แชร์ประสบการณ์การเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตรวจหาเชื้อ HIV หลังจากเสี่ยงมา 49 วัน!


สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อกระทู้เลย เราจะมาแชร์ประสบการณ์ในการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตรวจเลือดหาเชื้อ HIV  ครั้งแรกในชีวิตหลังจากผ่านวันเสี่ยงมาแล้ว 49 วัน อาจจะยาวหน่อยนะคะ เพราะในช่วงที่ผ่านมาจนถึงวันตรวจเรากังวลทุกสิ่งอย่างสารพัด จิตตก กลัวทุกอย่าง เป็น 49 วันที่อยากมาแชร์ให้ฟังและย้ำเตือนตัวเองว่าอย่าหาทำแบบนี้อีก รักตัวเองหน่อยเถอะ อย่าเสี่ยงอีก!



เราจะเล่าเป็นพาร์ทๆ นะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย!!



พาร์ท 1 : จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอย่าง

เอาล่ะเข้าเรื่อง! ก่อนอื่นขอเล่าถึงสาเหตุที่เสี่ยงก่อนเลย... 

ต้นเหตุคือเราก็เป็นคนชอบเซ็กซ์คนนึง ก็มีซัมติงกับคู่นอนในช่วงเวลาที่อยากนั่นแหละ แต่ทุกครั้งเราป้องกันตัวเองจะไม่สดเด็ดขาด! แต่แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายและคำพูดตัวเอง เพราะครั้งล่าสุดดันหลวมตัวยอมให้อีกฝ่ายใส่สดโนถุงยาง!

ตอนที่สดเราก็ไม่ได้ทำกันนานแป็บเดียวก็กลับไปใช้ถุงยาง เสร็จกิจกรรมก็แยกย้ายตามปกติ แต่ความวุ่นวายมันเกิดหลังจากหนึ่งสัปดาห์ต่อจากนั้น เพราะเราดันมีตุ่มขาวๆ ขึ้นบริเวรทางอวัยวะเพศลามไปทางทวารหนัก ไปหาหมอก็ได้รับการยืนยันมาเราเป็น โรคเริม ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

อาการเบื้องต้นของเริมที่เราเป็น คือ
- แสบบริเวณปากช่องคลอด ส่องเข้าไปดูมีจุดที่บวมแดงและเมือกขาว 
-ถัดจากข้างต้น 3 วัน เริ่มมีตุ่มหนองขาวใสขึ้น ซึ่งเวลาเดินแสบมาก เพราะมันเสียดสีกันจนมันแตกเราต้องคอยเอาทิชชู่คั่นไว้ตลอดเวลาเดินอนาถมาก 

การรักษาเริมก็ไปพบแพทย์หมอก็ให้ยามา ประมาณ 2 อาทิตย์ก็หายแล้ว ซึ่งตอนแรกเราก็โล่งใจละว่ามันผ่านไปแล้ว แต่ใครจะรู้ว่านี่มันเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น




พาร์ท 2 : อาการป่วยเริ่มประดังประเดราวกลับพายุ

หลังจากหายเป็นเริมได้ 2-3 วัน เราเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย ตัวอุ่นๆ แบบไม่ทราบสาเหตุ กินยาพาราก็ไม่หาย แถมพ่วงมาด้วยอาการหนาวสั่นเวลาเจออากาศเย็น แต่พอตอนจะนอนเหงื่อกลับออกเสียอย่างนั้น เป็นอยู่ประมาณ 5 วัน เราเลยเริ่มคิดว่ามันไม่ธรรมดาแล้วนะ เลยตัดสินใจเสิร์จหาอาการที่เป็นทางเน็ตซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการเบื้องต้นของการติดเชื้อต่างๆ ที่เกี่ยวกับเลือด ไม่ว่าจะเป็น HIV เอย ไวรัสตับอักเสบเอย เราเลยเริ่มมาเช็คกับตัวเองว่าใช่ไหมมีข้อไหนที่ตรงบ้าง

- ตัวอุ่นๆ ตลอดเวลา [เช็ค!]
- มีฝ้าและริ้วขาวๆ ขึ้นข้างลิ้น [เช็ค!]
- อ่อนเพลีย [เช็ค!]
- เหงื่อออก และมีอาการร้อนๆ ตามตัวตอนกลางคืน [เช็ค!]
- แสบร้อนตามผิวหนังเหมือนโดนพริกทา [เช็ค!]
- คอตันๆ [เช็ค!]

