ลิณธิภรณ์ ทุบตู่ จัดการยาเสพติดเหลวเป๋ว ลั่นต้องเพื่อไทยเท่านั้น ถึงแก้ปัญหาได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7319879
ลิณธิภรณ์ ทุบตู่ จัดการยาเสพติดเหลวเป๋ว ลั่นต้องเพื่อไทยเท่านั้น ถึงแก้ปัญหาได้ โวขอทำสงครามกับยาเสพติด ไม่ให้ลูกหลานสูญสิ้นอนาคตไปมากกว่านี้
17 ต.ค. 2565 – น.ส.
ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคตระหนักถึงความร้ายแรงของยาเสพติดในยุคปัจจุบัน ที่นับวันจะยิ่งสร้างผลกระทบให้กับสังคมไทยรุนแรงมากขึ้น เป็นบ่อเกิดของภัยอาชญากรรมในระดับสถาบันครอบครัว ลุกลามจนกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ
ที่ผ่านมาได้พยายามสะท้อนถึงสถานการณ์การระบาดของยาเสพติด สาเหตุของปัญหายาเสพติด และหนทางในการแก้ไขมาโดยตลอด แต่รัฐบาลตอบสนองอย่างล่าช้า ไม่ทันการณ์ จนทำให้เกิดเหตุสลดในลักษณะเมายา หลอนยา พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าบุพการี ไม่เว้นแต่ละวัน จนถึงเหตุโศกนาฎกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ที่ผ่านมา
สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย แม้รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแสดงออกถึงความพยายามแก้ปัญหาจนประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่เป็นความพยายามที่ไร้ประสิทธิภาพ แก้ปัญหาไม่ตรงจุดเหมือนตาบอดคลำช้างใช่หรือไม่ พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าการแก้ปัญหายาเสพติดจะต้องทำอย่างจริงจัง ดังนี้
1 พรรคเพื่อไทย ยืนยันแนวคิดประกาศสงครามกับยาเสพติด คืนชีวิต คืนอนาคตของลูกหลาน สู่อ้อมกอดของครอบครัว
2 แนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นไปด้วยความล้มเหลว แม้มีความพยายามแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่สามารถลดจำนวนผู้ค้าและผู้เสพได้อย่างมีนัยสำคัญ ปัญหายังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งความรุนแรงในครอบครัวและในระดับสังคม
3 หลักการผู้เสพ คือผู้ป่วยยังคงเป็นหลักการสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยต้องอยู่ภายใต้การดำเนินการที่จริงจังในระดับปฏิบัติการและระดับสั่งการ
4 หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะมีการเพิ่มสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติด นำผู้เสพมาบำบัดอย่างจริงจัง สถานบำบัดจะต้องเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหามากกว่านี้ เมื่อผ่านกระบวนการบำบัดฟื้นฟูแล้ว รัฐบาลก็ควรต้องจัดหางานให้ผู้ที่ผ่านกระบวนการบำบัดด้วย
5 ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดล้มเหลว ตั้งแต่การตั้งคณะกรรมการจำนวนมากมายเกินความจำเป็น นำมาสู่การแก้ปัญหาในเชิงปฏิบัติจริง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจึงยากลำบาก เหมือนเช่นที่เคยตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แก้ปัญหาด้านค่าครองชีพและพลังงาน แต่จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีผลงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรม
“พรรคเพื่อไทย เท่านั้นที่จะแก้ปัญหายาเสพติดระบาดได้ เราจะทำสงครามกับยาเสพติด เพื่อไม่ให้ลูกหลานของเราสูญสิ้นอนาคตไปมากกว่านี้”
ชญาภา ซัด ‘ประยุทธ์’ หยุดเสาร์-อาทิตย์ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปล่อยคนแช่น้ำท่วม จี้เร่งส่งปัจจัยสี่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3622997
‘ชญาภา’ อัด ‘บิ๊กตู่’ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปล่อยชาวบ้านทนแช่น้ำท่วม จี้เร่งส่งปัจจัย 4 ช่วย ปชช. พร้อมเยียวยาหลังน้ำลด
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.
ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ เช่น จ.อุบลราชธานี บางพื้นที่ปริมาณน้ำท่วมสูงกว่า 3-6 เมตร ประชาชนต้องออกจากบ้านมาอาศัยที่ศูนย์อพยพโดยไร้การช่วยเหลือที่เพียงพอ หรือล่าสุดที่ จ.กาฬสินธุ์ พนังกั้นลำน้ำชีขาด ทำให้กระแสน้ำท่วมไหลเข้าท่วม 4 หมู่บ้านของ อ.ฆ้องชัย ต้องเร่งอพยพประชาชนออกจากหมู่บ้านอย่างเร่งด่วน ที่ จ.ร้อยเอ็ด ถูกน้ำท่วมขังแล้ว 14 อำเภอ ปริมาณน้ำในลำน้ำชี ลำน้ำมูล และลำน้ำข้างเคียง รวมถึงบางพื้นที่ถูกน้ำท่วมขังมาแล้ว 3 เดือน ขาดน้ำ อาหาร และยารักษาโรค
น.ส.
ชญาภากล่าวว่า จนถึงวันนี้ยังไม่มีการเข้าไปดูแลช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ ปัญหาเดิมในเรื่องการดูแลทุกข์ของพี่น้องประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานานนับเดือน และปัญหาใหม่ที่การบริหารจัดการน้ำในเขื่อน แม่น้ำ และน้ำทุ่งที่ไม่ได้รับการดูใจ หรือดูแลแก้ไขอย่างดีพอของรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่คาดการณ์สถานการณ์ผิดพลาด การบริหารจัดการน้ำ และการให้ความช่วยเหลือไม่เป็นที่พึ่งที่หวังให้กับพี่น้องประชาชนได้
น.ส.
ชญาภากล่าวต่อว่า พรรค พท.เห็นใจและเข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพี่น้องใน จ.อุบลราชธานีที่ถูกน้ำท่วมสูงที่สุดในรอบ 44 ปี น้ำท่วมจนมองไม่เห็นฝั่ง พื้นที่การค้าขาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นถูกปิดตาย ไม่สามารถกลับมาได้ในเร็ววัน หลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางก็ล้วนได้รับความเดือดร้อนทั่วทุกหัวระแหง แต่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำของประเทศยังเงียบหาย แม้ในวันเสาร์-อาทิตย์ยังคงเป็นวันหยุดที่นายกฯของประเทศทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำงานเหมือนคนหมดไฟ ขณะที่ประชาชนต้องทนหนาวแช่น้ำท่วมที่ไม่รู้ปลายทางว่าน้ำจะลดลงเมื่อไหร่ และวันไหนที่จะมีภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ
“พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาล 1.ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วนทันที โดยเฉพาะการช่วยเหลือเฉพาะหน้าในเรื่องปัจจัยสี่ ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ต้องนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทันที รวมทั้งขอให้เอกซเรย์พื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง โดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศหรือโดรนสำรวจ เพื่อให้การช่วยเหลือทำได้อย่างตรงจุด” น.ส.ชญาภากล่าว
น.ส.
ชญาภากล่าวอีกว่า 2.การเยียวยาพี่น้องประชาชนหลังน้ำลด ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและเพียงพอต่อผลกระทบ อย่าล่าช้าซ้ำรอยน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งพี่น้องประชาชนร้องเรียนมายังพรรค พท.ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาจนถึงปัจจุบัน 3.การใช้งบประมาณในการจัดการน้ำของรัฐบาลหลายแสนล้านบาท ต้องเป็นไปอย่างคุ้มค่าและได้ผล แต่ที่ผ่านมางบประมาณแผ่นดินถูกใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย เหมือนกับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำใช่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่เห็นผลที่เป็นรูปธรรม หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมหนักมาแล้ว 2 ครั้ง คือในปี 2562 และล่าสุดในปีนี้
น.ส.
