พิษโควิด 'คลัง' คาดจนพุ่งขึ้น 10 ล้านคน รับข้อเสนอเอกชนฟื้น 'ช้อปดีมีคืน'
https://www.matichon.co.th/economy/news_3623847
พิษโควิด ‘คลัง’ คาดจนพุ่งขึ้น 10 ล้านคน รับข้อเสนอเอกชนฟื้น ‘ช้อปดีมีคืน’
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าขณะนี้แต่ละกระทรวงได้เตรียมมาตรการเพื่อเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้ ในส่วนของกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเรียกปลัดกระทรวงการคลังและ สศค.เข้าหารือในเร็วๆ นี้ ส่วนข้อเสนอภาคเอกชนให้นำ มาตรการช้อปดีมีคืน มาใช้อีกครั้งนั้น กระทรวงการคลังพร้อมรับข้อเสนอดังกล่าว แต่ในส่วนของการเสนอขยายมาตรการคนละครึ่งเป็นเฟส 6 ยังไม่ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และขณะนี้ยังเป็นช่วงการดำเนินมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 จะสิ้นสุดโครงการในสิ้นเดือนตุลาคมนี้
นายพรชัยกล่าวถึงการเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ว่าประเมินว่ายอดการลงทะเบียนจะทรงตัวที่กว่า 20 ล้านคน เพราะในระยะที่ผ่านมายอดการลงทะเบียนเริ่มชะลอตัว โดย ณ วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา มียอดลงทะเบียนที่ 21.45 ล้านคน และจะเปิดการลงทะเบียนในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ส่วนตัวเลขผู้ได้รับสิทธิจะเป็นเท่าใดต้องรอการตรวจสอบคุณสมบัติก่อน ที่มีการคาดการณ์กันว่าตัวเลขผู้มีสิทธิครั้งนี้อาจจะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่กว่า 10 ล้านคนนั้นก็มีความเป็นไปได้ เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามา โดยเฉพาะเรื่องโควิด-19 ทำให้คนมีรายได้น้อยลง หรือไม่มีรายได้เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2564 มีผู้ได้รับสิทธิกว่า 10 ล้านคน ส่วนการลงทะเบียนรอบล่าสุดโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปีล่าสุด 2565 มียอดอยู่ที่ 21.45 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านคน ทั้งนี้ จะปิดลงทะเบียนวันที่ 31 ตุลาคมนี้ จากตัวเลขดังกล่าวอาจทำให้มีผู้ได้รับสิทธิเพิ่มจากปี 2564 เกือบ 10 ล้านคน
สิงห์บุรีอ่วมหนัก 6 อำเภอจมหมดแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วม เกือบ 2 หมื่นครัวเรือนเดือดร้อน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7320937
สิงห์บุรีอ่วมหนัก 6 อำเภอจมหมดแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วม เกือบ 2 หมื่นครัวเรือนเดือดร้อน ผู้ว่าฯลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม นำถุงยังชีพมอบให้แก่ผู้ประสบภัย
วันที่ 18 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายพื้นที่ในจังหวัดสิงห์บุรี หลังจากถนนคันคลอง ในพื้นที่อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ถูกน้ำกัดเซาะจนถนนถูกตัดขาด ยิ่งทำให้มวลน้ำไหลบ่าลงพื้นที่จ.สิงห์บุรี เพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ประชาชนยังได้รับผลกระทบจากแม่น้ำน้อย ที่เอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่เพิ่มขยายเป็นวงกว้าง อีกด้วย
ขณะนี้ทั้ง 6 อำเภอ เขตการปกครองของจังหวัดสิงห์บุรีได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมดแล้ว
ประชาชนจังหวัดสิงห์บุรีที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ จำนวน 6 อำเภอ 22 ตำบล 10 ชุมชน 17,825 ครัวเรือน โดยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ บางส่วนตั้งเต็นท์อาศัยอยู่ริมถนน บางส่วนอาศัยอยู่บ้านญาติที่น้ำยังไม่ท่วม บางส่วนไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางจังหวัดจัดไว้ให้ บางส่วนก็อาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน
ด้าน นาย
สุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและนำถุงยังชีพมอบให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่
‘ณัฐชา’ ขออย่าหมดหวัง ‘รัฐธรรมนูญ ปชช.’ ไม่เกินเอื้อม ย้ำใกล้เลือกตั้ง ต้องรีบทำงานทางความคิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3623610
‘ณัฐชา’ ขอจงเชื่อ อย่าหมดหวัง ‘รัฐธรรมนูญ ปชช.’ ไม่เกินเอื้อม ใกล้เลือกตั้ง ต้องรีบทำงานทางความคิด
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่อาคารศิลาบาตร มหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก) เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย จัดวงเสวนา รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน “
ความฝันที่ไม่ไกลเกินเอื้อม” โดยมีวิทยากรเป็นตัวแทนนักเคลื่อนไหว คนรุ่นใหม่ นักวิชาการ นักกฎหมาย ตลอดจนตัวแทนสภาผู้แทนราษฎร ร่วมให้ความเห็น
ได้แก่ นาย
จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน, นาย
ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw), ผศ.ดร.