พอมาถึงจุดนี้นี่เรายิ้มเหมาอาการเบื้องต้นเกือบทุกอย่างเลยนี่หว่า? เอาละไง หรือจะใช่? คิดวนทั้งวันเลย ทีนี้ 




พาร์ท 3 : ต่อให้จิตใจแข็งแกร่งแค่ไหนก็ใช่ว่าจะไม่เจ็บปวด 


เราถือเป็นคนมองโลกในแง่บวกคนนึง ไม่ค่อยคิดอะไรมากมาย ไม่เคยโทษตัวเองเวลาเลือกเดินในเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งเพราะถือว่าเราเลือกแล้วต้องยอมรับมันให้ได้ 


แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น...


ในช่วงที่มีอาการต่างๆ เป็นช่วงที่เรามีธุระและเดินทางบ่อยมาก จนทำให้เราไม่สามารถจะไปหาตรวจให้มันกระจ่างแจ้งได้ แต่ไม่ต้องห่วงระหว่างนี้เราดูแลตัวเองและกันคนใกล้ชิดออกจากเรา อะไรที่เคยใช้รวมก็แยกไว้ก่อนเฉพาะของตัวเอง แม้จะโดนที่บ้านถามแปลกๆ ก็ได้แต่ถูๆ ไถๆ ไป เพราะถ้าเราเกิดเป็นอะไรจริงคนที่บ้ายก็จะเสี่ยงด้วย

เรารู้สึกคิดผิดมากที่หลวมตัวไปครั้งนั้น ถึงมันจะแค่ครั้งเดียว แต่มันกลับพาความกังวลมาให้เราอย่างมหาศาล ทุกครั้งที่มีอาการอะไรใหม่ๆ มาเราก็จะเสิร์จดูทุกอย่าง จากที่ไม่เคยสังเกตุอะไรในร่างกายเลย กลับกลายเป็นดูมันทุกอย่าง และยิ่งเราหาข้อมูลมันยิ่งจิตตก แล้วก็กลับมาคิดวนๆ ทุกครั้งถ้าเราไม่เลือกแบบนั้นมันจะดีแค่ไหน? แล้วถ้าเป็นขึ้นมาจะทำยังไง? ยิ่งเรามีแพลนไปต่างประเทศ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาความฝันเราพังทลายได้เลยนะ แถมไม่ใช่แค่ความฝันเรามันยังมีความหวังจากครอบครัวเราถ้าเขารู้จะเป็นยังไง? ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดส่งผลให้เรายิ่งเพลียและอ่อนแรงลงไปอีก 




พาร์ท 4 : เริ่มทำใจยอมรับและหาหนทางในการไปต่อ


ถึงแม้ว่าการเสิร์จอาการมันจะทำให้กังวล แต่ผลพลอยได้ก็คือ เรามีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น ได้เห็นเพื่อนในพันทิปมาแลกเปลี่ยนกันทั้งให้ไปตรวจ ทั้งแนะนำ ทั้งดุด่า(ล้อเล่น) สิ่งเหล่านี้แหละที่ข่วยฮีลใจให้เราคลายความกังวลลง เพราะทุกกระทู้จะแนะนำว่าลองไปตรวจดูก่อน อย่าพึ่งตีโพยตีพาย เพราะมันไม่ใช่โรคที่จะติดกันง่ายๆ อ่านบทความมาหลายเว็บจนเกิดความรู้สึกทั้งเครียดทั้งปลงและยอมรับในที อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ก็แค่ไปตรวจซะ ถ้าไม่เป็นจะได้โล่ง แต่ถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษา ดีซะอีกรู้เร็วจะได้รักษาเร็ว

พอคิดได้แบบนั้นเราก็เสิร์จหาสถานที่ต่างๆ ใกล้บ้านก่อน ก็ได้ข้อมูลว่าสามารถตรวจตามรพ.รัฐได้ ซึ่งรพ.ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ไม่ถึงกิโลฯ แต่ด้วยความสิงอยู่ในพันทิป และทุกคนแนะนำว่าคลินิคนิรนามนี่แหละที่สุดแล้ว เลยตัดสินใจเอาวะ! ต้องที่นี่เท่านั้น! พอเสร็จธุระก็จัดกระเป๋าแล้วพาตัวเองเข้ากทม. ทันที




พาร์ท 5 : คลินิคนิรนามพร้อมความปลงที่ก่อเกิด


คิดว่าพาร์ทนี้เป็นพาร์ททุกคนรอหลังจากเวิ่นเว้อมานาน เราเดินทางไปตรวจที่คลินิคนิรนามในวันที่ 18/10/65 ที่ผ่านมา 

