ผมขอเล่ารายละเอียดยาวหน่อยนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ผมทำงานเป็นงานเดลิเวอรี่ หรือที่เรียกกันว่าไรเดอร์แหละครับ ได้โดนรถตัดหน้ารถพังยับแต่คนไม่เป็นอะไรมากครับ ไม่มีหัก มีแผลถลอกนิดหน่อยแบบนิดหน่อยจริงๆครับเหมือนแค่ขาไปโดนขอบโต๊ะแล้วถลอก แต่ผมเดินไม่ค่อยได้ทั้งเดือนเหมือนคนเส้นยึดครับ เส้นมันจะตึง ตอนนี้ก็พอเดินได้แต่วิ่งกับนั่งยองไม่ได้นะครับ ทีนี้ผมจะมาต่อเรื่องประกันนะครับ คือรถผมชนวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ช่วงเวลาเกือบๆตี 1 ทางคู่กรณีเรียกประกันชั้นหนึ่งมาครับ ตกลงคุยไกล่เกลี่ยนัดวันไปคัยกันต่อที่โรงพัก ตัวผมก็ไปที่โรงบาลซึ่งคู่กรณีก็ตามมาดูอาการพร้อมจ่ายค่ารักษาให้ที่โรงบาล ทางผมกับคู่กรณีคุยกันดีครับ ต่างคนต่างห่วงกัน คุยกันเสร็จสับนัดไปเจอที่โรงพักวันที่ 8 สิงหาคม
วันที่ 8 สิงหาคม ไปที่โรงพักทางประกันก็มาช้ามากครับ แต่ก็โชคดีหน่อยที่ประกันมาทันคิวเข้าไปคุยเจรจา ตอนที่คุยทางคู่กรณียอมรับผิดทั้งหมด แล้วให้ประกันเป็นคนเคลียร์เรื่องรถของผม ทางผมก็เรียกร้องขอนำรถเข้าที่ศูนย์จำหน่ายศูนย์ซ่อมของยี่ห้อรถ ใจจริงอยากได้อะไหล่แท้ทั้งคัน แต่ทางประกันจะเอาเข้าอู่แล้วยืนยันให้ด้วยว่าอู่เป็นอู่ของทางประกันเอง ( ข้อนี้สำคัญมากครับ ) ซึ่งคุยไกล่เกลี่ยกันมาหลาย ชม. เพราะทางประกันบอกว่าถ้าผมเอาเข้าศูนย์ในส่วนต่างที่ประกันเสนอมาผมต้องจ่ายเองทั้งหมด เถียงกันนาน จนทางตำรวจก็พูดว่าต้องให้ผมเอาเข้าอู่อย่างเดียว จนผมรู้สึกเสียเวลามากเลยเสนอว่าให้เป็นอะไหล่แท้ทั้งหมดก็คือจบ แล้วก็มาคุยกันต่อเรื่องค่าขาดประโยชน์ ทางประกันพูดห้วนๆครับว่าเรื่องค่าขาดประโยชน์ รถมอเตอร์ไซค์จะได้แค่วันละ 120 ผมก็บอกว่าไม่ได้ วันนึงผมหาได้วันละพัน เถียงกันต่อจนฝั่งประกันโทรไปคุยกับบริษัทประกันแล้วเสนอว่าวันละ 300 ผมเห็นว่าเถียงกันนานมากก็เลยเอาครับ เพราะทางประกันก็พูดมาว่าถ้ารถผมซ่อมนานก็นับวันต่อวันเลยว่ากี่วันได้เท่าไหร่ พอตกกันเสร็จทางประกันเรียกอู่มายกรถ ช่างเจ้าของอู่เคยเป็นช่างศูนย์ใหญ่ยี่ห้อรถผมของจังหวัดเพราะผมเคยเห็นหน้าแล้วก็ได้คุยกันนิดตอนพาเพื่อนเอารถไปเช็คระยะก่อนที่ศูนย์ใหญ่นี้จะปิด ช่างคุยดีครับ วันนั้นยกรถเซ็นต์เอกสารใบเคลมจบก็แยกย้าย ทางผมกับอู่ก็ติดต่อกันเป็นประจำ อู่จะแจ้งทุกการดำเนินการ
