JJNY : 5in1 เสียงสะท้อน'คนอยุธยา'│กุ้งราคาตกแรง│‘สุทิน’ เย้ย พปชร.│ก้าวไกลเย้ย พปชร.│อ.ต้านฟอกเงิน ขึ้นบัญชีดำ ‘เมียนมา’

เสียงสะท้อน 'คนอยุธยา' น้ำท่วม 3 เดือน ยังไม่ลด ถาม 'กรมชล' บริหารจัดการน้ำยังไง 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7328624
 
 
เสียงสะท้อน ‘คนอยุธยา’ น้ำท่วม 3 เดือน ยังไม่ลด ถาม ‘กรมชล’ บริหารจัดการน้ำยังไง โอดขาดรายได้ ข้าวของจมน้ำ ช้ำพิษโควิด โดนน้ำท่วมซ้ำ
 
วันที่ 22 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าเขื่อนเจ้าพระยา ลดการระบายน้ำลง แต่ยังระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนอัตราที่สูง 2,660 ลบ.ม/วินาที ส่งผลทำให้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและท่วมสูงในหลายพื้นที่ โดย จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมแล้ว 15 อำเภอ 163 ตำบล 1,045 หมู่บ้าน 76,691 ครัวเรือน
 
อำเภอพระนครศรีอยุธยา ทั้งหมด 21 ตำบล ถูกน้ำท่วมไปแล้ว 15 ตำบล 101 หมู่บ้าน 11,760 หลังคาเรือน พบว่าที่ ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา  จ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนที่อยู่ใกล้กับวัดโพธิ์เผือก ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 2-3 เมตร มาเป็นระยะเวลา 2-3 เดือน ต้องใช้เรือพายเข้าออกชุมชน บ้านเรือนถูกน้ำท่วมสูงจนถึงชั้นที่ 2 บางหลังเป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง ถูกน้ำท่วมสูงจนถึงพื้นบ้าน
 
นายเฉลย ฝึกกิจการ อายุ 59 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ถึงน้ำจะเริ่มทรงตัวและลดลง แต่ไม่เหมือนตอนที่น้ำขึ้น ขึ้นที 40-50 ซม. เวลาลง ลงที่ 1-5ซม. น้ำท่วมนานลงช้า ไม่รู้ว่ากรมชลประทานบริหารจัดการน้ำอย่างไร น้ำไมได้เพิ่งท่วมมาได้ 1 หรือ 2 สัปดาห์ แต่นี่จะครบ 3 เดือนแล้ว ถ้าน้ำท่วมชั้นที่ 1 หรือท่วมใต้ถุนบ้าน เราพออยู่ได้ เรายอมรับสภาพเพราะบ้านติดแม่น้ำนอกคันกั้นน้ำ ถ้าท่วมกันขนาดถึงชั้นที่ 2 ของบ้านท่วมพื้นบ้าน แบบนี้ มันเกินไปที่เราจะอาศัยอยู่ได้ และท่วมในเวลาที่นานแบบนี้ พวกเราไม่ชิน อาศัยอยู่หลับนอนไม่ได้
 
ส่วนที่บ้าน นางวรรณพร บุตรใหญ่ อายุ 50 ปี กล่าวว่า บ้านถูกน้ำท่วมถึงพยายามกั้นน้ำเอาไว้ ต้องเอาอิฐบล็อก มาหนุนโต๊ะเก้าอี้ ขนย้ายอุปกรณ์เตาอบ ตู้อบขนม เครื่องมืออุปกรณ์ทำขนมเค้ก ทำขนมปัง ไว้ที่สูง ไม่สามารถทำขนมขายได้ ตั้งแต่น้ำท่วมหยุด ทำขนมมาได้ประมาณ 2 กำลังจะเข้าเดือนที่ 3 รายได้ไปประมาณ เดือนละ 20,000-30,000 บาท เพราะปกติทำขนมส่งร้านค้า ร้ากาแฟ โรงแรม ตกงานจากช่วงสถานการณ์โควิดมาได้ 2 ปี มาลงทุนทำขนมปัง ขนมเค้ก พอจะเริ่มฟื้นตัว มาเจอสถานการณ์น้ำท่วมสูงยาวนานแบบนี้ลำบากจริงๆ
  