มูฮัมหมัดอิลยาส หญ้าปรัง อาจารย์ประจำสาขาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ (ไอติม) ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล, น.ส.
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ
มายด์ นักกิจกรรมทางการเมือง นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินรายการโดย นาย
นันทพงศ์ ปานมาศ หรือ
กุ๊ก แกนนำเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย
นาย
ณัฐชากล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราเห็นอะไรหลายๆ อย่าง อย่างน้อยทุกครั้งที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่ารัฐธรรมนูญที่ว่าผ่านไปแก้ได้ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เกี่ยวกับ ส.ส. เกี่ยวกับพรรคการเมือง แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ดูไกลจากพี่น้องประชาชน สิ่งที่พี่น้องประชาชนเผชิญอยู่ในทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นการกดทับในสังคม เรื่องของโครงสร้าง รัฐสวัสดิการ หรืออะไรต่างๆ ที่เผชิญปัญหาอยู่ กลับกลายเป็นว่าไกลเกินเอื้อมแบบไม่ได้เข้ามาเกี่ยวเลย อย่างกรณีล่าสุดที่มีการเรียกร้องการตัดอำนาจ ส.ว. แม้ ส.ว.หลายๆ ท่านจะออกมาบอกว่ายินดีตัดอำนาจตัวเอง แต่เมื่อถึงเวลาโหวตจริงๆ ก็มีเสียง ส.ว.ไม่ถึง 84 เสียง นี่คือปัญหาที่ทำให้เราเห็นว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญที่อยู่ในกติกานั้นช่างยากเหลือเกิน จากสถานการณ์ปัจจุบันเรียกได้ว่าไกลเกินเอื้อมมากๆ ดังนั้น ต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องไปหาฉันทามติจากพี่น้องประชาชน กลับไปฟังเสียงพี่น้องประชาชน และที่สำคัญคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้กำลังจะหมดอายุลง และจะมีการเลือกตั้งใหม่ นั่นหมายความว่าอำนาจกำลังกลับไปสู่ประชาชน สามารถเข้าคูหากากบาทเลือกในทิศทางใดก็ได้ เพราะฉะนั้น ในวันนี้เราเลิกพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญแล้ว แต่รณรงค์การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน เริ่มต้นจัดเรียงใหม่ ถือว่าออกจากจุดเริ่มต้นใกล้กับวันเลือกตั้งพอดี
“เพราะฉะนั้น ในวันนี้ คนที่มาฟัง คนที่รับชมอยู่ทางบ้าน คนที่ได้รับฟังอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงแห่งนี้ รับฟังแล้ว อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ชอบเฉยๆ ไม่ได้ รับเฉยๆ ไม่ได้ สนับสนุนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเอาไปพูดต่อ เอาไปบอกต่อ เอาไปกระจายข่าวต่อให้เร็วที่สุด เพราะวันนี้เราใกล้คูหาเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นเราต้องเริ่มทำงานทางความคิดเรื่องของการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยประชาชน อันนี้คือสิ่งที่ใกล้แค่เอื้อม” นาย
ณัฐชากล่าว
นอกจากนี้ นาย
ณัฐชายังกล่าวในช่วงท้ายของการเสวนาว่า เวลาเผด็จการ หรือฝ่ายอำนาจนิยมอยากได้อะไร ก็จะพยายามกระมิดกระเมี้ยน อย่างในรัฐธรรมนูญก็เขียนสิ่งที่ประชาชนต้องการไว้ในประโยคแรก แต่ใส่สิ่งที่พวกตัวเองต้องการไว้ในประโยคสุดท้าย สังคมต้องการ ส.ส.เขาก็ต้องการ ส.ว. จนคิดว่าถ้าเขาเลือกได้แบบไม่ต้องอายใครอีกต่อไป ก็คงให้มี ส.ว.อย่างเดียว แต่เมื่อทำตามสิ่งที่พวกเขาอยากได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ก็เลยเกิดกระบวนการดัดจริตขึ้น