พอผ่านมาเดือนกว่า ทางอู่ก็ยื่นเอกสารไปให้ทางประกัน ซึ่งไม่มั่นใจว่าอู่ยื่นช้าหรือประกันอนุมัติช้า ผมเลยไปหารือกับ คปภ ในวันที่ 13 กันยายน ว่าทำไมมันช้าจัง เดือนกว่าแล้ว แค่อยากคุยละอยากถามเฉยๆครับว่าการดำเนินการของประกันเป็นยังไง ผมควรทำยังไงบ้าง ซึ่งทาง คปภ แนะนำดีมากครับ แต่ผมขอแค่สอบถามหารือ ไม่ขอร้องเรียน ทาง คปภ ก็โทรติดต่อสาขาที่จังหวัดที่ผมอยู่ ทางประกันก็ให้คำตอบว่าทางประกันไม่ได้เอกสาร ผมก็เถียงไปว่าอู่ยื่นเอกสารไปแล้วเพราะผมไปคุยกับอู่มาแล้ว ทางประกันก็เลยเช็คในระบบให้ก็ได้คำตอบมาเพิ่มว่าอู่ยื่นไปที่ศูนย์ใหญ่ไม่ได้ยื่นที่สาขา แต่ทางประกันพูดชัดเจนว่าจะให้ผมเอาเอกสารที่อู่ยื่น ใบเคลม เอาไปให้ที่บริษัทประกันด้วยตัวผมเอง จะได้ดำเนินการณ์ ไวขึ้น ซึ่งผมมองว่ามันไม่เกี่ยวกับผม มันคือการดำเนินการณ์ของบริษัทประกันทำไมผมต้องไปทำให้ ผมก็ไม่ได้สนใจตรงนี้ พร้อมขอบคุณคำแนะนำของ คปภ ครับ
พอผ่านไปไม่กี่วัน ในวันที่ 19 กันยายน ทางประกันรีบติดต่อไปทางพ่อผมเพราะพ่อผมเคยติดต่อไปกับทางกับประกันในเรื่องเคสของผม ทางประกันแจ้งว่าอนุมัติแล้วพร้อมให้ผมไปถามรายละเอียดการซ่อมกับอู่ว่าเบิกอะไหล่กี่วันแล้วประกอบพร้อมทดสอบกี่วัน แล้วให้ผมทำเอกสารขอค่าขาดประโยชน์ไปยื่นที่บริษัทประกันสาขาจังหวัดที่ผมอยู่ แต่ที่ได้เถียงกันนานเพราะทางสาขาแจ้งว่าอู่ไม่ใช่ของประกันโดยตรงแต่เป็นอู่นอกที่ประกันไปคุยเรื่องซ่อม ( ตรงนี้มีหลักฐานคลิปเสียง ) พร้อมให้ผมเอาเอกสารหน้าบุ๊คแบงค์ไปยื่นด้วย เพราะจะได้ให้ผมเอาเงินค่าซ่อมให้กับช่างพร้อมจ่ายค่าขาดประโยชน์ โดยจะโอนเข้าที่ บช. ผม
วันที่ 20 กันยายน ผมเอาเอกสารไปยื่นกับบริษัทประกัน เสนอไป 78 วันเพราะทางอู่ยืนยันว่า เบิกอะไหล่ใช้เวลา 14-20 วัน ใช้เวลาประกอบพร้อมทดสอบที่ 7 วัน เป็นเงิน 23,400 บาท ทางบริษัทประกันรับเอกสารพร้อมแจ้งเหตุผลต่างๆในการโอนเงินเข้าบัญชีของผมและแจ้งอีกว่าค่าซ่อมรถอยู่ที่ 5 หมื่นบาทซึ่งทางประกันได้คุยตกลงกับอู่เรียบร้อยและให้ผมแจ้งพร้อมนำเอกสารยืนยันค่าซ่อมจากทางประกันยื่นให้อู่ เพื่อที่อู่จะได้เริ่มเบิกอะไหล่ ซึ่งทางประกันแจ้งว่าส่งเอกสารยืนยันค่าซ่อมให้ถึงที่บ้านผมแล้ว แต่ทางบ้านผมยังไม่ได้รับเอกสารตัวนี้ จึงปริ้นท์เอกสารมาให้อีกรอบให้ผมไปยื่นกับอู่ ทางประกันจะติดต่อมาอีกทีเรื่องค่าขาดประโยชน์ แต่ก่อนผมกลับก็ได้คุยเพิ่มเติมเรื่องค่าขาดประโยชน์ ทางประกันแจ้งว่าไม่แน่ใจว่าจะได้เท่าไหร่ เพราะเอกสารอนุมัติค่าซ่อมใช้เวลาแค่ 3 วันเอง ขอเวลาไม่เกิน 15 วันจะติดต่อกลับมาอีกที
