สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ปีนี้ไม่ได้เจอแค่พายุ1ลูกครับ แต่เจอลานีญาด้วยทำให้ฝนตกสะสมมากเป็นประวัติการณ์ครั้งนึงเลย
ประกอบกับร่องมรสุมมีกำลังแรง ทำให้ฝนตกหนักตกแช่ตกนาน จนพื้นที่รับน้ำในภาคกลาง
เริ่มเต็มในบางพื้นที่ บางแห่งก็ล้นจนหลากไปเรียบร้อย ซึ่งฝนที่ตกหนักสะสมมาต่อเนื่อง
ทำให้ปริมาณน้ำมากจนแทบไม่ต่างจากโดนพายุเข้าเต็มๆเลยครับ
อย่างในเมือง กทม.เองหลายๆคนก็บ่นว่าเพิ่งเคยเห็นฝนตกหนักนานขนาดนี้
แถมตกหนักติดๆกันแทบทุกวัน
อีกอย่าง น้ำที่หลากมาคราวนี้ต่างจากปี54ตรงที่ฝนไม่ได้ไปตกเหนือเขื่อนใหญ่ แต่ฝนมาถล่มตรงๆ
ในพื้นที่ภาคกลางเยอะมาก ซึ่งภาคกลางไม่มีเขื่อนขนาดยักษ์รองรับ ทำให้น้ำเต็มพื้นที่ไปเอง
เขื่อนใหญ่อย่างเขื่อนป่าสักก็เต็มไปเรียบร้อย เขื่อนปลีกย่อยก็เต็มหมด น้ำตามลำน้ำก็เต็ม
ตอยนี้ก็ล้นออกมาในพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำ แต่คราวนี้จะไม่ท่วมสูงและท่วมนานเท่าปี54
เพราะปริมาณน้ำน้อยกว่าเยอะครับ
ประกอบกับร่องมรสุมมีกำลังแรง ทำให้ฝนตกหนักตกแช่ตกนาน จนพื้นที่รับน้ำในภาคกลาง
เริ่มเต็มในบางพื้นที่ บางแห่งก็ล้นจนหลากไปเรียบร้อย ซึ่งฝนที่ตกหนักสะสมมาต่อเนื่อง
ทำให้ปริมาณน้ำมากจนแทบไม่ต่างจากโดนพายุเข้าเต็มๆเลยครับ
อย่างในเมือง กทม.เองหลายๆคนก็บ่นว่าเพิ่งเคยเห็นฝนตกหนักนานขนาดนี้
แถมตกหนักติดๆกันแทบทุกวัน
อีกอย่าง น้ำที่หลากมาคราวนี้ต่างจากปี54ตรงที่ฝนไม่ได้ไปตกเหนือเขื่อนใหญ่ แต่ฝนมาถล่มตรงๆ
ในพื้นที่ภาคกลางเยอะมาก ซึ่งภาคกลางไม่มีเขื่อนขนาดยักษ์รองรับ ทำให้น้ำเต็มพื้นที่ไปเอง
เขื่อนใหญ่อย่างเขื่อนป่าสักก็เต็มไปเรียบร้อย เขื่อนปลีกย่อยก็เต็มหมด น้ำตามลำน้ำก็เต็ม
ตอยนี้ก็ล้นออกมาในพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำ แต่คราวนี้จะไม่ท่วมสูงและท่วมนานเท่าปี54
เพราะปริมาณน้ำน้อยกว่าเยอะครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ปี54 บ้านเราพายุเข้าห้าลูกครับ เลยท่วมหนักสุดในประวัติศาสตร์ 50ปี
ปีนี้ฝนตกกระจายมากๆ
ส่วนญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เรื่องลม แต่ปริมาณน้ำฝนมากเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยทั้งโลก แถมเวลาพายุเขาเข้าที ปริมาณน้ำฝนคืนเดียว นี่ 500-800 มิลลิลิตรนะครับ เทียบบ้านเราคือทั้งสัปดาห์หรือทั้งเดือน
เขาใช้เทคโนโลยีทุกอย่าง ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่บ้านเรายังไม่ทำ เช่นทำflood way ทุกแห่ง คลอง แม่น้ำ แปลงร่างเป็นflood wayได้ทันที น้ำไหลเชี่ยวและเร็วมากเพื่อระบายลงทะเลให้เร็วที่สุด ตรงไหนน้ำเยอะ เขาก็มีอุปกรณ์กั้นน้ำไปวาง ทั้งกระสอบทรายและอุปกรณ์กั้นน้ำสมัยใหม่ผสมกันหมดนั่นแหละ เมืองหลวงโตเกียวมีอุโมงค์ระบายน้ำยักษ์
ส่วนบ้านเรา ระบบน้ำยังใช้ตามธรรมชาติเป็นหลัก แทบไม่ต่างจากสมัยอยุธยา เพราะเขื่อนทดน้ำต่างๆทำได้แค่ประวิงเวลา ไม่ได้ช่วยเรื่องระบายน้ำ แม้แต่กทม.ที่คลองขุดก็เยอะ แต่ไม่ได้ออกแบบหรือก่อสร้างให้ทำหน้าที่เป็นflood wayได้เลย คลองส่วนใหญ่น้ำไหลช้า ระบายออกได้ช้ามาก นักวิชาการหลายคนยังมัวโทษชาวบ้าน ว่าเอาที่แก้มลิง ที่เคยรับน้ำสมัยโบราณ ไปสร้างบ้านจัดสรร สร้างโรงงานอยู่เลย(ก็ที่ดินเขาไหม ไปบังคับให้เขาห้ามเจริญ ให้รับน้ำอย่างเดียว?)
