เราหมั้นกับแฟนกลางกันยายน มาจับได้ว่าแฟนคบซ้อนกับคนอื่นมาก่อนเราด้วยและเขาไม่เคยเลิกกันคนที่แฟนคบมาก่อนเราเป็นทอม
ผมไม่เคยรุ้มาก่อนว่าเขายังคบกันอยู่ ตอนผมไปจีบเขาเขาบอกว่าโสดไม่มีใคร และก็คบกันมาเกือบปี ประมาณเดือนสิงหา พ่อแม่ตายายของแฟนถามเราเรื่องแต่งงานว่าจะแต่งหรือจะให้ผู้ใหญ่ไปคุยกันตอนไหน ผมเลยบอกไปว่าขอเวลาเก็บเงิน และดูกันไปอีกสักพักก่อนผมว่ามันเร็วไป และบอกไปว่าเร็วสุดน่าจะเดือนมกราคมปี66 ถึงจะให้ผุ้ใหญ่มาหมั้นใว้ก่อน ทุกคนก็okเข้าใจ พอผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตกว่าๆก็มาบอกว่าอยากให้มาเร็วที่สุด ผมเองก็ตกใจ (ประมาณว่าคนในหมู่บ้านมองลูกสาวเขาว่ามันเสียหาย ว่ามีผู้ชายมาบ้านมันดูไม่ดีเลยอยากให้ไปคุย)
ก็เลยตกลงกันเดือนกันยายน ก็มาหมั้นหมายกันสู่ขอกันตามประเพณี แต่ยังไม่มีกำหนดแต่งงาน
พอเดือนต้นเดือนตุลาคมมาจับได้ว่าแฟนคบซ้อนกับคนอื่นเป็นทอม ซึ่งเขาคบกันมาก่อนผมอีกเขาไม่เคยเลิกกันเลย และผมได้คุยกับพี่ที่เป็นทอม แกก็บอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกันว่าคบซ้อน ผมเองรู้สึกผิดมากที่มากทีหลังเหมือนเราไปแย่งของเขามา สงสารพี่ที่เป็นทอมมาก ฟังจากเสียงแกผ่านโทรศัพเหมือนแกจะร้องไห่
จุดพีคคือ มีบางคนในบริษัทที่ทำงานรู้ว่าแฟนผมคบกับทอมคนนี้มาก่อนผม และก็รู้ว่าคบกับผมด้วย (ผม แฟน พี่ทอม ทำงานบริษัทเดียวกันแต่อยู่คนละจังหวัด คนละแผนก ผมก็ไม่เคยรู้จักพี่คนนี้มาก่อน)
ผมแบบรักแฟนมาก ใว้วางใจทุกอย่าง ไม่เคยเชคพวกโทรศัพเพราะบอกเขาตลอกว่า ให้เกียรติเต็มที่เราคิดว่าให้ใจเขาเต็มที่ไม่เคยคิดละแคะละคายมาก่อนเพราะคิดว่าถ้าเขาไม่ชัดเจนคงไม่พาไปบ้านเขา
มือแปดด้านไม่รุ้จะไปต่อหรือพอแค่นี้
รักมากกลัวเสียเขาไปจริงๆ แต่ก็กลัวคบกันไปต่อจะมีเหตุการณ์แบบนี้อีก คิดมากนอนไม่หลับเลย
มีประเด็นคาใจทั้งสองฝ่ายมีปมทั้งสองฝ่าย
ปมของผมคือ
ผมมาทีหลังโดนคบซ้อนมาจับได้ทีหลังว่าเขายังคบกันอยู่ และผมไม่เคยรุ้ถ้ารุ้ว่าคบกันจะไม่ไปจีบแต่ทีแรก ไม่ไปขอด้วย
ปมในใจฝ่ายหญิง .ผมจับได้ว่าคบซ้อนเลยเผลอหลุดพูดว่า "เสียดายเงินหมั้นที่มาหมั้น อยากได้คืน"
เพราะว่าผมยืมเงินญาตของผมมาหมั้น
ผู้หญิงมองว่าผมหน้าเงินพูดแต่เรื่องเงินถ้าและผู้หญิงบอกว่าคนรักกันจริงคงไม่มาห่วงเรื่องเงินหรอก