ด้าน นางมาลี สดใส อายุ 63 ปี ชาวบ้านตำบลบ้านใหม่ บ้านถูกน้ำท่วมสูงจนเกือบมิดหลังคา ต้องมาอาศัยบ้านญาติใช้เป็นที่หลับนอนแทนชั่วคราวก่อน ตนเองอาศัยอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงมีโรคประจำตัว เบาหวาน และเส้นเลือดหัวใจตีบ แขนขาอ่อนแรง ช่วงที่น้ำขึ้นมาเร็วมากเก็บข้าวของไม่ทัน ตู้เย็น ทีวี เสื้อผ้า เครื่องใช้ขนออกมาไม่ทันแช่น้ำอยู่ในบ้านทั้งหมด
 


คนเลี้ยงโวย กุ้งราคาตกแรง หลังบอร์ดกุ้งอนุมัตินำเข้า โอดต้นทุนเพิ่ม 30%
https://www.matichon.co.th/region/news_3632296
 
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ (Shrimp Board) หรือ บอร์ดกุ้ง มีมติให้นำเข้ากุ้งจากอินเดีย และเอกวาดอร์ มาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดนั้นพบว่าได้ส่งผลกระทบต่อราคากุ้งในประเทศอย่างชัดเจนมากขึ้น
 
โดยนายปรีชา สุขเกษม ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ในอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ในรอบนี้ตนเองเลี้ยงกุ้งมาเป็นเวลา กว่า 60 วัน หรือ 2 เดือน เพิ่งทำการจับกุ้งขาย ที่ขนาด 44-48 ตัวต่อกิโลกรัม ได้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 170-171 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ปรับลดลงมาจากที่ควรจะเป็น ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการนำเข้ากุ้งนั้น ราคาไซซ์ขนาดนี้จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 200 บาท และเคยสูงถึงกิโลกรัมละ 230 บาท นอกจากนั้น กุ้งขนาด 50-70 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นขนาดที่บอร์ดกุ้งอ้างว่าขาดแคลนและให้นำเข้ากุ้งขนาดนี้เข้ามานั้น ขณะนี้ ห้องเย็นก็อ้างว่าไม่สามารถรับซื้อได้ เพราะไม่มีห้องเย็นเก็บรักษา เป็นเพราะมีการใช้ห้องเย็นในการเก็บกุ้งที่นำเข้ามาแทน ซึ่งถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างมาก และเมื่อเกษตรกรได้รับผลกระทบเช่นนี้ บอร์ดกุ้งจะรับผิดชอบหรือช่วยเหลืออย่างไร
 
นายปรีชากล่าวอีกว่า การที่บอร์ดกุ้งอ้างว่า หากราคาตกต่ำลงก็จะมีการประกันราคาให้เกษตรกร แต่ราคาที่จะประกันนั้นเป็นราคาที่อยู่ระดับเดียวกับภาระต้นทุน นั่นหมายถึงว่า เกษตรกรเลี้ยงกุ้งมา 2-3 เดือน จะไม่มีกำไรเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะคิดใหม่ และหากจะมีการนำเข้ากุ้งมาอีก บอร์ดกุ้ง ควรจะมีการสอบถามความเห็นกับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งส่วนใหญ่เสียก่อน ไม่ใช่ถามกับคนไม่มีกี่คน และมีกุ้งที่เลี้ยงอยู่หรือไม่
 