วันที่ 23 กันยายน รอบนี้ทางประกันติดต่อมาทางผม แล้วก็แจ้งว่าทาง บริษัทใหญ่ อนุมัติให้แค่ 25 วัน เป็นเงิน 7500 บาท ซึ่งผมไม่ยอม รถผมจะสองเดือนแล้วยังไม่เริ่มซ่อมเลย ทางประกันเลยขอคุยกับทางบริษัทใหญ่ใหม่เรื่องเงินค่าขาดประโยชน์
วันที่ 26 กันยายน ผมติดต่อกลับไปทางบริษัทประกัน ได้คำตอบมาว่าอนุมัติให้ยอดเท่าเดิมที่ 25 วัน รวมเป็นเงิน 7500 บาท ไม่มีขยับให้เลย และทางบริษัทประกันแจ้งเพิ่มเติมให้ผมไปร้องเรียนกับ คปภ เพราะพนักงานที่คุยด้วยก็ไม่มีหน้าที่ตัดสินใจในตรงส่วนนี้ ( ซึ่งในตรงนี้ผมก็เข้าใจครับ ) แล้วก็แจ้งกับผมอีกว่าให้รอเอกสารจากทางประกันแล้วให้ผมไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับทาง คปภ ในเรื่องค่าขาดประโยชน์
วันที่ 30 กันยายน เอกสารมาถึงช่วง 4 โมงเย็น เป็นวันศุกร์ ผมไปยื่นเอกสารกับ คปภ ไม่ทัน เลยจะรอวันจันทร์
วันที่ 10 ตุลาคม ผมได้ไปยื่นเอกสารร้องเรียนกับ คปภ ที่ช้าเพราะช่วงพายุเข้าน้ำท่วมหนักทำให้ผมไม่สามารถเดินทางไปไหนได้เลย ทาง คปภ แจ้งว่าวันที่ 17 จะได้เรียกคุยไกล่เกลี่ยระหว่างผมกับทางบริษัทประกัน หรืออาจจะไม่ได้คุยถ้าทางบริษัทประกันยืนยันค่าขาดประโยชน์ให้ครบตามที่เสนอหรือตกลงกันลงตัวก่อน แต่ถ้ายังไงจะติดต่อมาไม่เกินวันที่ 17 จะได้ไมีเสียเวลาเสียค่าน้ำมันเดินทางมา
วันที่ 11 ตุลาคม 13:00 มีข้อความจากทางบริษัทประกันส่งเข้ามาแจ้งว่าจะติดต่อกลับมาภายใน 5 วัน ตอนนี้ผมก็ได้แค่รอ เพราะยังไม่ติดต่อมาเลยครับ
จากทั้งหมดที่ผมเล่ามาผมมีข้อสงสัยมากเลยครับว่า ในเรื่องที่ตอนแรกประกันบอกว่าอู่เป็นของทางประกัน แต่มาคุยอีกรอบบอกไม่ใช่ของประกัน มีทางกฏหมายที่ช่วยผมในตรงนี้ได้บ้างมั้ยครับ เพราะผมอาจจะเอาไปใช้คุยประกอบเผื่อเวลาเรื่องได้ขึ้นศาลจะได้ฟ้องกันทีเดียว
ส่วนในเรื่องของค่าขาดประโยชน์ผมเข้าใจครับว่ามีการต่อรองราคากันแน่นอนแต่ผมไม่ยอมในยอดแรก เพราะมันน้อยเกินไปครับ เพราะเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าแต่ละคนมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันมากน้อยอยู่ที่แต่ละคน ผมก็มีของผมเหมือนกัน ฉนั้น 2 เดือนแล้วรถยังซ่อมไม่เสร็จ สำหรับผมยอดที่เสนอมามันน้อยไปครับ
ประกันนี้เป็นประกันชั้น 1 ของคู่กรณีครับ ( เผื่อใครสงสัย )
