ภาพในฝัน เป็นภาพสี หรือขาวดำ
คำถามนี้ ผมเคยได้ยินมานาน มีคนตอบว่าเป็นภาพขาวดำ แล้วจริงหรือเปล่าครับ
ฝัน คืออะไร......
ถ้าเราทำกสิณสี (ตามเวบนี้
https://www.youtube.com/watch?v=TE0otK1u6MQ)
เราตัดแผ่นกระดาษสีเป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง หนึ่งคืบกับอีกหนึ่งฝ่ามือ
จ้องสักสิบวินาทีพยายามจำภาพวงกลมสีที่เรียกว่าวงกสิณสี แล้วหลับตา ภาพวงกลม ที่เห็นในใจ
ทำไมไม่เป็นวงกลมสี เหมือนที่เราลืมตาจ้องดู แต่กลับเห็นวงกลมสี เขียวเรื่อๆ เหมือนสีพายน้ำของนาฬิกาเวลาดูในที่มืด
ทำไมสมองเราจำภาพได้แต่ไม่สามารถดึงภาพนั้นมาดูขณะที่หลับตาได้
อย่างที่คนจีบสาวบอกสาวว่า เวลาที่เขาหลับตาก็เห็นภาพสาวมาลอยอยู่ แสดงว่าโกหกแน่นอน
ถ้าเราลองหลับตา นึกถึงภาพอะไรก็ได้ที่เราเคยเห็นมา ก็ไม่สามารถเห็นภาพอะไรเลย
ขนาดที่เราเพ่งภาพกสิณ แล้วหลับตา เรายังไม่เห็นภาพนั้นในใจเราเลย
แล้วความฝันคืออะไร บางท่านอาจเชื่อว่า อาจเป็น เทพสังหรณ์ ก็อาจเป็นได้น้อยมากๆ ส่วนใหญ่ก็เป็น จิตสังขาร
จิต ปรุงแต่ง อาจมีตัวสัญญาร่วมด้วย
เช่นเวลาเราฝันไปเห็นโน้น เห็นนี้ สิ่งที่เห็นก็มาจากตัว ความจำที่เรียกว่า ตัวสัญญาขันธ์นั้นเอง
แต่บางครั้งก็เป็นภาพที่จินตนาการ เป็นภาพที่ไม่เคยเห็นก็ได้ ก็เหมือน จิตกรวาดภาพนั้นแหละ
ภาพที่เห็นถ้ามาจากความจำ จะเป็นภาพขาวดำ ส่วนที่มาจาก ที่จิตคิดขึ้นเอง จะเป็นภาพสีก็ได้ อันนี้คือ คำตอบของผม
ซึ่ง ถ้าท่านฝันแล้วได้ภาพอย่างไร ลองมาคุยกันนะครับ
ขณะฝัน การทำงานของจิต เป็นการทำงาน ร่วมกับ หน่วยความจำในสมอง และการประมวลผลของจิต ซึ่ง สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ มาจากสมองส่วนหน้านั้นเอง สมมุติเรากินเหล้า ในระดับที่มีแอลกอฮอล์ ในระดับเลือดกดสมองส่วนนอก จนถึงระดับหมดความรู้สึก (ยุบเหล้า ถ้ากินมากๆ ก็จะไปกดสมองส่วนกลางที่ควบคุมระบบหายใจ อาจทำให้ตายได้)
คนยุบเหล้า ไม่ สามารถฝันได้ อันนี้ท่านที่เคยยุบเหล้า ลองมาอธิบายครับ ว่าจริงอย่างที่ผมพูดหรือเปล่าครับ
อีกอย่างการฝัน มันเป็นการทำงาน ที่ขาดสัมปชัญญะ เราอาจฝันว่า เจ้าหนี้มาตามหนี้ พอสะดุ้งตื่น โล่งใจว่านั้นฝันไป เป็นต้น
เวลาหลับ กับเวลา ตื่น จึงต่างกัน ด้วยขณะหลับ จิตทำงานตามลำพังกับ ขันธ์ห้า
เวลาตื่น จิตทำงาน ร่วมกับขันธ์ห้า และเชื่อมโยงกับสัมปชัญญะ เชื่อมโยงอย่างไร
