[CR] Cafelat Robot Review - รีวิวน้องหุ่นสกัดกาแฟ

ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่กูรูเรื่องกาแฟอะไรมากมาย เป็นแค่คนชอบดื่มกาแฟ ดื่มทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 2 แก้ว และจากการแวะคาเฟ่นั้นลองคาเฟ่นี้มาหลายปี จนพอจะเข้าใจตัวเองระดับหนึ่งว่าชอบรสชาติแบบไหน ประกอบกับญาติให้ยืม Staresso SP300 เครื่องสกัดกาแฟแมนนวลระดับเริ่มต้นมาให้ทดลองใช้ ก็เลยพยายามทำกาแฟให้ได้รสชาติในแบบที่ชอบดู ลองผิดลองถูกสักพักจนคิดว่าเจอรสชาติที่ใช่ ก็ปรากฏว่าได้เวลาต้องคืนเจ้า SP300 ให้เขาซะแล้ว

เอาไงดีล่ะ ถลำตัวมาขนาดนี้ จะให้กลับไปดื่มกาแฟสำเร็จรูป หรือกาแฟแคปซูล มันก็ไม่แล้วใจ

ก็เลยเริ่มมองหาเครื่องสกัดกาแฟแบบแมนนวลตัวอื่นมาทดแทน

SP300 ราคาย่อมเยาดี แต่จากที่เคยใช้ก็พบว่าค่อนข้างมีข้อจำกัดหลายอย่าง และถ้าจะให้ควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้ดี ก็ต้องซื้อของมาโมอีกเยอะเลย

ก็เลยนั่งดูข้อมูล ROK กับ Flair วนๆ ไป

ROK ขั้นตอนการใช้งาน ความต่อเนื่องในการสกัด และการทำความสะอาดดูง่ายดี แต่หลายคนบอกว่าแม้โครงสร้างหลักๆ จะทนทาน แต่มีอะไหล่บางชิ้นที่ต้องคอยเปลี่ยนบ่อยอยู่เหมือนกัน

Flair ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าสกัดกาแฟได้ดีกว่า ROK แต่การใช้งานและการทำความสะอาดมีความยุ่งยากกว่า เพราะมีชิ้นส่วนที่ต้องนำมาประกอบในการสกัดแต่ละครั้งค่อนข้างเยอะ

(Note: เป็นข้อมูลที่ได้จากการอ่านความเห็นในอินเตอร์เน็ต ไม่ยืนยันว่าเป็นจริงตามนั้นหรือไม่)

ระหว่างหาข้อมูลไป ก็มักเห็นคนมาแนะนำเครื่องสกัดกาแฟแมนนวลอีกตัวหนึ่ง ที่ว่ากันว่าใช้งานและทำความสะอาดง่าย ความต่อเนื่องในการสกัดก็ดี แข็งแรงทนทานชั่วลูกชั่วหลานเพราะไม่มีส่วนประกอบที่เป็นพลาสติกเลย แถมยังคุยว่าไม่ต้องพรีฮีท (วอร์มให้ร้อนก่อนทำการสกัด) อีกต่างหาก

ก็เลยจัดมาหนึ่งตัวกับเจ้า “Cafelat Robot” น้องหุ่นสกัดกาแฟ ที่แม้ชื่อจะเป็นหุ่นยนต์ แต่สกัดด้วยแรงคนล้วนๆ

หลังจากอยู่กับน้องมาประมาณ 1 เดือน จนเริ่มรู้ใจกันนิดๆ ก็เลยอยากมารีวิวน้องสักหน่อย

หลักการสกัดจะคล้ายกันกับ ROK คือใช้สองมือจับแขนทั้งสองข้างของน้องแล้วกดลงให้เกิดแรงดัน แต่เนื่องจากถูกออกแบบให้เป็นแขนหุ่นยนต์ ซึ่งน่าจะคำนึงถึงเรื่องหน้าตามากกว่าหลักสรีรศาสตร์ ทำให้เวลากดจะแอบเจ็บมืออยู่เหมือนกัน ตรงนี้มีคนทำอุปกรณ์เสริมสำหรับใส่ที่มือของน้องให้กลายเป็นมือกลมๆ คล้ายโดราเอมอน ก็จะทำให้จับถนัดขึ้น
ตัวนี้เป็นเวอร์ชั่นบาริสต้า ก็จะมีเกจแรงดันมาให้ด้วย ในการสกัดเราจะหันหน้าน้องออกจากตัวเรา แล้วโถมตัวกดพร้อมก้มหน้าดูเกจแรงดัน วิธีนี้จะเป็นการใช้น้ำหนักตัวช่วยในการกด เพราะถ้าหันหน้าน้องเข้าหาตัวเรา จะกลายเป็นกดด้วยแรงแขนล้วนๆ