พึ่งหมั้นกับแฟนเดือนกันยา แต่พึ่งมารุ้ทีหลังแฟนคบซ้อน ซึ่งเราเป็นคนมาทีหลังเขา แล้วเขาไม่เคยเลิกกัน
ผมไม่เคยรุ้มาก่อนว่าเขายังคบกันอยู่ ตอนผมไปจีบเขาเขาบอกว่าโสดไม่มีใคร และก็คบกันมาเกือบปี ประมาณเดือนสิงหา พ่อแม่ตายายของแฟนถามเราเรื่องแต่งงานว่าจะแต่งหรือจะให้ผู้ใหญ่ไปคุยกันตอนไหน ผมเลยบอกไปว่าขอเวลาเก็บเงิน และดูกันไปอีกสักพักก่อนผมว่ามันเร็วไป และบอกไปว่าเร็วสุดน่าจะเดือนมกราคมปี66 ถึงจะให้ผุ้ใหญ่มาหมั้นใว้ก่อน ทุกคนก็okเข้าใจ พอผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตกว่าๆก็มาบอกว่าอยากให้มาเร็วที่สุด ผมเองก็ตกใจ (ประมาณว่าคนในหมู่บ้านมองลูกสาวเขาว่ามันเสียหาย ว่ามีผู้ชายมาบ้านมันดูไม่ดีเลยอยากให้ไปคุย)
ก็เลยตกลงกันเดือนกันยายน ก็มาหมั้นหมายกันสู่ขอกันตามประเพณี แต่ยังไม่มีกำหนดแต่งงาน
พอเดือนต้นเดือนตุลาคมมาจับได้ว่าแฟนคบซ้อนกับคนอื่นเป็นทอม ซึ่งเขาคบกันมาก่อนผมอีกเขาไม่เคยเลิกกันเลย และผมได้คุยกับพี่ที่เป็นทอม แกก็บอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกันว่าคบซ้อน ผมเองรู้สึกผิดมากที่มากทีหลังเหมือนเราไปแย่งของเขามา สงสารพี่ที่เป็นทอมมาก ฟังจากเสียงแกผ่านโทรศัพเหมือนแกจะร้องไห่
จุดพีคคือ มีบางคนในบริษัทที่ทำงานรู้ว่าแฟนผมคบกับทอมคนนี้มาก่อนผม และก็รู้ว่าคบกับผมด้วย (ผม แฟน พี่ทอม ทำงานบริษัทเดียวกันแต่อยู่คนละจังหวัด คนละแผนก ผมก็ไม่เคยรู้จักพี่คนนี้มาก่อน)
ผมแบบรักแฟนมาก ใว้วางใจทุกอย่าง ไม่เคยเชคพวกโทรศัพเพราะบอกเขาตลอกว่า ให้เกียรติเต็มที่เราคิดว่าให้ใจเขาเต็มที่ไม่เคยคิดละแคะละคายมาก่อนเพราะคิดว่าถ้าเขาไม่ชัดเจนคงไม่พาไปบ้านเขา
มือแปดด้านไม่รุ้จะไปต่อหรือพอแค่นี้
รักมากกลัวเสียเขาไปจริงๆ แต่ก็กลัวคบกันไปต่อจะมีเหตุการณ์แบบนี้อีก คิดมากนอนไม่หลับเลย
มีประเด็นคาใจทั้งสองฝ่ายมีปมทั้งสองฝ่าย
ปมของผมคือ
ผมมาทีหลังโดนคบซ้อนมาจับได้ทีหลังว่าเขายังคบกันอยู่ และผมไม่เคยรุ้ถ้ารุ้ว่าคบกันจะไม่ไปจีบแต่ทีแรก ไม่ไปขอด้วย
ปมในใจฝ่ายหญิง .ผมจับได้ว่าคบซ้อนเลยเผลอหลุดพูดว่า "เสียดายเงินหมั้นที่มาหมั้น อยากได้คืน"
เพราะว่าผมยืมเงินญาตของผมมาหมั้น
ผู้หญิงมองว่าผมหน้าเงินพูดแต่เรื่องเงินถ้าและผู้หญิงบอกว่าคนรักกันจริงคงไม่มาห่วงเรื่องเงินหรอก