สมมุติเราตื่น จิตทำงานของจิต เช่นใจลอย โกรธจัดๆ อาจจะขาดสติ สัมปชัญญะไปชั่วครู่ พอมีสติ สัมปชัญญะ จิตก็จะหยุดชั่วคราว มารีเซต ใหม่ ว่าที่จิตทำไปนั้น สมควรไหม แล้วก็มา คิดใหม่ทำใหม่ นั้นเอง
ในตัวเรา มีส่วนประกอบด้วย จิต เจตสิก รูป นิพพาน
โดยที่มี นามธาตุ ที่เป็นธาตุรู้ อยู่ สองตัว คือจิต และ นิพพานธาตุ
ตอนหลับ จิตทำงานกับเจตสิก ล้วนๆ
ตอนตื่น จะมีการทำงานของจิต กับเจตสิก สลับกับ นิพพานธาตุ ในการรับรู้ที่เรียกว่า สัมปชัญญะนั้นเอง
ขณะฝันจึงชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จิต เป็นเพียง อนัตตา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองปรุงแต่งเอง เป็นนามธรรมที่เราจะเอาเป็นตนได้อย่างไร
ถ้าเราจะเอานิพพานธาตุเป็นตนได้ไหม
ก็ในเมื่อพระพุทธเจ้า ตรัสว่านิพพาน เป็นธาตุ เราก็ว่าตามนั้น
นิพพานธาตุ ในบุคคลปุถุชน ก็จะเรียกว่า อวิชชาธาตุ ในพระอรหันต์ เรียกว่า วิชชาธาตุ
มีอายสตนะนิพพาน ก็แสดงว่า มีการรับรู้ได้ ในตัวเราก็มี เรียกว่าสัมปชัญญะนั้นเอง
มีคนแย้งผมว่า สัมปชัญญะ ไม่ใช่กริยาของอายสตนะนิพพาน สัมปชัญญะ เป็น เจตสิกต่างหาก
แล้วทำไม ตอนฝัน ตัวสัมปชัญญะจึงไม่เกิด
ไม่ต้องเชื่อผมนะครับ คืนนี้ลองไปฝันดูว่า เหมือนที่ผมพูดหรือเปล่าครับ
ภาพในฝัน เป็นภาพสี หรือภาพขาวดำ
คำถามนี้ ผมเคยได้ยินมานาน มีคนตอบว่าเป็นภาพขาวดำ แล้วจริงหรือเปล่าครับ
ฝัน คืออะไร......
ถ้าเราทำกสิณสี (ตามเวบนี้ https://www.youtube.com/watch?v=TE0otK1u6MQ)
เราตัดแผ่นกระดาษสีเป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง หนึ่งคืบกับอีกหนึ่งฝ่ามือ
จ้องสักสิบวินาทีพยายามจำภาพวงกลมสีที่เรียกว่าวงกสิณสี แล้วหลับตา ภาพวงกลม ที่เห็นในใจ
ทำไมไม่เป็นวงกลมสี เหมือนที่เราลืมตาจ้องดู แต่กลับเห็นวงกลมสี เขียวเรื่อๆ เหมือนสีพายน้ำของนาฬิกาเวลาดูในที่มืด
ทำไมสมองเราจำภาพได้แต่ไม่สามารถดึงภาพนั้นมาดูขณะที่หลับตาได้
อย่างที่คนจีบสาวบอกสาวว่า เวลาที่เขาหลับตาก็เห็นภาพสาวมาลอยอยู่ แสดงว่าโกหกแน่นอน
ถ้าเราลองหลับตา นึกถึงภาพอะไรก็ได้ที่เราเคยเห็นมา ก็ไม่สามารถเห็นภาพอะไรเลย
ขนาดที่เราเพ่งภาพกสิณ แล้วหลับตา เรายังไม่เห็นภาพนั้นในใจเราเลย
แล้วความฝันคืออะไร บางท่านอาจเชื่อว่า อาจเป็น เทพสังหรณ์ ก็อาจเป็นได้น้อยมากๆ ส่วนใหญ่ก็เป็น จิตสังขาร
จิต ปรุงแต่ง อาจมีตัวสัญญาร่วมด้วย
เช่นเวลาเราฝันไปเห็นโน้น เห็นนี้ สิ่งที่เห็นก็มาจากตัว ความจำที่เรียกว่า ตัวสัญญาขันธ์นั้นเอง