เกจแรงดันค่อนข้างเล็ก เวลากดแทบมองไม่เห็นว่าเข็มชี้ที่กี่บาร์ ก็ต้องจำๆ เอาว่าให้เข็มอยู่ประมาณตรงไหนถึงตรงไหน
ก้านชงและบาสเก็ต ขนาด 58 มิลลิเมตร ออกแบบมาให้ใส่ทั้งผงกาแฟและน้ำร้อน เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จะแตกต่างจากของ ROK และ Flair ที่มีความใกล้เคียงกับ Espresso Machine มากกว่า
คู่มือบอกว่าใส่ผงกาแฟได้ 12-20 กรัม แต่ปกติเราจะใช้ที่ 18 กรัม
บาสเก็ตใหญ่และลึก ทำให้ใส่ผงกาแฟง่ายมากๆ ไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะเลย
มีแทมเป้อแถมมาให้ด้วย
แทมเป้อที่แถมมา เห็นคนบ่นกันว่าแทมให้ผงกาแฟเรียบเสมอกันยาก เลยมีคนทำหัวจับที่ฟิตพอดีกับปากบาสเก็ตมาขายเป็นอุปกรณ์เสริม แต่จากที่ลองใช้มา ถ้าพยายามแทมโดยคอยดูให้วงกลมของส่วนด้ามจับอยู่ตรงกลางของปากบาสเก็ต มันก็ออกมาเรียบใช้ได้อยู่นะ
แบบนี้
ใส่แผ่นกรอง Filter Screen ลงไป กดเบาๆ ให้แนบกับผงกาแฟ

กรณีที่ใช้ผงกาแฟน้อย เช่น 12 กรัม คู่มือแนะนำให้ใส่กระดาษกรองไปอีกชั้นก่อนปิดด้วยแผ่น Filter Screen (มีกระดาษกรองมาให้ในแพคเกจ) หรือบางคนก็แนะนำให้ใส่กระดาษกรองทุกครั้งไปเลย
นำบาสเก็ตไปใส่ในก้านชง
เติมน้ำร้อนลงไปให้ระดับน้ำต่ำกว่าปากบาสเก็ตประมาณ 1 เซนติเมตร
ที่เขาอ้างว่าไม่ต้องพรีฮีท เพราะเขาออกแบบให้ผนังบาสเก็ตไม่สัมผัสกับผนังของก้านชง ความร้อนจึงไม่ถูกถ่ายเทออกไปมากนัก เมื่อใช้น้ำเดือด 100 องศา เทไปในบาสเก็ต อุณหภูมิจะเหลือประมาณ 93-95 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมในการสกัดกาแฟพอดี

ปล.แต่คนที่ซีเรียสกับ Perfect Shot เขาก็ยังแนะนำให้พรีฮีทอยู่ดีนะ
ยกแขนน้องขึ้นให้สุดแล้วหมุนล็อคก้านชงเข้าที่หว่างขาน้องได้เลย

ตอนแรกไม่ค่อยชิน ยึกๆ ยักๆ อยู่นานกว่าจะเข้า แต่พอหลายๆ ครั้งก็เริ่มคล่องขึ้น

เอิ่ม…อันนี้เรื่องสกัดกาแฟนะ อย่าคิดเป็นอย่างอื่น
ข้อเสียอีกอย่างคือน้องยืนหนีบขาไปหน่อย เลยไม่ค่อยมีพื้นที่ให้วางตาชั่ง ถ้ามีตาชั่งใหญ่ก็ต้องหาวิธีวางแบบในภาพ หรือไม่ก็เปลี่ยนไปใช้ตาชั่งเล็กซะ
การกดจะเริ่มที่ 1-2 บาร์ เป็นการ Pre-infusion ประมาณ 10 วินาที หลังจากนั้นให้กดไปที่ 6-8 บาร์ จนได้ปริมาณน้ำกาแฟที่ต้องการ

