ทึ่งในความ Contrast อย่างสุดปอด
เดินเที่ยวพบปะผู้คน ร้านค้า สนทนากับรถแดงที่จอดอยู่ กิริยาช่างงดงาม วาจาเป็นมิตร
ตั้งแต่สวนสัตว์ ดอยสุเทพ ข้ามฝั่งมาตลาดวโรรส ไนท์บาซา ฯลฯ
แต่พอขึ้นรถเหมือนวาร์ปไปคนละโลก โดยเฉพาะแถวประตูเมืองนี่ ขับกันยังกับออกรบ
กะชนจริงๆ ไม่ห่วงรถเลย ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถ Bump
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลายคันเหมือนมองแต่ข้างหน้าอย่างเดียว ไม่มองหลัง
จะเข้าเลน จะปาด ทางตรงต้องเบรคถ้าไม่อยากเสียโฉมหรือใช้ประกัน
แต่บางคัน Expert กว่านั้น คือทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าต้องเป็นของฉันด้วย
นอกจากไม่มองหลังแล้ว ถ้าใครขอเข้าเลนด้วยไฟเลี้ยวปุ๊บ
จากที่อยู่ไกลๆ ไกลแบบ 3-4 ช่วงรถ
ก็จะเร่งขึ้นมาปิดทันที แม้หัวรถคุณจะเข้าไปเต็มเลนแล้วก็ตาม
จนต้องหักกลับมาอยู่เลนเดิม แล้วก็โดนคันเดิม
ปาดเข้าข้างหน้าจนต้องเป็นเราที่เปิดช่องให้นี่ เจอบ่อยมาก
ซึ่งถือว่าหนักกว่ากรุงเทพนะ
อันนั้นเหมือนดูเชิงกันไปกันมาระหว่างคน Ba กับคนปกติ
แต่นี่คือกะสอยจริงๆ เลย
มันเป็นสไตล์ปกติของคนที่นี่รึเปล่าครับ โดยเฉพาะแถวประตูเมือง
ออกมาข้างนอกข้ามแม่น้ำปิง แถวสถานีรถไฟหรืออกไปเส้นซุปเปอร์ไฮเวย์
ค่อยผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย
หรือแถวนั้นมีอะไรให้แข่งขันจนต้องเร่งรีบอ่ะ ผมหาความเชื่อมโยงไม่เจอจริงๆ
อยากเข้าใจครับ จะได้ปลอดภัย ทั้งเราทั้งเขา
หรือการขับรถ จะเป็นวิธีให้ความตื่นเต้นอย่างเดียวของผู้คนที่นี่ ??
แล้วแถวนั้นเกิดอุบัติเหตุกันบ่อยไหมครับ
หรือจะเหมือนอินเดีย, เวียตนาม ที่ต่อให้สลับฟันปลาแค่ไหนก็ไม่ชนกัน
ผมต้องขับแบบนั้นรึเปล่า
คนเชียงใหม่ผู้มีสไตล์ต๊ะต่อนยอน อ่อนช้อย กิริยางดงาม ... ทำไมเวลาขับรถจึงดุเดือด
เดินเที่ยวพบปะผู้คน ร้านค้า สนทนากับรถแดงที่จอดอยู่ กิริยาช่างงดงาม วาจาเป็นมิตร
ตั้งแต่สวนสัตว์ ดอยสุเทพ ข้ามฝั่งมาตลาดวโรรส ไนท์บาซา ฯลฯ
แต่พอขึ้นรถเหมือนวาร์ปไปคนละโลก โดยเฉพาะแถวประตูเมืองนี่ ขับกันยังกับออกรบ
กะชนจริงๆ ไม่ห่วงรถเลย ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถ Bump
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วแถวนั้นเกิดอุบัติเหตุกันบ่อยไหมครับ
หรือจะเหมือนอินเดีย, เวียตนาม ที่ต่อให้สลับฟันปลาแค่ไหนก็ไม่ชนกัน
ผมต้องขับแบบนั้นรึเปล่า