เกิดอุบัติเหตุรถตัดหน้า รถเข้าอู่มา 2 เดือนแล้ว แต่ประกันของคู่กรณีจะจ่ายค่าขาดประโยชน์แค่ 25 วัน
เรื่องมีอยู่ว่า ผมทำงานเป็นงานเดลิเวอรี่ หรือที่เรียกกันว่าไรเดอร์แหละครับ ได้โดนรถตัดหน้ารถพังยับแต่คนไม่เป็นอะไรมากครับ ไม่มีหัก มีแผลถลอกนิดหน่อยแบบนิดหน่อยจริงๆครับเหมือนแค่ขาไปโดนขอบโต๊ะแล้วถลอก แต่ผมเดินไม่ค่อยได้ทั้งเดือนเหมือนคนเส้นยึดครับ เส้นมันจะตึง ตอนนี้ก็พอเดินได้แต่วิ่งกับนั่งยองไม่ได้นะครับ ทีนี้ผมจะมาต่อเรื่องประกันนะครับ คือรถผมชนวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ช่วงเวลาเกือบๆตี 1 ทางคู่กรณีเรียกประกันชั้นหนึ่งมาครับ ตกลงคุยไกล่เกลี่ยนัดวันไปคัยกันต่อที่โรงพัก ตัวผมก็ไปที่โรงบาลซึ่งคู่กรณีก็ตามมาดูอาการพร้อมจ่ายค่ารักษาให้ที่โรงบาล ทางผมกับคู่กรณีคุยกันดีครับ ต่างคนต่างห่วงกัน คุยกันเสร็จสับนัดไปเจอที่โรงพักวันที่ 8 สิงหาคม
วันที่ 8 สิงหาคม ไปที่โรงพักทางประกันก็มาช้ามากครับ แต่ก็โชคดีหน่อยที่ประกันมาทันคิวเข้าไปคุยเจรจา ตอนที่คุยทางคู่กรณียอมรับผิดทั้งหมด แล้วให้ประกันเป็นคนเคลียร์เรื่องรถของผม ทางผมก็เรียกร้องขอนำรถเข้าที่ศูนย์จำหน่ายศูนย์ซ่อมของยี่ห้อรถ ใจจริงอยากได้อะไหล่แท้ทั้งคัน แต่ทางประกันจะเอาเข้าอู่แล้วยืนยันให้ด้วยว่าอู่เป็นอู่ของทางประกันเอง ( ข้อนี้สำคัญมากครับ ) ซึ่งคุยไกล่เกลี่ยกันมาหลาย ชม. เพราะทางประกันบอกว่าถ้าผมเอาเข้าศูนย์ในส่วนต่างที่ประกันเสนอมาผมต้องจ่ายเองทั้งหมด เถียงกันนาน จนทางตำรวจก็พูดว่าต้องให้ผมเอาเข้าอู่อย่างเดียว จนผมรู้สึกเสียเวลามากเลยเสนอว่าให้เป็นอะไหล่แท้ทั้งหมดก็คือจบ แล้วก็มาคุยกันต่อเรื่องค่าขาดประโยชน์ ทางประกันพูดห้วนๆครับว่าเรื่องค่าขาดประโยชน์ รถมอเตอร์ไซค์จะได้แค่วันละ 120 ผมก็บอกว่าไม่ได้ วันนึงผมหาได้วันละพัน เถียงกันต่อจนฝั่งประกันโทรไปคุยกับบริษัทประกันแล้วเสนอว่าวันละ 300 ผมเห็นว่าเถียงกันนานมากก็เลยเอาครับ เพราะทางประกันก็พูดมาว่าถ้ารถผมซ่อมนานก็นับวันต่อวันเลยว่ากี่วันได้เท่าไหร่ พอตกกันเสร็จทางประกันเรียกอู่มายกรถ ช่างเจ้าของอู่เคยเป็นช่างศูนย์ใหญ่ยี่ห้อรถผมของจังหวัดเพราะผมเคยเห็นหน้าแล้วก็ได้คุยกันนิดตอนพาเพื่อนเอารถไปเช็คระยะก่อนที่ศูนย์ใหญ่นี้จะปิด ช่างคุยดีครับ วันนั้นยกรถเซ็นต์เอกสารใบเคลมจบก็แยกย้าย ทางผมกับอู่ก็ติดต่อกันเป็นประจำ อู่จะแจ้งทุกการดำเนินการ