ยกข่าวมาเผื่อใครยังไม่ทราบว่าญี่ปุ่นเจอฝนตกหนักกว่าบ้านเราเยอะ เคยไปติดพายุไต้ฝุ่น เลยพอจะเห็นสิ่งที่แตกต่างจากบ้านเรา โดยเฉพาะส่วนที่เห็นด้วยตาก็แตกต่างมากๆเช่นเรื่อง flood way มันน่าทึ่งจริงๆ ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาจจะมีเรื่องการออกแบบทางน้ำบ้าง แต่ก็ไม่ใช่แบบอุปกรณ์แพงๆ

https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/ondemand/video/9106017/
https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9650000066650
"เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.2022) รายงานข่าว "บันทึกสถิติใหม่ข้อมูลฝนตกหนักในช่วงเวลาสั้น" ในจังหวัดไซดามะ เมืองฮาโตยามะ-โช ฝนตก 3 ชั่วโมงวัดปริมาณน้ำฝน 209.0 มม. "
https://www.tnnthailand.com/news/world/18827/
"วันนี้ ( 11 ต.ค. 62 ) ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ฮากิบิส”หนึ่งในพายุที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี เตรียมพัดขึ้นฝั่งโจมตีภาคตะวันออกของญี่ปุ่นรวมถึงเมืองหลวงกรุงโตเกียว สำนักงานกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นระบุว่าการมาของ “ฮากิบิส”นอกจากความเสียหายที่จะเกิดขึ้นยังต้องรับปริมาณฝนที่สูงเป็นประวัติการณ์ และเตรียมออกคำเตือนในเรื่องนี้
ทั้งนี้ในกรุงโตเกียวใน 48 ชั่วโมงนับจากวันนี้ จะรับปริมาณน้ำฝน 750 มิลลิเมตร ขณะที่นาโงย่า รับปริมาณน้ำฝน 1,000 มิลลิเมตร เมื่อเทียบสถิติกับกรุงเทพมหานคร ในปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ กรุงเทพรับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 154 มิลลิเมตร/วัน เท่านั้นจากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ

ขณะที่เฉลี่ยรายเดือนในปี 2561 กรุงเทพมหานครมีฝนตก 1,768.2 มิลลิเมตร ซึ่งเท่ากับว่ากรุงโตเกียวฝนตก 2 วัน เกือบเท่ากับปริมาณฝนที่ตกในครึ่งเดือนของกรุงเทพมหานครเลยทีเดียว"
ปีนี้ฝนตกกระจายมากๆ
ส่วนญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เรื่องลม แต่ปริมาณน้ำฝนมากเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยทั้งโลก แถมเวลาพายุเขาเข้าที ปริมาณน้ำฝนคืนเดียว นี่ 500-800 มิลลิลิตรนะครับ เทียบบ้านเราคือทั้งสัปดาห์หรือทั้งเดือน
เขาใช้เทคโนโลยีทุกอย่าง ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่บ้านเรายังไม่ทำ เช่นทำflood way ทุกแห่ง คลอง แม่น้ำ แปลงร่างเป็นflood wayได้ทันที น้ำไหลเชี่ยวและเร็วมากเพื่อระบายลงทะเลให้เร็วที่สุด ตรงไหนน้ำเยอะ เขาก็มีอุปกรณ์กั้นน้ำไปวาง ทั้งกระสอบทรายและอุปกรณ์กั้นน้ำสมัยใหม่ผสมกันหมดนั่นแหละ เมืองหลวงโตเกียวมีอุโมงค์ระบายน้ำยักษ์
ส่วนบ้านเรา ระบบน้ำยังใช้ตามธรรมชาติเป็นหลัก แทบไม่ต่างจากสมัยอยุธยา เพราะเขื่อนทดน้ำต่างๆทำได้แค่ประวิงเวลา ไม่ได้ช่วยเรื่องระบายน้ำ แม้แต่กทม.ที่คลองขุดก็เยอะ แต่ไม่ได้ออกแบบหรือก่อสร้างให้ทำหน้าที่เป็นflood wayได้เลย คลองส่วนใหญ่น้ำไหลช้า ระบายออกได้ช้ามาก นักวิชาการหลายคนยังมัวโทษชาวบ้าน ว่าเอาที่แก้มลิง ที่เคยรับน้ำสมัยโบราณ ไปสร้างบ้านจัดสรร สร้างโรงงานอยู่เลย(ก็ที่ดินเขาไหม ไปบังคับให้เขาห้ามเจริญ ให้รับน้ำอย่างเดียว?)