“ในปัจจุบันนี้การเลี้ยงกุ้งนั้นมีภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารกุ้ง ค่าไฟฟ้า และค่าอื่นๆ นอกจากนั้นยังต้องแก้ปัญหาเรื่องของโรคระบาดกันเอง แทนที่บอร์ดกุ้งจะมาช่วยส่งเสริมให้การเลี้ยงให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงให้ได้ผลผลิตที่ดีมากขึ้น แก้ปัญหาโรคระบาด แต่กลับแก้ปัญหาด้วยการนำเข้ากุ้ง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาราคากุ้งในประเทศตกต่ำแทน” นายปรีชากล่าว และว่า บอร์ดกุ้งจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่ราคาตกต่ำนี้อย่างไรบ้าง กรณีการประกันราคาควรจะพิจารณาจากภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย เกษตรกรควรจะมีกำไรจากการเลี้ยง 2-3 เดือน ไม่ใช่ได้ราคาเท่ากับราคาต้นทุนเช่นที่เกิดขึ้น
  

 
‘สุทิน’ เย้ย พปชร.โวกวาด 150 ที่นั่ง แค่จิตวิทยามวลชน เย้ย ได้นายกฯ 2 ขยัก “หมดตู่ สู่ป้อม”
https://www.matichon.co.th/politics/news_3632571

‘สุทิน’ ชี้ พปชร.โวกวาด 150 ที่นั่ง แค่จิตวิทยามวลชน – ปกปิดจุดอ่อนตัวเอง เย้ย นายกฯ 2 ขยัก “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม” เพราะขาดแคลนผู้นำ
 
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช  และกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ ส.ส. 150 ที่นั่ง ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะต้องออกมาพูดเพื่อปกปิดจุดอ่อนและสร้างจุดแข็ง เป็นการสร้างจิตวิทยามวลชน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในพรรคของตัวเอง แต่สำคัญว่าการพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับพรรคตัวเองต้องอยู่บนพื้นฐานที่คนฟังแล้วเชื่อถือได้ และมีข้อเท็จจริงรองรับ กรณีพรรค พปชร. ตนก็ไม่อยากไปวิจารณ์ในแง่ลบ หรือซ้ำเติม แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏทั้งการเลือกตั้งซ่อมทุกครั้งที่ผ่านมา การสำรวจความนิยม และปรากฏการณ์เลือดไหล ตลอดปฏิกิริยาจากประชาชนและสังคม เป็นตัวชี้วัดได้ว่า พรรคใดอยู่ในสถานการณ์ใด และเป็นการวาดหวังเกินความเป็นจริงหรือไม่
 
เมื่อถามถึงกรณีที่นายรงค์ ระบุว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสามารถเป็นนายกฯ ได้อีกประมาณ 2 ปี ไม่เป็นปัญหา เพราะสามารถให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นนายกฯ ต่อได้นั้น หรือ “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม” ตามกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ถ้าพรรค พปชร.ยังมีผู้นำที่สมบูรณ์มีตัวเลือกที่เพียงพอและไม่ได้อยู่ในภาวะขาดแคลนผู้นำ ก็จะเสนอแคนดิเดตนายกฯ ที่อยู่ตามจำนวนวาระ​ 4 ปี ยังไม่เคยเห็นว่ามีพรรคใดในประเทศไหนเสนอแคนดิเดตนายกฯ ที่อยู่ในวาระได้ไม่เต็ม แต่หากพรรค พปชร. ขาดแคลนจริงก็สามารถเสนอได้ อาจจะเป็นรูปแบบใหม่ครั้งแรก ส่วนประชาชนจะยอมรับหรือไม่ก็อยู่ที่ประชาชนคิดว่าจะเอาการบริหารงานที่ต่อเนื่องหรือไม่ต่อเนื่อง
 
เมื่อถามว่า แนวทางดังกล่าวจะทำให้พรรค พปชร. ได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไร นายสุทินกล่าวว่า ตนคิดว่าคนที่จะร่วมงานในพรรคและประชาชนน่าจะอยากได้นายกฯ ที่สามารถทำงานต่อเนื่องได้ เพราะการทำงานให้กับประชาชนจะต้องมีวาระพอสมควร ซึ่งก็ระบุไว้อย่างพอเหมาะพอควรว่า 4 ปี หากน้อยกว่านั้นการผลักดันนโยบายต่างๆ ก็คงจะไม่เป็นรูปธรรม