ชญาภากล่าวว่า พรรค พท.ยังคงยืนยันว่าหากโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบมูลค่า 3.5 แสนล้านบาทได้ดำเนินการสานต่ออย่างสมบูรณ์แบบในวันนั้น น้ำคงไม่ท่วมหนักจนพี่น้องประชาชนต้องลำบากทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสในวันนี้ โครงการ 3.5 แสนล้านบาท สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะผ่านกระบวนการคิดโดยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขามาเป็นอย่างดี หากพรรค พท.ได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชนให้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง โครงการ 3.5 แสนล้านจะกลับมาอีกครั้ง และจะมาในรูปแบบที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
น้ำท่วมอุบลฯ คาดเสียหาย 1 หมื่นล้านบาท
https://www.thaipbs.or.th/news/content/320397
หอการค้า จ.อุบลราชธานี คาด น้ำท่วมปีนี้มูลค่าความเสียหายสูงถึง 10,000 ล้านบาท กระทบ 17 อำเภอ เดือดร้อนกว่า 40,000 คน
วันนี้ (12 ต.ค.2565) นาย
มงคล จุลทัศน์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า น้ำท่วมรอบนี้ได้คาดการณ์ความเสียหายไว้แล้วว่าจะสูงถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งสูงจากน้ำท่วมเมื่อปี 2562 ที่เสียหายประมาณ 5,800 ล้านบาท โดยประเมินจากการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจหลายอย่าง เช่น ห้างสรรพสินค้าถูกน้ำท่วม ธุรกิจหลายแห่งหยุดชะงักไป เพราะกระแสน้ำตัดเส้นทางขนส่ง
จ.อุบลราชธานี ประเมินผู้ที่ได้รับผลกระทบว่าจะมีประมาณ 46,000 คน รวม 17 อำเภอ โดยคาดการณ์ว่าอีก 1-2 วัน น้ำจะมีระดับเพิ่มขึ้น 3-4 เซนติเมตร ซึ่งปัจจุบันน้ำมูลสูง 11.5 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 4.5 เมตร โดยบ่ายวันนี้รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเดินทางมาติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ด้วย
ส่วนการคาดการณ์ว่า อีก 40 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ หรือราวกลางเดือน พ.ย. และต้องใช้ระยะเวลาการฟื้นฟูอีก 2 เดือนสำหรับธุรกิจในอุบลราชธานีที่จะดำเนินการได้เต็มรูปแบบ
ลูกนี้ที่ ‘ชัชชาติ’ ห่วง! เปิดเส้นทาง ‘พายุเนสาท’ จ่อพัดถล่มไทยซํ้า
"กรมอุตุนิยมวิทยา" อัพเดทเส้นทาง "พายุเนสาท" ที่จ่อเคลื่อนเข้าเวียดนาม 20-21 ต.ค.นี้ อาจส่งอิทธิพลถึงสถานการณ์ฝนในไทย ขณะที่ "ชัชชาติ" แสดงความเป็นห่วง โดยกรุงเทพมหานครได้เตรียมพร่องน้ำเพื่อรับมือไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “
กรมอุตุนิยมวิทยา” ได้อัพเดทเส้นทาง
“พายุเนสาท” (NESAT) พร้อมระบุว่า ตอนนี้เป็นพายุโซนร้อนที่ “รุนแรง” มีศูนย์กลางอยู่ทะเลจีนใต้ตอนบน ความเร็วลมสูงสุดประมาณ 100 กม./ชม. และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 20 กม./ชม. โดยพายุมีแนวโน้มจะทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นได้ในวันนี้ ซึ่งพายุจะเคลื่อนผ่านตอนใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน และจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งเวียดนามตอนบนวันที่ 20-21 ต.ค.
โดยพายุจะพัดเข้าเวียดนามในช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ “
จะทำให้พายุอ่อนกำลังลงตามลำดับอย่างรวดเร็ว” และ “
คาดว่าจะทำให้ประเทศไทยมีเมฆเพิ่มขึ้น”
สำหรับ “
พายุเนสาท” เป็นพายุลูกที่ 20 ในปีนี้ มีความหมายว่า “
การประมง” ตั้งชื่อโดยประเทศกัมพูชา
อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้แสดงความเป็นห่วงพายุฝนอีกลูกหนึ่งที่จะเข้ามาในประเทศไทย โดยกรุงเทพมหานครได้เตรียมพร่องน้ำเพื่อรับมือไว้แล้ว และจากการติดตามสถานการณ์น้ำ สิ่งที่เฝ้าระวังมากที่สุดตอนนี้คือปริมาณน้ำเหนือและฝนที่จะตกเพิ่ม โดยเฉพาะปริมาณน้ำฝน หากไม่มีเพิ่มเติมก็ไม่มีอะไรน่ากังวลมาก แต่ยังวางใจไม่ได้เพราะยังไม่ปลอดภัย 100%.