ถ้ากดจนสุดจะได้น้ำกาแฟประมาณ 60 มิลลิลิตร ก็จะเป็นเอสเพรสโซ่แบบดับเบิ้ลช็อตพอดี

ระยะเวลาในการสกัด คู่มือแนะนำให้อยู่ประมาณ 35 วินาที ถ้าช้ากว่านั้นแสดงว่าไม่แทมแน่นไปก็บดกาแฟละเอียดไป ถ้าเร็วกว่านั้นก็ต้องปรับเบอร์บดให้ละเอียดขึ้นหรือแทมให้แน่นกว่าเดิม
อ้อ ลืมบอกไปว่าเขามีหัวน้ำไหลสองทางมาให้ด้วยสำหรับแยกช็อตกาแฟ แต่เราไม่ค่อยใช้เท่าไหร่
ปกติจะกดน้ำกาแฟออกมา 30 มิลลิลิตร เพราะไม่ค่อยชอบน้ำท้ายๆ ของเอสเพรสโซ่เท่าไหร่

วิธีหยุดสกัดเมื่อได้ปริมาณน้ำกาแฟที่ต้องการแล้ว ให้ยกแขนน้องขึ้นเล็กน้อย น้ำจะหยุดไหล จากนั้นให้นำภาชนะอีกใบมารองแทน แล้วกดน้ำต่อเบาๆ จนเริ่มได้ยินเสียงลม แสดงว่าน้ำหมดแล้ว ให้ยกแขนน้องขึ้นให้สุดแล้วปลดล็อคก้านชงออก ใช้ผ้าสะอาดเช็ดหว่างขาน้อง นำบาสเก็ตไปเคาะกากกาแฟทิ้ง เป็นอันเสร็จพิธี

สิ่งที่ต้องล้าง มีแค่บาสเก็ตกับแผ่น Filter Screen เท่านั้น ส่วนก้านชงถ้าไม่ได้ทำอะไรหกใส่ก็ไม่จำเป็นต้องล้างเลย

หากจะสกัดกาแฟต่อก็แค่เอาบาสเก็ตกับแผ่น Filter Screen มาเช็ดให้แห้งแล้วเริ่มลงมือได้เลย

ช็อตเอสเพรสโซ่ที่ได้ จะเอาไปทำเป็นเมนูอะไรก็ตามสะดวก
ลาเต้ร้อน

อันนี้ต้องสตีมนมมาเทลายลาเต้อาร์ทด้วย

รอบหน้าจะมารีวิวหม้อสตีมนม Bellman ที่เราใช้นะ
ลาเต้เย็น

ถึงจะมีข้อเสียอยู่บ้างตามที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่โดยรวมถือว่าแฮปปี้กับน้องหุ่นเป็นอย่างมาก คุณภาพกาแฟที่สกัดได้ถือว่าน่าพอใจสุดๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟและเครื่องบดเมล็ดกาแฟด้วยนะ


ตอนนี้มีเปิดสโลว์บาร์ไว้แชร์รสชาติกาแฟที่เราชื่นชอบให้คนอื่นๆ ได้ลองชิมดูบ้าง จะได้รู้ว่ารสชาตินี้มีเราอร่อยอยู่คนเดียวรึเปล่า 55+

ใครอยู่ย่านมีนบุรีหรือผ่านมาแถวนี้ก็แวะมาชิมกาแฟจากน้องโรบอตและแนะนำติชมกันได้นะ

Just Wanna Brew Slowbar & Home Cafe 

ซอยรามคำแหง 166 แยก 6 มีนบุรี กทม.   

เปิดทุกวันเสาร์ เวลา 8am-3pm

หรือสั่งผ่าน Grab Lineman Shopeefood  

Page ร้าน https://www.facebook.com/justwannabrew/
ชื่อสินค้า:   Cafelat Robot
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่