วันที่ 17 เราจองออนไลน์จากทางเว็บไซต์ของคลินิค ก็ตอบคำถามต่างๆ ไป จากตัวเลือกทั้งหมดเราเลือกตรวจเลือดหา HIV โดยใช้สิทธิปีละ 2 ครั้ง อีกอันนึงคือตรวจหาไวรัสตับอักเสบบี ที่เลือกตรวจอันนี้เพราะเราทำงานสายบริการ ซึ่งในสายงานนี้จะเป็นที่รู้กันดีว่าหากติดไวรัสตับเอกเสบขึ้นมา ก็หมดสิทธิ์ในงานสายนี้ไปในทันที 

พอถึงวันขึ้นเขียงเราก็ลากสังขารอันเหนื่อยล้าจากการสอบ Ielts เดินดุ่มไปคลินิคในทันที ใครมาสาย BTS ก็ลง ศาลาแดง ถ้า MRT ก็สถานีสีลม ข้ามสะพานลอยมาฝั่งรพ. จุฬา เดินชมนู่นนี่แป็บเดียวก็ถึงแล้ว 

เรามาถึงตอน 14.40 เกือบหมดเวลารับบัตรคิว พอได้คิวปุ้บก็นั่งรอ ซึ่งบัตรคิวที่เราได้ให้เก็บไว้กับเราตลอดนะ เพราะเราจะใช้คิวนี้จนจบกระบวนการเลย

พอเริ่มเรียกคิวด่านแรกที่เจอคือการซักประวัติก่อน โดยจะถามหา Verify code ก่อนเลย จากนั้นจึงจะถามว่าเราจะตรวจอะไร ใช้สิทธิไหม ถ้าเลือกใช้สิทธิเวลาขอเอกสารต้องใช้ชื่อจริงนะ แต่ถ้าไม่ใช้ก็เสียไม่กี่บาท หากจะเอาใบตรวจยังสามารถใส่ชื่อย่อได้อีก นิรนามของแท้! 


ทางเราเลือกใช้สิทธิไป ถึงจะมีชื่อจริงอยู่บนกระดาษผลตรวจ แต่ไม่ว่าผลจากออกมายังไงก็เอาไว้เตือนใจเธอเถอะและอย่าทำอีก!


พอเสร็จจากซักประวัติคร่าวๆ เขาจะให้บัตรคนรักสุขภาพสีเขียวมา 1 ใบ เพราะเป็นการมาครั้งแรก พร้อมกับป้ายแท้กชื่อเราและให้ขึ้นไปรอบนชั้น 2 ตรงใกล้ๆ จุดตรวจที่ 8 ด้วยความที่เรามาเกือบปิดงานคนเลยไม่เยอะมากนั่งรอไม่นานก็เรียกคิว ซึ่งคนที่อยู่จุด 8 บอกให้เราไปนั่งรอพบหมอก่อนที่จะเจาะเลือด เอาจริงตอนนี้มือเริ่มเย็นละนะ 5555 พอเข้าไปหาหมอเขาก็ถามว่าทำไมถึงตรวจ เสี่ยงล่าสุดตอนไหน ซึ่งเราก็เล่าไปให้หมด ไม่กั้กเลย หมอก็พยักหน้ารับฟังแล้วถามว่าไหนๆ ก็เจาะเลือดเเล้วทำไมไม่ตรวจซิฟิลิสไปด้วยล่ะ ไอ้เราก็ไม่รู้เนาะว่าตรวจพร้อมกันได้ เลยตอบหมอไปว่าตรวจอะไรได้ก็ตรวจค่ะหมอ 5555 กลายเป็นว่าเรางอกตรวจซิฟิลิสมาอีกหนึ่ง  อ่อ! ตรงนี้สามารถเลือกได้นะว่าจะรับผลแบบไหน หลังจากนี้ 3 วันไหม หรือรอฟังหลังเจาะ 1 ชม. ซึ่งเราเลือกฟังวันนี้เลย จะปล่อยให้ตัวเองคิดมากไปทำไมตั้ง 3 วัน ไม่เาแล้ว!!

พบหมอเสร็จก็เดินกลับมานั่งรอที่เดิมตรงจุด 8 จ่ายเงินค่าตรวจก่อน เราโดนไป 520 ไม่แพงเลย โรคละ 100-200 พอจ่ายเงินเสร็จได้ใบเสร็จกับใบสีขาวมา ก็รอจุด 8 เรียกอีกครั้งไปเจาะเลือด หลายคนกังวลเรื่องความสะอาด บอกเลยที่นี่สะอาดมากกกก เข็มเปลี่ยนใหม่แกะห่อพลาสติกให้ดูต่อหน้า ก่อนเจาะก็จะถามชื่อเราว่าถูกไหม ก่อนขึ้นเขียงเจาะ ก็ยื่นแขนไป เอาเลือดเยอะมาก เข็มใหญ่ด้วยไม่กล้ามองเลย 555 ใช่เวลาไม่นานก็เจาะเสร็จ เราก็ย้ายตัวเองออกมานั่งหน้าคลินิค เพราะก็มีคนรอผลตรวจอยู่ เรากลัวเราโฮลตัวเองไม่ไหว เลยเฟดออกมาก่อน 