พอผ่านมาเดือนกว่า ทางอู่ก็ยื่นเอกสารไปให้ทางประกัน ซึ่งไม่มั่นใจว่าอู่ยื่นช้าหรือประกันอนุมัติช้า ผมเลยไปหารือกับ คปภ ในวันที่ 13 กันยายน ว่าทำไมมันช้าจัง เดือนกว่าแล้ว แค่อยากคุยละอยากถามเฉยๆครับว่าการดำเนินการของประกันเป็นยังไง ผมควรทำยังไงบ้าง ซึ่งทาง คปภ แนะนำดีมากครับ แต่ผมขอแค่สอบถามหารือ ไม่ขอร้องเรียน ทาง คปภ ก็โทรติดต่อสาขาที่จังหวัดที่ผมอยู่ ทางประกันก็ให้คำตอบว่าทางประกันไม่ได้เอกสาร ผมก็เถียงไปว่าอู่ยื่นเอกสารไปแล้วเพราะผมไปคุยกับอู่มาแล้ว ทางประกันก็เลยเช็คในระบบให้ก็ได้คำตอบมาเพิ่มว่าอู่ยื่นไปที่ศูนย์ใหญ่ไม่ได้ยื่นที่สาขา แต่ทางประกันพูดชัดเจนว่าจะให้ผมเอาเอกสารที่อู่ยื่น ใบเคลม เอาไปให้ที่บริษัทประกันด้วยตัวผมเอง จะได้ดำเนินการณ์ ไวขึ้น ซึ่งผมมองว่ามันไม่เกี่ยวกับผม มันคือการดำเนินการณ์ของบริษัทประกันทำไมผมต้องไปทำให้ ผมก็ไม่ได้สนใจตรงนี้ พร้อมขอบคุณคำแนะนำของ คปภ ครับ
พอผ่านไปไม่กี่วัน ในวันที่ 19 กันยายน ทางประกันรีบติดต่อไปทางพ่อผมเพราะพ่อผมเคยติดต่อไปกับทางกับประกันในเรื่องเคสของผม ทางประกันแจ้งว่าอนุมัติแล้วพร้อมให้ผมไปถามรายละเอียดการซ่อมกับอู่ว่าเบิกอะไหล่กี่วันแล้วประกอบพร้อมทดสอบกี่วัน แล้วให้ผมทำเอกสารขอค่าขาดประโยชน์ไปยื่นที่บริษัทประกันสาขาจังหวัดที่ผมอยู่ แต่ที่ได้เถียงกันนานเพราะทางสาขาแจ้งว่าอู่ไม่ใช่ของประกันโดยตรงแต่เป็นอู่นอกที่ประกันไปคุยเรื่องซ่อม ( ตรงนี้มีหลักฐานคลิปเสียง ) พร้อมให้ผมเอาเอกสารหน้าบุ๊คแบงค์ไปยื่นด้วย เพราะจะได้ให้ผมเอาเงินค่าซ่อมให้กับช่างพร้อมจ่ายค่าขาดประโยชน์ โดยจะโอนเข้าที่ บช. ผม
วันที่ 20 กันยายน ผมเอาเอกสารไปยื่นกับบริษัทประกัน เสนอไป 78 วันเพราะทางอู่ยืนยันว่า เบิกอะไหล่ใช้เวลา 14-20 วัน ใช้เวลาประกอบพร้อมทดสอบที่ 7 วัน เป็นเงิน 23,400 บาท ทางบริษัทประกันรับเอกสารพร้อมแจ้งเหตุผลต่างๆในการโอนเงินเข้าบัญชีของผมและแจ้งอีกว่าค่าซ่อมรถอยู่ที่ 5 หมื่นบาทซึ่งทางประกันได้คุยตกลงกับอู่เรียบร้อยและให้ผมแจ้งพร้อมนำเอกสารยืนยันค่าซ่อมจากทางประกันยื่นให้อู่ เพื่อที่อู่จะได้เริ่มเบิกอะไหล่ ซึ่งทางประกันแจ้งว่าส่งเอกสารยืนยันค่าซ่อมให้ถึงที่บ้านผมแล้ว แต่ทางบ้านผมยังไม่ได้รับเอกสารตัวนี้ จึงปริ้นท์เอกสารมาให้อีกรอบให้ผมไปยื่นกับอู่ ทางประกันจะติดต่อมาอีกทีเรื่องค่าขาดประโยชน์ แต่ก่อนผมกลับก็ได้คุยเพิ่มเติมเรื่องค่าขาดประโยชน์ ทางประกันแจ้งว่าไม่แน่ใจว่าจะได้เท่าไหร่ เพราะเอกสารอนุมัติค่าซ่อมใช้เวลาแค่ 3 วันเอง ขอเวลาไม่เกิน 15 วันจะติดต่อกลับมาอีกที