JJNY : 5in1 ทุบตู่ จัดการยาเสพติดเหลว│ซัดปล่อยคนแช่น้ำท่วม│อุบลฯคาดเสียหาย1หมื่นล.│‘ชัชชาติ’ห่วง!‘เนสาท’│เตือนอิสราเอล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7319879
ลิณธิภรณ์ ทุบตู่ จัดการยาเสพติดเหลวเป๋ว ลั่นต้องเพื่อไทยเท่านั้น ถึงแก้ปัญหาได้ โวขอทำสงครามกับยาเสพติด ไม่ให้ลูกหลานสูญสิ้นอนาคตไปมากกว่านี้
17 ต.ค. 2565 – น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคตระหนักถึงความร้ายแรงของยาเสพติดในยุคปัจจุบัน ที่นับวันจะยิ่งสร้างผลกระทบให้กับสังคมไทยรุนแรงมากขึ้น เป็นบ่อเกิดของภัยอาชญากรรมในระดับสถาบันครอบครัว ลุกลามจนกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ
ที่ผ่านมาได้พยายามสะท้อนถึงสถานการณ์การระบาดของยาเสพติด สาเหตุของปัญหายาเสพติด และหนทางในการแก้ไขมาโดยตลอด แต่รัฐบาลตอบสนองอย่างล่าช้า ไม่ทันการณ์ จนทำให้เกิดเหตุสลดในลักษณะเมายา หลอนยา พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าบุพการี ไม่เว้นแต่ละวัน จนถึงเหตุโศกนาฎกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ที่ผ่านมา
สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย แม้รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแสดงออกถึงความพยายามแก้ปัญหาจนประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่เป็นความพยายามที่ไร้ประสิทธิภาพ แก้ปัญหาไม่ตรงจุดเหมือนตาบอดคลำช้างใช่หรือไม่ พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าการแก้ปัญหายาเสพติดจะต้องทำอย่างจริงจัง ดังนี้
1 พรรคเพื่อไทย ยืนยันแนวคิดประกาศสงครามกับยาเสพติด คืนชีวิต คืนอนาคตของลูกหลาน สู่อ้อมกอดของครอบครัว
2 แนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นไปด้วยความล้มเหลว แม้มีความพยายามแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่สามารถลดจำนวนผู้ค้าและผู้เสพได้อย่างมีนัยสำคัญ ปัญหายังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งความรุนแรงในครอบครัวและในระดับสังคม
3 หลักการผู้เสพ คือผู้ป่วยยังคงเป็นหลักการสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยต้องอยู่ภายใต้การดำเนินการที่จริงจังในระดับปฏิบัติการและระดับสั่งการ
4 หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะมีการเพิ่มสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติด นำผู้เสพมาบำบัดอย่างจริงจัง สถานบำบัดจะต้องเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหามากกว่านี้ เมื่อผ่านกระบวนการบำบัดฟื้นฟูแล้ว รัฐบาลก็ควรต้องจัดหางานให้ผู้ที่ผ่านกระบวนการบำบัดด้วย
5 ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดล้มเหลว ตั้งแต่การตั้งคณะกรรมการจำนวนมากมายเกินความจำเป็น นำมาสู่การแก้ปัญหาในเชิงปฏิบัติจริง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจึงยากลำบาก เหมือนเช่นที่เคยตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แก้ปัญหาด้านค่าครองชีพและพลังงาน แต่จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีผลงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรม
“พรรคเพื่อไทย เท่านั้นที่จะแก้ปัญหายาเสพติดระบาดได้ เราจะทำสงครามกับยาเสพติด เพื่อไม่ให้ลูกหลานของเราสูญสิ้นอนาคตไปมากกว่านี้”
ชญาภา ซัด ‘ประยุทธ์’ หยุดเสาร์-อาทิตย์ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปล่อยคนแช่น้ำท่วม จี้เร่งส่งปัจจัยสี่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3622997
