้นดูเพื่อที่เราจะได้หยุดคิด
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ส่วนมาก นิมิต พวกนี้จะทำให้เราคิดแล้ว คิดอีก คิดถึง 3 ครั้ง 3 คราตลอดก่อนจะลงมือทำตามความคิดนั้น หลังจากนั้นเราถึงจะหยุดคิดได้ และกลับมาสงบสติได้เหมือนเดิม
แต่ที่น่าแปลกใจคือ แทบทุกครั้งที่เราทำตาม นิมิต นั้นสิ่งที่เราทำในตอนนั้นมันจะส่งผลดีต่ออนาคตอันใกล้ของเราเสมอ ยกตัวอย่างเช่น คราวนี้ที่เรามีความคิดที่เกิดจาก นิมิต ตัวนี้ ทำให้เราคิดที่จะตั้งกระทู้แชร์เรื่องราวของตัวเองในพันทิปนี้
ซึ่งเราขอบอกตามตรงว่าเราเคยมีความคิดแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และพยายามจะทำให้สำเร็จแต่ก็ไม่เคยทำได้ มีอุปสรรคตลอด จนกระทั่งเราเลิกคิดไปแล้ว แต่จู่ๆวันนึง เราก็เกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมาอีก
แต่เราไม่อยากทำแล้วเพราะเคยคิดจะทำมาหลายรอบ แต่ไม่เคยสำเร็จ มีแต่อุปสรรคตลอด แต่คราวนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ มันเหมือนมีบางอย่างมาทำให้เราต้องทำให้ได้ และต้องทำให้สำเร็จด้วย
และเราก็กดมัน พยายามไม่สนใจ เลิกคิด แต่มันก็เลิกไม่ได้ เมื่อเราคิดพิจารณาตามลำดับถึง 3 ครั้ง 3 คราตามลำดับแล้วเราจึงยอมลงมือทำ แต่คราวนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้างแต่เราก็ยังคงไม่เลิกคิด และสามารถแชร์เรื่องราวของตัวเองได้สำเร็จ
โดยไม่ได้คิดว่าจะมีใครมาสนใจ หรือติดตามอ่าน เราขอแค่ให้ได้ทำเพื่อที่ตัวเองจะได้หยุดคิด และก็ทำมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ ซึ่งตอนเราตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์ของเราใหม่ๆ เราจะทะเลาะกับสามีบ่อยมาก
เพราะเราจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเขียนกระทู้ ทำให้เราสนใจเขาน้อยลง แต่หลังๆมาเขาก็ไม่ว่าอะไรแล้วเพราะเห็นความตั้งใจของเรา และจะคอยถามเราตลอดว่าเราเขียนกระทู้เรื่องอะไร เราก็ตอบเขาไปตามตรง ไม่ได้จะปิดบังอะไร เขาก็จะถามว่าเขียนเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ
จนกระทั่งเมื่อ 2 วันก่อนเขามาบอกให้เราเริ่มทำงาน เขียนบทความให้ความรู้เกี่ยวข้องการวิเคราะห์หุ้น forex คริปโต บิดคอย ให้กับบริษัทไอทีของรัสเซียที่เขาทำงานอยู่ เพราะเขาเคยบอกให้เราไปศึกษาหาความรู้เรื่องนี้เพื่อจะมาทำงานกับเขามาได้สักระยะนึงแล้ว
ซึ่งเราก็ทำตามและพยายามศึกษาเรียนรู้มาตลอด และถามเขาตลอดว่าเมื่อไหร่เราจะได้ทำงาน เขาก็มีแต่บอกให้เรียน พูด เขียน สื่อสาร ภาษารัสเซียให้คล่องเพราะต้องใช้ในการทำงาน
ซึ่งบทความที่เราเขียนจะเป็น ภาษาอังกฤษ กับภาษารัสเซีย เขาเห็นว่าเรามุ่งมั่นตั้งใจเขียนกระทู้ในพันทิปนี้มากๆเลยให้เราลองเขียนวิเคราะห์หุ้น Forex bitcoin คริปโต ดูเพราะเห็นว่าเราก็ศึกษาหาข้อมูลมานานพอสมควรแล้ว เราเลยได้ลองเขียนบทความแรกส่งไปเมื่อ 2 วันก่อน
ปรากฎว่าบทความของเราเป็นที่น่าสนใจ เราจึงได้ไปต่อและได้เริ่มทำงานร่วมกับสามีเราอย่างจริงจัง จากที่ก่อนหน้านี้ อยู่เป็นแม่บ้านให้สามีเลี้ยงดูอยู่อย่างเดียว จากเหตุการณ์ในคราวนี้คุณจะเห็นว่า นิมิต ตัวนี้มันทำให้เรามีความคิดและทำบางสิ่งบางอย่างที่ไร้เหตุผลก็จริง แต่เราจะได้รู้เหตุผลของความคิดและการกระทำนั้นของเราในอนาคตอันใกล้ตลอด