ยกข่าวมาเผื่อใครยังไม่ทราบว่าญี่ปุ่นเจอฝนตกหนักกว่าบ้านเราเยอะ เคยไปติดพายุไต้ฝุ่น เลยพอจะเห็นสิ่งที่แตกต่างจากบ้านเรา โดยเฉพาะส่วนที่เห็นด้วยตาก็แตกต่างมากๆเช่นเรื่อง flood way มันน่าทึ่งจริงๆ ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาจจะมีเรื่องการออกแบบทางน้ำบ้าง แต่ก็ไม่ใช่แบบอุปกรณ์แพงๆ

https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/ondemand/video/9106017/
https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9650000066650
"เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.2022) รายงานข่าว "บันทึกสถิติใหม่ข้อมูลฝนตกหนักในช่วงเวลาสั้น" ในจังหวัดไซดามะ เมืองฮาโตยามะ-โช ฝนตก 3 ชั่วโมงวัดปริมาณน้ำฝน 209.0 มม. "
https://www.tnnthailand.com/news/world/18827/
"วันนี้ ( 11 ต.ค. 62 ) ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ฮากิบิส”หนึ่งในพายุที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี เตรียมพัดขึ้นฝั่งโจมตีภาคตะวันออกของญี่ปุ่นรวมถึงเมืองหลวงกรุงโตเกียว สำนักงานกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นระบุว่าการมาของ “ฮากิบิส”นอกจากความเสียหายที่จะเกิดขึ้นยังต้องรับปริมาณฝนที่สูงเป็นประวัติการณ์ และเตรียมออกคำเตือนในเรื่องนี้
ทั้งนี้ในกรุงโตเกียวใน 48 ชั่วโมงนับจากวันนี้ จะรับปริมาณน้ำฝน 750 มิลลิเมตร ขณะที่นาโงย่า รับปริมาณน้ำฝน 1,000 มิลลิเมตร เมื่อเทียบสถิติกับกรุงเทพมหานคร ในปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ กรุงเทพรับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 154 มิลลิเมตร/วัน เท่านั้นจากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ

ขณะที่เฉลี่ยรายเดือนในปี 2561 กรุงเทพมหานครมีฝนตก 1,768.2 มิลลิเมตร ซึ่งเท่ากับว่ากรุงโตเกียวฝนตก 2 วัน เกือบเท่ากับปริมาณฝนที่ตกในครึ่งเดือนของกรุงเทพมหานครเลยทีเดียว"
แสดงความคิดเห็น
ประเทศไทยเจอพายุลูกเดียวถึงขั้นเสียหายร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ
กลับกลายเป็นว่า ในความโชคดีก็มีความโชคร้ายเพราะตั้งอยู่ไกลจากทะเลทำให้ไม่มีลมพายุก็จริงแต่กลับได้รับอิทธิพลจากย่อมความกดอากาศต่ำมาแทน ฝนเลยตกชุก ไม่หยุด โดนเฉพาะแดนอีสาน ตอนแล้งก็แล้งจรไม่มีน้ำ ตอนฝนก็ฝนเกินจนน้ำมิดหลังคา
อันนี้พายุมาแค่ลุกเดียว
ไม่อยากเปรียบเทียบนะ ถ้าสมมติเราเจอซักเสี้ยวของญี่ปุ่นคือคงวินาฏสันตะโร อันนั้นมาทุกภัยพิบัติ แผ่นดินไหว โรงไฟฟ้าชำรุด น้ำท่วม พายุ แต่ดูเหมือนเค้ามีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากกว่าการให้ประชากรมาขนกระสอบทรายไปกั้นเขื่อน