“พยายามกระมิดกระเมี้ยนเขียนให้สวยหรู เขียนให้เหมือนว่าได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ เขียนว่าเหมือนจะแก้ได้ สุดท้ายก็แก้ไม่ได้ แต่อย่างที่ทราบกันดี ประชาธิปไตยไม่ได้มาจากการร้องขอเพียงอย่างเดียว เราต้องช่วยกันต่อสู้ แต่กระบวนการต่อสู้ของยุคสมัยนั้นต่างกัน สำคัญที่สุดคือกาลเวลาอยู่ข้างเรา สิ่งที่ทำให้เราเข้าใกล้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คือแสงสว่างที่อยู่ปลายทาง แต่การที่จะเข้าใกล้แสงสว่างนั้น เราต้องต่อสู้ ทุกๆ ครั้งที่เราก้าวเดิน ไม่ว่าจะพลาดหรือสำเร็จ เราจะเข้าใกล้เส้นชัยมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ระยะเวลานั้นผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนผ่านไป กาลเวลาที่เข้าใกล้เรามากขึ้นทุกวันจะนำพาเส้นชัยนั้นเข้าใกล้เราด้วย นี่คือสิ่งที่อยากให้เชื่อ และไม่หมดหวัง” นาย
ณัฐชากล่าว
JJNY : 'คลัง'คาดจนพุ่ง 10ล.คน│สิงห์บุรีอ่วมหนัก 6อ.จมหมด│‘ณัฐชา’ ขออย่าหมดหวัง│รมช.คลังปัดไม่รู้เรื่อง เงินยาสูบหาย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3623847
พิษโควิด ‘คลัง’ คาดจนพุ่งขึ้น 10 ล้านคน รับข้อเสนอเอกชนฟื้น ‘ช้อปดีมีคืน’
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าขณะนี้แต่ละกระทรวงได้เตรียมมาตรการเพื่อเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้ ในส่วนของกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเรียกปลัดกระทรวงการคลังและ สศค.เข้าหารือในเร็วๆ นี้ ส่วนข้อเสนอภาคเอกชนให้นำ มาตรการช้อปดีมีคืน มาใช้อีกครั้งนั้น กระทรวงการคลังพร้อมรับข้อเสนอดังกล่าว แต่ในส่วนของการเสนอขยายมาตรการคนละครึ่งเป็นเฟส 6 ยังไม่ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และขณะนี้ยังเป็นช่วงการดำเนินมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 จะสิ้นสุดโครงการในสิ้นเดือนตุลาคมนี้
นายพรชัยกล่าวถึงการเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ว่าประเมินว่ายอดการลงทะเบียนจะทรงตัวที่กว่า 20 ล้านคน เพราะในระยะที่ผ่านมายอดการลงทะเบียนเริ่มชะลอตัว โดย ณ วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา มียอดลงทะเบียนที่ 21.45 ล้านคน และจะเปิดการลงทะเบียนในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ส่วนตัวเลขผู้ได้รับสิทธิจะเป็นเท่าใดต้องรอการตรวจสอบคุณสมบัติก่อน ที่มีการคาดการณ์กันว่าตัวเลขผู้มีสิทธิครั้งนี้อาจจะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่กว่า 10 ล้านคนนั้นก็มีความเป็นไปได้ เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามา โดยเฉพาะเรื่องโควิด-19 ทำให้คนมีรายได้น้อยลง หรือไม่มีรายได้เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2564 มีผู้ได้รับสิทธิกว่า 10 ล้านคน ส่วนการลงทะเบียนรอบล่าสุดโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปีล่าสุด 2565 มียอดอยู่ที่ 21.45 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านคน ทั้งนี้ จะปิดลงทะเบียนวันที่ 31 ตุลาคมนี้ จากตัวเลขดังกล่าวอาจทำให้มีผู้ได้รับสิทธิเพิ่มจากปี 2564 เกือบ 10 ล้านคน
สิงห์บุรีอ่วมหนัก 6 อำเภอจมหมดแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วม เกือบ 2 หมื่นครัวเรือนเดือดร้อน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7320937