แต่บางครั้งก็เป็นภาพที่จินตนาการ เป็นภาพที่ไม่เคยเห็นก็ได้ ก็เหมือน จิตกรวาดภาพนั้นแหละ
ภาพที่เห็นถ้ามาจากความจำ จะเป็นภาพขาวดำ ส่วนที่มาจาก ที่จิตคิดขึ้นเอง จะเป็นภาพสีก็ได้ อันนี้คือ คำตอบของผม
ซึ่ง ถ้าท่านฝันแล้วได้ภาพอย่างไร ลองมาคุยกันนะครับ
ขณะฝัน การทำงานของจิต เป็นการทำงาน ร่วมกับ หน่วยความจำในสมอง และการประมวลผลของจิต ซึ่ง สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ มาจากสมองส่วนหน้านั้นเอง สมมุติเรากินเหล้า ในระดับที่มีแอลกอฮอล์ ในระดับเลือดกดสมองส่วนนอก จนถึงระดับหมดความรู้สึก (ยุบเหล้า ถ้ากินมากๆ ก็จะไปกดสมองส่วนกลางที่ควบคุมระบบหายใจ อาจทำให้ตายได้)
คนยุบเหล้า ไม่ สามารถฝันได้ อันนี้ท่านที่เคยยุบเหล้า ลองมาอธิบายครับ ว่าจริงอย่างที่ผมพูดหรือเปล่าครับ
อีกอย่างการฝัน มันเป็นการทำงาน ที่ขาดสัมปชัญญะ เราอาจฝันว่า เจ้าหนี้มาตามหนี้ พอสะดุ้งตื่น โล่งใจว่านั้นฝันไป เป็นต้น
เวลาหลับ กับเวลา ตื่น จึงต่างกัน ด้วยขณะหลับ จิตทำงานตามลำพังกับ ขันธ์ห้า
เวลาตื่น จิตทำงาน ร่วมกับขันธ์ห้า และเชื่อมโยงกับสัมปชัญญะ เชื่อมโยงอย่างไร
สมมุติเราตื่น จิตทำงานของจิต เช่นใจลอย โกรธจัดๆ อาจจะขาดสติ สัมปชัญญะไปชั่วครู่ พอมีสติ สัมปชัญญะ จิตก็จะหยุดชั่วคราว มารีเซต ใหม่ ว่าที่จิตทำไปนั้น สมควรไหม แล้วก็มา คิดใหม่ทำใหม่ นั้นเอง
ในตัวเรา มีส่วนประกอบด้วย จิต เจตสิก รูป นิพพาน
โดยที่มี นามธาตุ ที่เป็นธาตุรู้ อยู่ สองตัว คือจิต และ นิพพานธาตุ
ตอนหลับ จิตทำงานกับเจตสิก ล้วนๆ
ตอนตื่น จะมีการทำงานของจิต กับเจตสิก สลับกับ นิพพานธาตุ ในการรับรู้ที่เรียกว่า สัมปชัญญะนั้นเอง
ขณะฝันจึงชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จิต เป็นเพียง อนัตตา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองปรุงแต่งเอง เป็นนามธรรมที่เราจะเอาเป็นตนได้อย่างไร
ถ้าเราจะเอานิพพานธาตุเป็นตนได้ไหม
ก็ในเมื่อพระพุทธเจ้า ตรัสว่านิพพาน เป็นธาตุ เราก็ว่าตามนั้น
นิพพานธาตุ ในบุคคลปุถุชน ก็จะเรียกว่า อวิชชาธาตุ ในพระอรหันต์ เรียกว่า วิชชาธาตุ
มีอายสตนะนิพพาน ก็แสดงว่า มีการรับรู้ได้ ในตัวเราก็มี เรียกว่าสัมปชัญญะนั้นเอง
มีคนแย้งผมว่า สัมปชัญญะ ไม่ใช่กริยาของอายสตนะนิพพาน สัมปชัญญะ เป็น เจตสิกต่างหาก
แล้วทำไม ตอนฝัน ตัวสัมปชัญญะจึงไม่เกิด
ไม่ต้องเชื่อผมนะครับ คืนนี้ลองไปฝันดูว่า เหมือนที่ผมพูดหรือเปล่าครับ