พาร์ท 6 : ชั่วโมงทรมานกับผลลัพท์ที่ก่อเกิด


ในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงที่รอ บอกเลยเรานั่งไม่ติด เดินไปเดินมาคิดวนสารพัด ว่าจะรอดไหมนะ ถ้าติดละจะทำยังไง รู้สึกไม่อยากให้เวลามันครบ 1 ชั่วโมงเลย ไม่อยากรับรู้ผลกลัวผิดหวัง แต่ถึงจะไม่อยากเจอแค่ไหนเวลาที่รอคอยก็เวียนมาบรรจบพอดี 

ได้ฤกษ์เราก็คิดไปรอที่เดิมตรงการเงินนั่นแหละ ระหว่างรอเราก็มองคนที่อยู่รอบๆ มีคนหลากหลายจริงๆ ทั้งรุ่นเรา รุ่นพ่อแม่ ชาวต่างชาติก็มี ถ้าใครคิดอายไม่ต้องกังวล เราว่ามันดีด้วยซ้ำที่กล้าเอาตัวเองออกมาที่นี่ มันหมายความว่าเรารักตัวเองและคนรอบข้างมากๆ เลย ถึงได้ตัดสินใจมา นอกจากเห็นความหลากหลายทางข่วงอายุ ก็ยังเห็นความหลายหลายทางอารมณ์ บางคนนิ่งๆ บางคนก็สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และมีบางคนที่ถึงกับทรุดลงไปเลย ซึ่งเราที่เห็นฉากนี้ก็อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้ แต่ไม่มีเวลาให้ตกใจไปมากกว่านั้นเพราะถึงเวลาที่เราตะเข้สฟังผลแล้ว...


ตอนเดินเข้าห้องหาหมออยู่ก็รู้สึกว่าขาเราหนักมาก จำได้เลยว่าตัวสั่น มือเย็นเฉียบ ค่อยๆ ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ หมอเอ่ยทักทายก่อนที่ใบผลตรวจจะถูกปริ้นต่อหน้าต่อตาเรา ทันทีที่กระดาษสีขาววางตรงหน้า ตัวอักษรแรกที่มองเห็นคือ negetive ทั้ง 3 บรรทัด ไม่ทันให้สมองประมวลผล หมอก็แจ้งว่าผลทุกอย่างเป็น negetive ไม่พบเขื้อ HIV และซิฟิลิส ไม่ตรวจพบไวรัสตับอักเสบ หากวางแผนฉีดวัคซีนก็สามารถทำได้เลย 

ทันทีที่หมอพูดจบเรานั่งสตั้นไป 3 วิ ก่อนจะถามไปอีกทีว่าไม่พบจริงๆ ใช่ไหม? หมอก็ยืนยันว่าสำหรับ HIV อ่ะใช่ ด้วยระยะเวลา 1 เดือนครึ่ง หรือ 49 วันของเรามันเพียงพอแล้วที่จะปิดเคส ไม่ติดแน่นอน ซึ่งพอเราได้ฟังยอมรับเลยว่าโล่งใจมาก มันแบบเห้ยเรายังไม่เป็นนะ! ในหัวมีแต่คำนี้เลย ส่วนซิฟิลิสจริงๆจะปิดเคสใน 3 เดือน แต่โรคนี้จะพบได้มากในหมู่รักร่วมเพศ(หากเป็นคำไม่สุภาพขออภัย) คู่ช-ญ จะเจอได้น้อยมาก จากนั้นเราก็คุยกับหมออีกนิดหน่อย เรื่องที่ตัดสินใจมาตรวจเพราะตรวจเสิร์จเจออาการ หมอเลยบอกว่าอาจจะเป็นการข้างเคียงจากเริมที่ติดเชื้อฉับพลันก็ได้ (ข้อมูลตรงนี้เราไม่แม่นนะคะตอนนั้นไม่มีสติ555) จากนั้นหมอก็บอกว่ากลับได้เลยนะคะ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

วินาทีที่เปิดประตูเดินออกมาทุกความทุกข์ใจเราถูกปัดเป่า มองผลตรวจแล้วก็ยืนยิ้มกับตัวเองพร้อมกับพูดกับตัวเองว่าเราจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีกแล้ว เข็ดจนตายเลย ไม่อยากต้องมานั่งจิตตกแบบนี้อีกแล้ว





แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่