สิงห์บุรีอ่วมหนัก 6 อำเภอจมหมดแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วม เกือบ 2 หมื่นครัวเรือนเดือดร้อน ผู้ว่าฯลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม นำถุงยังชีพมอบให้แก่ผู้ประสบภัย
วันที่ 18 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายพื้นที่ในจังหวัดสิงห์บุรี หลังจากถนนคันคลอง ในพื้นที่อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ถูกน้ำกัดเซาะจนถนนถูกตัดขาด ยิ่งทำให้มวลน้ำไหลบ่าลงพื้นที่จ.สิงห์บุรี เพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ประชาชนยังได้รับผลกระทบจากแม่น้ำน้อย ที่เอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่เพิ่มขยายเป็นวงกว้าง อีกด้วย
ขณะนี้ทั้ง 6 อำเภอ เขตการปกครองของจังหวัดสิงห์บุรีได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมดแล้ว
ประชาชนจังหวัดสิงห์บุรีที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ จำนวน 6 อำเภอ 22 ตำบล 10 ชุมชน 17,825 ครัวเรือน โดยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ บางส่วนตั้งเต็นท์อาศัยอยู่ริมถนน บางส่วนอาศัยอยู่บ้านญาติที่น้ำยังไม่ท่วม บางส่วนไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางจังหวัดจัดไว้ให้ บางส่วนก็อาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน
ด้าน นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและนำถุงยังชีพมอบให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่
‘ณัฐชา’ ขออย่าหมดหวัง ‘รัฐธรรมนูญ ปชช.’ ไม่เกินเอื้อม ย้ำใกล้เลือกตั้ง ต้องรีบทำงานทางความคิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3623610
‘ณัฐชา’ ขอจงเชื่อ อย่าหมดหวัง ‘รัฐธรรมนูญ ปชช.’ ไม่เกินเอื้อม ใกล้เลือกตั้ง ต้องรีบทำงานทางความคิด
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่อาคารศิลาบาตร มหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก) เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย จัดวงเสวนา รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน “ความฝันที่ไม่ไกลเกินเอื้อม” โดยมีวิทยากรเป็นตัวแทนนักเคลื่อนไหว คนรุ่นใหม่ นักวิชาการ นักกฎหมาย ตลอดจนตัวแทนสภาผู้แทนราษฎร ร่วมให้ความเห็น
ได้แก่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน, นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw), ผศ.ดร.มูฮัมหมัดอิลยาส หญ้าปรัง อาจารย์ประจำสาขาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ (ไอติม) ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล, น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ นักกิจกรรมทางการเมือง นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินรายการโดย นายนันทพงศ์ ปานมาศ หรือกุ๊ก แกนนำเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย
นายณัฐชากล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราเห็นอะไรหลายๆ อย่าง อย่างน้อยทุกครั้งที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่ารัฐธรรมนูญที่ว่าผ่านไปแก้ได้ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เกี่ยวกับ ส.ส. เกี่ยวกับพรรคการเมือง แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ดูไกลจากพี่น้องประชาชน สิ่งที่พี่น้องประชาชนเผชิญอยู่ในทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นการกดทับในสังคม เรื่องของโครงสร้าง รัฐสวัสดิการ หรืออะไรต่างๆ ที่เผชิญปัญหาอยู่ กลับกลายเป็นว่าไกลเกินเอื้อมแบบไม่ได้เข้ามาเกี่ยวเลย อย่างกรณีล่าสุดที่มีการเรียกร้องการตัดอำนาจ ส.ว. แม้ ส.ว.หลายๆ ท่านจะออกมาบอกว่ายินดีตัดอำนาจตัวเอง แต่เมื่อถึงเวลาโหวตจริงๆ ก็มีเสียง ส.ว.ไม่ถึง 84 เสียง นี่คือปัญหาที่ทำให้เราเห็นว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญที่อยู่ในกติกานั้นช่างยากเหลือเกิน จากสถานการณ์ปัจจุบันเรียกได้ว่าไกลเกินเอื้อมมากๆ ดังนั้น ต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องไปหาฉันทามติจากพี่น้องประชาชน กลับไปฟังเสียงพี่น้องประชาชน และที่สำคัญคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้กำลังจะหมดอายุลง และจะมีการเลือกตั้งใหม่ นั่นหมายความว่าอำนาจกำลังกลับไปสู่ประชาชน สามารถเข้าคูหากากบาทเลือกในทิศทางใดก็ได้ เพราะฉะนั้น ในวันนี้เราเลิกพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญแล้ว แต่รณรงค์การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน เริ่มต้นจัดเรียงใหม่ ถือว่าออกจากจุดเริ่มต้นใกล้กับวันเลือกตั้งพอดี
“เพราะฉะนั้น ในวันนี้ คนที่มาฟัง คนที่รับชมอยู่ทางบ้าน คนที่ได้รับฟังอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงแห่งนี้ รับฟังแล้ว อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ชอบเฉยๆ ไม่ได้ รับเฉยๆ ไม่ได้ สนับสนุนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเอาไปพูดต่อ เอาไปบอกต่อ เอาไปกระจายข่าวต่อให้เร็วที่สุด เพราะวันนี้เราใกล้คูหาเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นเราต้องเริ่มทำงานทางความคิดเรื่องของการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยประชาชน อันนี้คือสิ่งที่ใกล้แค่เอื้อม” นายณัฐชากล่าว
นอกจากนี้ นายณัฐชายังกล่าวในช่วงท้ายของการเสวนาว่า เวลาเผด็จการ หรือฝ่ายอำนาจนิยมอยากได้อะไร ก็จะพยายามกระมิดกระเมี้ยน อย่างในรัฐธรรมนูญก็เขียนสิ่งที่ประชาชนต้องการไว้ในประโยคแรก แต่ใส่สิ่งที่พวกตัวเองต้องการไว้ในประโยคสุดท้าย สังคมต้องการ ส.ส.เขาก็ต้องการ ส.ว. จนคิดว่าถ้าเขาเลือกได้แบบไม่ต้องอายใครอีกต่อไป ก็คงให้มี ส.ว.อย่างเดียว แต่เมื่อทำตามสิ่งที่พวกเขาอยากได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ก็เลยเกิดกระบวนการดัดจริตขึ้น
“พยายามกระมิดกระเมี้ยนเขียนให้สวยหรู เขียนให้เหมือนว่าได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ เขียนว่าเหมือนจะแก้ได้ สุดท้ายก็แก้ไม่ได้ แต่อย่างที่ทราบกันดี ประชาธิปไตยไม่ได้มาจากการร้องขอเพียงอย่างเดียว เราต้องช่วยกันต่อสู้ แต่กระบวนการต่อสู้ของยุคสมัยนั้นต่างกัน สำคัญที่สุดคือกาลเวลาอยู่ข้างเรา สิ่งที่ทำให้เราเข้าใกล้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คือแสงสว่างที่อยู่ปลายทาง แต่การที่จะเข้าใกล้แสงสว่างนั้น เราต้องต่อสู้ ทุกๆ ครั้งที่เราก้าวเดิน ไม่ว่าจะพลาดหรือสำเร็จ เราจะเข้าใกล้เส้นชัยมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ระยะเวลานั้นผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนผ่านไป กาลเวลาที่เข้าใกล้เรามากขึ้นทุกวันจะนำพาเส้นชัยนั้นเข้าใกล้เราด้วย นี่คือสิ่งที่อยากให้เชื่อ และไม่หมดหวัง” นายณัฐชากล่าว