วันที่ 23 กันยายน รอบนี้ทางประกันติดต่อมาทางผม แล้วก็แจ้งว่าทาง บริษัทใหญ่ อนุมัติให้แค่ 25 วัน เป็นเงิน 7500 บาท ซึ่งผมไม่ยอม รถผมจะสองเดือนแล้วยังไม่เริ่มซ่อมเลย ทางประกันเลยขอคุยกับทางบริษัทใหญ่ใหม่เรื่องเงินค่าขาดประโยชน์
วันที่ 26 กันยายน ผมติดต่อกลับไปทางบริษัทประกัน ได้คำตอบมาว่าอนุมัติให้ยอดเท่าเดิมที่ 25 วัน รวมเป็นเงิน 7500 บาท ไม่มีขยับให้เลย และทางบริษัทประกันแจ้งเพิ่มเติมให้ผมไปร้องเรียนกับ คปภ เพราะพนักงานที่คุยด้วยก็ไม่มีหน้าที่ตัดสินใจในตรงส่วนนี้ ( ซึ่งในตรงนี้ผมก็เข้าใจครับ ) แล้วก็แจ้งกับผมอีกว่าให้รอเอกสารจากทางประกันแล้วให้ผมไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับทาง คปภ ในเรื่องค่าขาดประโยชน์
วันที่ 30 กันยายน เอกสารมาถึงช่วง 4 โมงเย็น เป็นวันศุกร์ ผมไปยื่นเอกสารกับ คปภ ไม่ทัน เลยจะรอวันจันทร์
วันที่ 10 ตุลาคม ผมได้ไปยื่นเอกสารร้องเรียนกับ คปภ ที่ช้าเพราะช่วงพายุเข้าน้ำท่วมหนักทำให้ผมไม่สามารถเดินทางไปไหนได้เลย ทาง คปภ แจ้งว่าวันที่ 17 จะได้เรียกคุยไกล่เกลี่ยระหว่างผมกับทางบริษัทประกัน หรืออาจจะไม่ได้คุยถ้าทางบริษัทประกันยืนยันค่าขาดประโยชน์ให้ครบตามที่เสนอหรือตกลงกันลงตัวก่อน แต่ถ้ายังไงจะติดต่อมาไม่เกินวันที่ 17 จะได้ไมีเสียเวลาเสียค่าน้ำมันเดินทางมา
วันที่ 11 ตุลาคม 13:00 มีข้อความจากทางบริษัทประกันส่งเข้ามาแจ้งว่าจะติดต่อกลับมาภายใน 5 วัน ตอนนี้ผมก็ได้แค่รอ เพราะยังไม่ติดต่อมาเลยครับ
จากทั้งหมดที่ผมเล่ามาผมมีข้อสงสัยมากเลยครับว่า ในเรื่องที่ตอนแรกประกันบอกว่าอู่เป็นของทางประกัน แต่มาคุยอีกรอบบอกไม่ใช่ของประกัน มีทางกฏหมายที่ช่วยผมในตรงนี้ได้บ้างมั้ยครับ เพราะผมอาจจะเอาไปใช้คุยประกอบเผื่อเวลาเรื่องได้ขึ้นศาลจะได้ฟ้องกันทีเดียว
ส่วนในเรื่องของค่าขาดประโยชน์ผมเข้าใจครับว่ามีการต่อรองราคากันแน่นอนแต่ผมไม่ยอมในยอดแรก เพราะมันน้อยเกินไปครับ เพราะเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าแต่ละคนมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันมากน้อยอยู่ที่แต่ละคน ผมก็มีของผมเหมือนกัน ฉนั้น 2 เดือนแล้วรถยังซ่อมไม่เสร็จ สำหรับผมยอดที่เสนอมามันน้อยไปครับ
ประกันนี้เป็นประกันชั้น 1 ของคู่กรณีครับ ( เผื่อใครสงสัย )