กลอนริมถนน ลาญซากรัก

O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้ อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบ

   1. รอยแยกแห่งรุ่งอรุณโอ้ ฟ้าที่แย้มออกในยามเช้า — ไม่ใช่ด้วยความปลื้มปิติแต่ด้วยเสียงคร่ำครวญ ที่สั่นสะท้านเหนือขอบฟ้าดวงตะวันดิ้นรนจากพันธนาการแห่งเมฆทมิฬประหนึ่งนักโทษผลักฝาเหล็กด

O ตรู่เช้าเมื่อหม่นหมอก-ถูกหยอกยั่ว ลมโรยตัว .. ลูบไล้ก็ไหวสั่น แถบผ้าขาวป่ายริ้ว-ห่มผิวพรรณ พร้อมด้วยข้าวในขัน .. มุ่งมั่นรอ O แล้วพิมพ์ภาพงดงาม .. แห่งยามเช้า ค่อยทอดเงาเคียงหมู่ท่านผู้ขอ ศรัทธาของร

ยามสิ้นสุด .. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง เดือนสิบ ๒๓๑๐ .. . . ๑๔ 0 อาดูระพูนอยุธยา ระบุภาวะพ่ายพัง สิ้นสายเพราะหายนะพลัง ปะทุถั่งก็ยากทาน ๘ 0 โอ้ .. เมืองแก้วเมืองฟ้าถึงคราล่ม บัลลังก์จมมอดไหม้ด้วยไฟผลาญ ปรา

สุสานสรวง ร่วงโรย ดั่งโลกฝัน เงาจันทร์ส่อง ซึ้งซับ กับพฤกษา ดอกไม้โปรย กลบหลับ วิญญาณลา เสียงลมพา โหยหวน ครวญนิรันดร์ ใต้ป้ายหิน ผุพัง ดั่งอาณา ซากอุรา จ่อมจม ทิ้งฝอยฝัน ดินซ่อนร่าง รุ่ยลับ ดับตะวัน

 ในอ้อมกอด สายลมที่พรมแผ่ว หวานรักแว่ว ผ่านเผย ที่เชยชื่น ในหมอกหนาว น้ำค้าง ยามกลางคืน ระดาดื่น ระดาษดาว พราวฟ้าไกล ไม่ - มีจันทร์ เด่นสรวง

โรยร่วงพร่างกลางดินสิ้นกลิ่นแล้ว สีเคยแพร้วแววนวลชวนปองหมาย กลับเฉาหมองต้องแรงแสงเลือนกลาย อีกพระพายพัดผ่านรานมาลี กลีบตกเกลื่อนเปื้อนช้ำซ้ำยับย่อย หลากริ้วรอยย่นยู่ดูบัดสี ย่อมขัดเขินเมินค่าหาไยดี ก

0 เมื่อคืนคำ .. ใจชายมาป่ายปัด ย่อมแจ่มชัด .. เกินเปรียบ .. ถูกเหยียบย่ำ หลงรูปเยาว์สุดแก้เปลี่ยนแปร .. กรรม ใจเอยจำเถิดว่า .. จักลาร้าง 0 เป็นหญิงที่มีรัก .. มีศักดิ์ศรี จึงแต่นี้ใจหนอ .. จักขอห่าง ข

สายลมแผ่วปลอบใจยามเหนื่อย ใบไม้เอื่อยยังไหวไม่หยุดเคลื่อน แม้นชีวิตต้องเจอทางเปื้อน แต่ทุกเรือนย่อมผ่านพายุไหว ตะวันลับยังกลับส่องฟ้า แม้ชีวาเคยเงียบเหงาใจ ทุกขุนเขายังเฝ้ายืนใหญ่ บอกว่าใครก็แข็งแรงไ