ปูหิมะกำลังหายไปจากทะเลเบริ่ง

.

.
ปูหิมะ (Chionoecetes opilio)
ถ่ายภาพใต้น้ำในแคนาดา
เคยมีปูหิมะหลายพันล้านตัวในทะเลเบริ่ง
แต่จำนวนปูหิมะลดลงอย่างมาก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากหลักพันล้านตัว
© LaSalle-Photo via Getty Images
.
.

.
.
.


ปูหิมะใน ทะเลเบริ่ง Bering Sea
เคยมีจำนวนนับพันล้านตัว
แต่หายไปจากน่านน้ำเหล่านี้เกือบทั้งหมด
และอาจจะไม่กลับมาเหมือนเดิมในเร็ว ๆ นี้

ในปี 2018 ปูหิมะ (Chionoecetes opilio)
โตเต็มที่ประมาณ 3 พันล้านตัว 
ต่างพากันอาศัยอยู่ในทะเลเบริ่ง
พร้อมกับปูรุ่นเยาว์ประมาณ 5 พันล้านตัว
ตามรายงานของ Seattle Times
แต่ในช่วงปลายปี 2021
ตัวเลขเหล่านี้อยู่ที่ประมาณ
2.5 ล้านตัว และ 6.5 ล้านตัวตามลำดับ
เท่ากับสูญเสียปูหิมะไปเกือบ 8 พันล้านตัว
ในช่วงระยะเวลาเพียง 3 ปี
.
.

.
.

.
.
.


ในเดือนกุมภาพันธ์
National Marine Fishing Service
กรมประมงทะเลแห่งชาติได้ออกประกาศ
เกี่ยวกับการทำประมงเกินขนาด
สำหรับประชากรปูหิมะในทะเลเบริ่ง

ในต้นเดือนตุลาคม
กรมประมงและเกมแห่งอลาสก้า (ADFG)
Alaska Department of Fish and Game (ADFG)
ได้ตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาต
ให้จับปูหิมะในฤดูกาลนี้
เพราะกลัวว่าสัตว์จำพวก Crustaceans
มีโอกาสจะสูญพันธุ์ไปเกือบทั้งหมด
.
.

.

.
.
.

“ การบริหารจัดการปูหิมะในทะเลเบริ่ง
จะต้องมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์
และการสร้างแนวทางใหม่
โดยคำนึงถึงการคงอยู่ของสัตว์เศรษฐกิจ
ตัวแทนของ ADFG กล่าวในแถลงการณ์
ทั้งนี้ หน่วยงานยังยกเลิกการจับ ปูราชาแดง
(Paralithodes camtschaticus
ในอ่าวบริสตอล Bristol Bay ในฤดูใบไม้ร่วง
เพราะสำรวจแล้วมีปริมาณที่ลดลงไปมาก

Miranda Westphal นักชีววิทยา (ADFG)
ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก
“ มันเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันนอนไม่หลับ
มาหลายคืนและมีน้ำตาไหลมากมาย
นี่เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ยากที่สุด
ที่เราจำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง ”
เธอบอกกับ WordsSideKick.com
.
.

หมายเหตุ
.
แถวตอนเหนือของญี่ปุ่นจะเรียก
ปูยักษ์ฮอกไกโด หรือ ปูทาราบะกานิ
ถ้าเจอแถบขั้วโลกเหนือจะเรียก ปูอลาสก้า
สรุปปู 2 ชื่อนี้ก็คือ สายพันธุ์เดียวกัน
ตระกูลปูราชา/ปูหิมะมี 7 สายพันธุ์
แต่ที่นิยมกินกันจะมีอยู่ 3 ชนิด
-(Red King Crab) ราชาปูแดง
-(Bule King Crab) ราชาปูน้ำเงิน
-(Golden King Crab) ราชาปูทอง

ปูยักษ์ของชิลี ก็ใช่แต่คนละรสชาติ
มักจะมีคนย้อมแมวขายว่า ปูอลาสก้า

ถ้าของไทยก็ปลาทู บางเจ้าก็ย้อมแมวขาย
ปลาทูฝั่งอ่าวไทย อ้วนพุงพุ้ย มันตุบ เนื้อหวาน
หน้างอ คอหัก คือ เอกลักษณ์ประจำชาติปลาทู
น้ำทะเลไม่เชี่ยวกราด ไม่ลึก อาหารสมบูรณ์

ปลาทูฝั่งอันดามัน ผอมเพรียว เนื้อแน่น ไม่มัน
น้ำทะเลขึ้นลงเห็นชัด น้ำลึก อาหารต้องแย่งชิง

นักชิมจริง ๆ กับ ชาวประมง จะแยกชนิดออก
.
.

.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ.
The Opilio Crab Hunt is On
| Deadliest Catch
.


.
.

.
.

.
.
.