ก้าวไกลเย้ย พปชร.เลือกไม่ได้ ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ ใครเป็นเบอร์ 1 เพราะไม่ชัดใครใหญ่สุด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3632649

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายรงค์ บุญสวยขวัญ  ส.ส.นครศรีธรรมราชและกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ ส.ส. 150 ที่นั่ง ว่าทุกพรรคการเมืองคงประกาศถึงความเชื่อมั่นและจำนวน ส.ส.ที่จะได้รับอาจจะเกิดจากการประเมินว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง หรืออาจจะเกิดขึ้นบนพื้นฐานของความไม่มั่นใจ จึงต้องเรียกร้องความเชื่อมั่นจากสมาชิกพรรค ทั้งนี้ พรรค ก.ก.จะไม่ก้าวล่วงการประเมิน ส.ส.ของพรรคอื่น อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการขยับจังหวะก้าวของพรรค พปชร.ขณะนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานความไม่มั่นใจว่าตกลงแล้วจะเสนอใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่สามารถกลับมาเป็นนายกฯได้ 4 ปีเต็ม นอกจากนี้ ก็ไม่มั่นใจ และชู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นแคนดิเดตนายกฯหนึ่งเดียวหรือไม่ ประกอบกับมีกระแสข่าว ส.ส. พรรค พปชร.บางคนย้ายพรรค หากตนอยู่ในสถานะของนายรงค์ที่เป็น กก.บห.ด้วยก็คงจะต้องเรียกร้องความเชื่อมั่นให้กับพรรค ส่วนภายในพรรคเป็นอย่างไร พรรค พปชร.คงรู้ตัวดี
เมื่อถา ถึงกรณีที่นายรงค์ระบุว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สามารถเป็นนายกฯได้อีกประมาณ 2 ปี  ไม่เป็นปัญหา เพราะสามารถให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นนายกฯต่อได้นั้น หรือ “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม” ตามกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า กรณีนี้ไม่สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ก็มีความคลาดเคลื่อนเรื่องการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บอกว่าจะเหลืออีกแค่ 2 ปีนั้น ความจริงถ้านับจากปี 2566 ก็จะมากกว่า 2 ปี เพราะต้องหักช่วงเวลาที่เป็นรักษาการนายกฯ เช่น อาจจะมีการยุบสภา หรือระหว่างยังไม่ได้โปรดเกล้าฯนายกฯคนใหม่ ดังนั้น จะมีเวลา 2 ปี 5 เดือน หรือ 2 ปี 8 เดือน
 
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดช่องว่าจะให้เลื่อนรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองที่ได้เป็นนายกฯขึ้นมาอัตโนมัติ ดังนั้น จึงต้องกลับไปสู่กระบวนการที่หาก พล.อ.ประยุทธ์ครบวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ก็ต้องสรรหานายกฯ คนใหม่ ซึ่งการสรรหานายกฯ คนใหม่ในครั้งหน้า จะต้องมาจากเสียงสภาผู้แทนราษฎรล้วน ไม่มีเสียงจากสมาชิกวุฒิสภาอีกแล้ว ดังนั้น นายกฯคนต่อไปที่จะขึ้นมาแทน พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่จำเป็นต้องมาจากพรรค พปชร. แต่อาจจะมาจากแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคการเมืองอื่น ที่สภาให้ความเห็นชอบ
 
เมื่อถามว่าการเสนอแนวทางดังกล่าวจะทำให้พรรค พปชร.ได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นความไม่ชัดเจนมากกว่า  กรณีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ 2-3 ชื่อ อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดีเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือเพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน แต่กรณีแบบนี้คิดว่าเกิดจากความไม่ชัดเจนมากกว่า ว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจสูงสุดในพรรค และเป็นผู้บริหารสูงสุดที่มีวิสัยทัศน์ที่จะเสนอให้ประชาชนเป็นคนเลือก ดังนั้น พรรค ก.ก.จึงมองว่าการเสนอหลายรายชื่อแคนดิเดตนายกฯไม่เกิดประโยชน์และทำให้พี่น้องประชาชนสับสนมากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่