‘ชญาภา’ อัด ‘บิ๊กตู่’ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปล่อยชาวบ้านทนแช่น้ำท่วม จี้เร่งส่งปัจจัย 4 ช่วย ปชช. พร้อมเยียวยาหลังน้ำลด
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ เช่น จ.อุบลราชธานี บางพื้นที่ปริมาณน้ำท่วมสูงกว่า 3-6 เมตร ประชาชนต้องออกจากบ้านมาอาศัยที่ศูนย์อพยพโดยไร้การช่วยเหลือที่เพียงพอ หรือล่าสุดที่ จ.กาฬสินธุ์ พนังกั้นลำน้ำชีขาด ทำให้กระแสน้ำท่วมไหลเข้าท่วม 4 หมู่บ้านของ อ.ฆ้องชัย ต้องเร่งอพยพประชาชนออกจากหมู่บ้านอย่างเร่งด่วน ที่ จ.ร้อยเอ็ด ถูกน้ำท่วมขังแล้ว 14 อำเภอ ปริมาณน้ำในลำน้ำชี ลำน้ำมูล และลำน้ำข้างเคียง รวมถึงบางพื้นที่ถูกน้ำท่วมขังมาแล้ว 3 เดือน ขาดน้ำ อาหาร และยารักษาโรค
น.ส.ชญาภากล่าวว่า จนถึงวันนี้ยังไม่มีการเข้าไปดูแลช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ ปัญหาเดิมในเรื่องการดูแลทุกข์ของพี่น้องประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานานนับเดือน และปัญหาใหม่ที่การบริหารจัดการน้ำในเขื่อน แม่น้ำ และน้ำทุ่งที่ไม่ได้รับการดูใจ หรือดูแลแก้ไขอย่างดีพอของรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่คาดการณ์สถานการณ์ผิดพลาด การบริหารจัดการน้ำ และการให้ความช่วยเหลือไม่เป็นที่พึ่งที่หวังให้กับพี่น้องประชาชนได้
น.ส.ชญาภากล่าวต่อว่า พรรค พท.เห็นใจและเข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพี่น้องใน จ.อุบลราชธานีที่ถูกน้ำท่วมสูงที่สุดในรอบ 44 ปี น้ำท่วมจนมองไม่เห็นฝั่ง พื้นที่การค้าขาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นถูกปิดตาย ไม่สามารถกลับมาได้ในเร็ววัน หลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางก็ล้วนได้รับความเดือดร้อนทั่วทุกหัวระแหง แต่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำของประเทศยังเงียบหาย แม้ในวันเสาร์-อาทิตย์ยังคงเป็นวันหยุดที่นายกฯของประเทศทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำงานเหมือนคนหมดไฟ ขณะที่ประชาชนต้องทนหนาวแช่น้ำท่วมที่ไม่รู้ปลายทางว่าน้ำจะลดลงเมื่อไหร่ และวันไหนที่จะมีภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ
“พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาล 1.ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วนทันที โดยเฉพาะการช่วยเหลือเฉพาะหน้าในเรื่องปัจจัยสี่ ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ต้องนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทันที รวมทั้งขอให้เอกซเรย์พื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง โดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศหรือโดรนสำรวจ เพื่อให้การช่วยเหลือทำได้อย่างตรงจุด” น.ส.ชญาภากล่าว
น.ส.ชญาภากล่าวอีกว่า 2.การเยียวยาพี่น้องประชาชนหลังน้ำลด ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและเพียงพอต่อผลกระทบ อย่าล่าช้าซ้ำรอยน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งพี่น้องประชาชนร้องเรียนมายังพรรค พท.ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาจนถึงปัจจุบัน 3.การใช้งบประมาณในการจัดการน้ำของรัฐบาลหลายแสนล้านบาท ต้องเป็นไปอย่างคุ้มค่าและได้ผล แต่ที่ผ่านมางบประมาณแผ่นดินถูกใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย เหมือนกับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำใช่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่เห็นผลที่เป็นรูปธรรม หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมหนักมาแล้ว 2 ครั้ง คือในปี 2562 และล่าสุดในปีนี้
