หลังจบ “พรหมลิขิต” แล้วพี่โป๊ปจะรับละครเพิ่มไหม

พี่เค้ารับละครน้อยเกินไปแล้วนะ อยากให้พี่เค้ารับละครเพิ่มจริงๆ ขอเถอะพี่โป๊ป นักแสดงสไตล์พี่ก็ใช่ว่าจะมีให้เห็นได้ง่ายๆ

เป็นคนเล่นละครหรือเล่นหนังแล้วอินเนอร์แรงมาก (เราไปดูบุพเพมา 4 รอบก็เพราะชอบอินเนอร์ของพี่ภพนี่แหละ)

สายตา น้ำเสียง ภาษากาย มีเสน่ห์
คือ เป็นคนมีเสน่ห์ทางการแสดงแบบสูงมาก หยุดมองพี่เค้าไม่ได้ ยังจำได้ขึ้นใจว่า ตอนบุพเพพี่หมื่นหายไปฝรั่งเศสแค่ 2 เบรก เหี่ยวเฉาแค่ไหน พอกลับมาเท่านั้นแหละ Time line แทบแตก

ทุกครั้งที่พี่โป๊ปเดินเข้ามาในฉาก สิ่งแรกที่เราสังเกตคือ “แววตา” เพราะแววตาพี่เค้ามันเล่าเรื่องได้ บอกได้ว่า "ตัวละคร" รู้สึกยังไงในตอนนั้น อ่านแววตาเขาแล้วสนุก แต่ตอนทำตาเชื่อมไม่สนุก รู้สึกเขิน ไม่กล้ามองตา ตาระยิบระยับ มองแล้วใจหวิวๆ

สิ่งที่เราสังเกตต่อมา คือ “น้ำเสียง” โทนน้ำเสียงที่ใช้แตกต่างกัน แยกได้ชัดเจนว่าอยู่ในอารมณ์ไหน รัก โกรธ โมโห หึง โทนน้ำเสียงต่างกันหมดเลย ต่อให้ไม่เห็นหน้าแต่เรารู้สึกได้

ซึ่งตอนเนี๊ยะ ยังเอาตัวเองออกจากคำว่า “คิดถึง” ในทีเซอร์พรหมลิขิตไม่ได้ ปุ่มรีเพลท่อนนี้จะพังล่ะ เป็นประโยคคำถาม ที่ถามได้เย้ายวนมาก

ต่อมา ภาษากาย พี่โป๊ปเป็นคนที่เดินแล้วบุคลิกดีหลังตรงเป็นธรรมชาติ บอกไม่ถูกแต่รู้ว่าจัดระเบียบร่างกายตัวเองได้ดี จังหวะเอี่ยวตัว การยกไหล่นิดๆ มือไม้ที่แสดงออกมา ก็ทำได้ดี มันเป็นแอคติ้งของมนุษย์ เวลาคุยกันภาษมือเราก็ออก ท่าเดินสมูทมาก ซึ่งหลายคนก็ชมว่าท่าเดินพี่แกเท่จริงๆนะ


ยิ่งเห็น T-SER พรหมลิขิต ในหัวเราคิดออกมาทันทีว่า "นี่คือพ่อริดที่เดินออกมาจากนิยายจริงๆ"

แววตาที่ได้เจอกับพุดตานครั้งแรก เหมือนประโยคนี้ในหนังสือเลยนะคะ
“ข้ารู้สึกแปลกประหลาดกับแม่พุดตาน ราวกับว่านางคือคนที่ข้าตามหามาเนิ่นนาน นานจนข้าเองรู้สึกเจ็บปวดใจทุกครั้งที่มองไปยังนาง”






สุดท้ายนี้ก็… ช่วยรับละครเพิ่มเถอะค่ะพี่โป๊ป ขอร้องล่ะ ถือว่าเห็นใจผู้หญิงวัยทำงานอย่างหนู ผู้ใหญ่วัยทองอย่างแม่และป้าของหนูด้วยเถอะ

เล่าให้ฟังเฉยๆนะคะว่า ตอนไปดูหนังบุพเพ๒ แม่กับป้าได้เจอพี่โป๊ปที่โคราชด้วย เห็นพี่ตั้งแต่วันนั้นยังพูดถึงพี่จนถึงวันนี้อยู่เลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่