อะไรคือสาเหตุทำให้ปูหิมะมีจำนวนลดลง

ผู้ร้ายหลัก คือ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ที่เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์
แม้ว่าการทำประมงที่ไม่ยั่งยืน
อาจมีบทบาทด้วยก็ตาม
ตามรายงานของ Seattle Times

ปูหิมะเจริญเติบโตในน่านน้ำทางเหนือ
ที่หนาวเย็นของพื้นทะเลเบริ่ง 
อุณหภูมิของน้ำไม่ใช่เรื่องของความสบายเท่านั้น
แต่ยังมีบทบาทสำคัญในวงจรชีวิตพวกปูหิมะ
เมื่อน้ำทะเลเย็นตัวลง ความเค็มจะน้อยลง
และลอยตัวน้อยลง จะจมลงสู่ก้นมหาสมุทร

นักชีววิทยาทางทะเล เรียกชั้นน้ำ
ที่เย็นยะเยือกนี้ว่า สระน้ำเย็น cold pool
National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA)
(สำนักงานบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศ)
แม้ว่าปลาหลายชนิดและสัตว์ทะเลประเภทอื่น ๆ
จะหลีกเลี่ยงสระน้ำเย็น แต่ไม่ใช่สำหรับปูหิมะ
เพราะมันกลายเป็นเขตรักษาพันธุ์
เพราะแทบจะไม่มีนักล่าประเภทใด ๆ
ที่เต็มใจที่จะผจญภัยไปในน่านน้ำ
ที่เย็นยะเยือกของสระน้ำเย็นแห่งนี้

ลูกปูหิมะจึงสามารถเติบโตได้อย่างสงบสุข
แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เกราะกำแพงการป้องกันลดลง
คลื่นความร้อนในปี 2016, 2018 และ 2019
การก่อตัวของสระน้ำเย็นในทะเลเบริ่งลดลง
ทำให้ลูกปูหิมะเสี่ยงต่อนักล่าเพิ่มมากขึ้น
ตามรายงาน 2 กันยายน 2022
ที่เผยแพร่โดย NOAA

ยิ่งไปกว่านั้น Miranda Westphal กล่าวว่า
" น้ำอุ่นน่าจะเร่งการเผาผลาญ
ของปูหิมะที่โตเต็มวัยทำให้พวกมันอดอยาก
ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ที่มนุษย์ได้ทำลงไปในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า
คลื่นความร้อนประเภทนี้คาดว่า
จะกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น " 

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว 
การทำประมงเชิงพาณิชย์บางอย่าง
อาจทำให้จำนวนปูหิมะลดลงอย่างมาก
เรือลากอวนที่กำหนดเป้าหมายสัตว์ทะเลอื่น ๆ
ในทะเลเบริ่งมักจะทิ้งปูหิมะขนาดที่ไม่ต้องการ

เมื่อชาวประมงจับปูหิมะได้แล้ว
จะทำการคัดปูหิมะโดยจะคัดเลือกเพื่อโยนทิ้ง
ปูหิมะที่ขนาดเล็กเกินไป อายุน้อยเกินไป
หรือมีสีเปลือกไม่สวย หรือเปลือกชำรุด เป็นต้น
แม้ว่า บางครั้งปูหิมะบางตัวอาจรอดตาย
จากแรงกระแทกที่โยนลงไปในน้ำทะเล
แต่การถูกจับขึ้นบนเรืออย่างรวดเร็ว
ด้วยการขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างกะทันหัน
แล้วโยนกลับลงไปในน้ำ ทำให้มันช็อค
มีโอกาสตายได้ง่าย ๆ เช่นกัน

ในปี 2020
ADFG ประมาณการว่ากว่า 30% ของปูหิมะ
ที่ถูกจับและโยนกลับลงไปในทะเลเบริง
ต่างตายไปเพราะด้วยสาเหตุเหล่านี้

ในเดือนเมษายน 2021
Seattle Times ได้ประเมินปูหิมะ
ในทะเลเบริงในปี 2021 ของ NOAA
ยืนยันการค้นพบที่น่าสยดสยองเหล่านี้
ทำให้อัตราการตายของปูหิมะเพิ่มขึ้นในปีนั้น
และทำให้จำนวนประชากรลดลง

Crabbing การจับปูหิมะ
เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในอลาสก้า 
การยกเลิกฤดูการจับปูหิมะในปีนี้
และอนาคตที่ไม่แน่นอนของปูหิมะในทะเลเบริง
อาจมีนัยยะสำคัญต่ออุตสาหกรรมนี้
ซึ่งเคยทำเงินถึง 280 ล้านดอลลาร์ในปี 2016
สำนักข่าว Anchorage Daily News รายงาน
สำหรับชาวประมงท้องถิ่นจำนวนมาก
ที่อาศัยปูหิมะในการดำรงชีพ/หารายได้
" ผู้คนกำลังจะล้มละลาย
และไม่สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ "
Jamie Goen ผู้อำนวยการ
Alaska Bering Sea Crabbers
ให้สัมภาษณ์กับ  KIMA-TV ใน Yakima รัฐ Washington

กลุ่มประมง Goen และอีกหลายภาคส่วน
ต่างกำลังเรียกร้องให้สภาการจัดการประมง
North Pacific Fishery Management Council
กำหนดมาตรการเพื่อการอนุรักษ์
เพื่อเพิ่มประชากรปูหิมะให้ยั่งยืนในอนาคต
ตามรายงานข่าวของ KIMA-TV

" แต่สำหรับตอนนี้ 
ปูหิมะยังไม่ถูกจำกัดสำหรับ
นักตกปูในเชิงพาณิชย์
เราต้องการให้โอกาส
พวกปูหิมะได้ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด"
Miranda Westphal กล่าวสรุป
(การตกปูจะได้จำนวนน้อยกว่า
การวางลอบดักปูแบบเดิม)
.
เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/3MNdPil
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่