น.ส.ชญาภากล่าวว่า พรรค พท.ยังคงยืนยันว่าหากโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบมูลค่า 3.5 แสนล้านบาทได้ดำเนินการสานต่ออย่างสมบูรณ์แบบในวันนั้น น้ำคงไม่ท่วมหนักจนพี่น้องประชาชนต้องลำบากทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสในวันนี้ โครงการ 3.5 แสนล้านบาท สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะผ่านกระบวนการคิดโดยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขามาเป็นอย่างดี หากพรรค พท.ได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชนให้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง โครงการ 3.5 แสนล้านจะกลับมาอีกครั้ง และจะมาในรูปแบบที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
น้ำท่วมอุบลฯ คาดเสียหาย 1 หมื่นล้านบาท
https://www.thaipbs.or.th/news/content/320397
หอการค้า จ.อุบลราชธานี คาด น้ำท่วมปีนี้มูลค่าความเสียหายสูงถึง 10,000 ล้านบาท กระทบ 17 อำเภอ เดือดร้อนกว่า 40,000 คน
วันนี้ (12 ต.ค.2565) นายมงคล จุลทัศน์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า น้ำท่วมรอบนี้ได้คาดการณ์ความเสียหายไว้แล้วว่าจะสูงถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งสูงจากน้ำท่วมเมื่อปี 2562 ที่เสียหายประมาณ 5,800 ล้านบาท โดยประเมินจากการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจหลายอย่าง เช่น ห้างสรรพสินค้าถูกน้ำท่วม ธุรกิจหลายแห่งหยุดชะงักไป เพราะกระแสน้ำตัดเส้นทางขนส่ง
จ.อุบลราชธานี ประเมินผู้ที่ได้รับผลกระทบว่าจะมีประมาณ 46,000 คน รวม 17 อำเภอ โดยคาดการณ์ว่าอีก 1-2 วัน น้ำจะมีระดับเพิ่มขึ้น 3-4 เซนติเมตร ซึ่งปัจจุบันน้ำมูลสูง 11.5 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 4.5 เมตร โดยบ่ายวันนี้รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเดินทางมาติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ด้วย
ส่วนการคาดการณ์ว่า อีก 40 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ หรือราวกลางเดือน พ.ย. และต้องใช้ระยะเวลาการฟื้นฟูอีก 2 เดือนสำหรับธุรกิจในอุบลราชธานีที่จะดำเนินการได้เต็มรูปแบบ
"กรมอุตุนิยมวิทยา" อัพเดทเส้นทาง "พายุเนสาท" ที่จ่อเคลื่อนเข้าเวียดนาม 20-21 ต.ค.นี้ อาจส่งอิทธิพลถึงสถานการณ์ฝนในไทย ขณะที่ "ชัชชาติ" แสดงความเป็นห่วง โดยกรุงเทพมหานครได้เตรียมพร่องน้ำเพื่อรับมือไว้แล้ว
โดยพายุจะพัดเข้าเวียดนามในช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ “จะทำให้พายุอ่อนกำลังลงตามลำดับอย่างรวดเร็ว” และ “คาดว่าจะทำให้ประเทศไทยมีเมฆเพิ่มขึ้น”
สำหรับ “พายุเนสาท” เป็นพายุลูกที่ 20 ในปีนี้ มีความหมายว่า “การประมง” ตั้งชื่อโดยประเทศกัมพูชา
อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้แสดงความเป็นห่วงพายุฝนอีกลูกหนึ่งที่จะเข้ามาในประเทศไทย โดยกรุงเทพมหานครได้เตรียมพร่องน้ำเพื่อรับมือไว้แล้ว และจากการติดตามสถานการณ์น้ำ สิ่งที่เฝ้าระวังมากที่สุดตอนนี้คือปริมาณน้ำเหนือและฝนที่จะตกเพิ่ม โดยเฉพาะปริมาณน้ำฝน หากไม่มีเพิ่มเติมก็ไม่มีอะไรน่ากังวลมาก แต่ยังวางใจไม่ได้เพราะยังไม่ปลอดภัย 100%.