นักวิชาการ ประสานเสียง ชี้ปม 'กราดยิง' รากปัญหา ระบบตำรวจ-กองทัพ
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7304137
นักวิชาการ ประสานเสียง ชี้ปม ‘กราดยิง’ รากปัญหา ระบบตำรวจ-กองทัพ ถามรัฐบาล จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกได้อย่างไร
วันที่ 7 ต.ค.65 ผศ.ดร.
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็น กรณี อดีตตำรวจ ก่อเหตุกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ที่ จ.หนองบัวลำภู ความว่า
ในสหรัฐอเมริกาการกราดยิงประชาชน หรือเด็กนักเรียน แม้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่เท่าที่ผมทราบคือไม่มีสักครั้งที่คนลงมือจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่ผู้ลงมือกราดยิงในประเทศไทย 2-3 ครั้งที่ผ่านมา ล้วนแต่เป็นทหารหรือตำรวจทั้งสิ้น
เหตุการณ์ที่หนองบัวลำภู ผู้ลงมือ คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้จะถูกให้ออกจากราชการแต่ก็ยังไม่นาน ส่วนที่นครราชสีมาเมื่อ 2 ปีก่อน คนกราดยิงก็เป็นทหาร
แต่ที่หนองบัวลำภูน่าตกใจและเศร้าสลดกว่ามาก เพราะนอกจากจำนวนผู้เสียชีวิตจะมากกว่าแล้ว ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงเด็กเล็กๆ แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครใจร้ายทำกับพวกเขาได้ลงคอแบบนี้
การที่คนก่อเหตุทั้งสองครั้งเป็นทหารและตำรวจ ไม่น่าจะเป็นเพียงปัญหาที่ตัวคนลงมือที่เครียดหรือติดยาเท่านั้น แต่น่าจะเป็นปัญหาบางอย่างภายในกองทัพและในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก
สิ่งที่ประชาชนอยากได้ยินจากรัฐบาล คือจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีกได้อย่างไร และกองทัพ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดูแลเจ้าหน้าที่ที่มีปืนไม่ให้เอาปืนมากราดยิงประชาชนและเด็กๆ อีกได้อย่างไร!
ขอแสดงความเสียใจต่อคุณพ่อคุณแม่และผู้สูญเสียทุกท่าน เราทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ครับ ขอให้เด็กๆ ทุกคนหลับให้สบาย และจากนี้ไปขออย่าให้มีเด็กคนไหนโดนกระทำอย่างนี้อีกครับ
ขณะที่ ศ.ดร.
สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว ระบุว่า
ผู้ก่อการสูบยาบ้ามานาน แต่ยังคงรับราชการตำรวจ เพิ่งโดนไล่ออกปีที่แล้ว หลังเกิดเหตุ รองนายกฯตอบว่า จะให้ทำไง ก็เขาติดยา ส่วนนายกฯบอกให้ลดธงครึ่งเสา
ปัญหาที่เห็นคือยาเสพติดและปืน แต่รากปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ ระบบของตำรวจและกองทัพ ปล่อยให้บุคลากรคลั่งทำร้ายประชาชน #กราดยิงหนองบัวลำภู
https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid08GFXShKpd7rmhNHidEZQufAimuaufsdvqEAgCD6VVJDyZ3usrjEydDaWea5Qa9tFl
https://twitter.com/Si_Siripan/status/1578058240956325888
สื่อต่างประเทศตั้งข้อสังเกต “ความเข้มงวด” กฎหมายอาวุธปืนของไทย
https://www.dailynews.co.th/news/1552565/
ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าซึ่งยังคงปกคลุมไปทั่วประเทศไทย จากโศกนากฏกรรมการกราดยิงครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ สื่อต่างประเทศ "ตั้งคำถาม" เกี่ยวกับ "การบังคับใช้" กฎหมายอาวุธปืนของไทย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า จากกรณีเหตุกราดยิง ภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนในพื้นที่ จังหวัดหนองบัวลำภู ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และโศกนาฏกรรมครั้งนี้ สร้างความสะเทือนขวัญและสลดใจไปทั้งโลก เนื่องจากผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นเด็ก
รายงานของ “
เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส” ระบุว่า แม้แรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ยังคงต้องเป็นที่สอบสวนเชิงลึกต่อไปโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ในต่างประเทศเริ่มมีการให้ความสนใจมากขึ้น เกี่ยวกับกฎหมายอาวุธปืน และกฎหมายการครอบครองอาวุธปืนในไทย ข้อมูลจากเว็บไซต์ gunpolicy.org ของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ในออสเตรเลีย ระบุว่า สถิติการครอบครองอาวุธปืนส่วนบุคคลในไทยอยู่ที่มากกว่า 10.3 ล้านกระบอก เมื่อปี 2560 แต่มีเพียง 6 ล้านกระบอกเท่านั้น ที่มีการขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย หมายความว่ามี “
ปืนเถื่อน” มากกว่า 4 ล้านกระบอก
แม้อัตราดังกล่าวน้อยกว่าสหรัฐมาก แต่ในเอเชียถือว่า อัตราการครอบครองอาวุธปืนดังกล่าวสูงเป็นอันดับต้นของภูมิภาค และทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของตลาดมืดการค้าอาวุธ นอกเหนือจากกัมพูชาและเวียดนาม ทั้งที่มีกฎหมายควบคุมเข้มงวด โดยผู้ที่ลักลอบครอบครองอาวุธปืน อาจต้องรับโทษจำคุกนานสูงสุด 10 ปี และปรับเป็นเงิน 20,000 บาท ขณะที่บุคคลซึ่งต้องการรับใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน ต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดหลายขั้นตอน.
ญี่ปุ่นแสดงความเสียใจ เหตุกราดยิงที่หนองบัวลำภู ขออยู่ข้างคนไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
https://www.js100.com/en/site/news/view/122630
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เผยแพร่สารของนาย
ฮายาชิ โยชิมาสะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ถึง นาย
ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จากเหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู ประเทศไทย โดยระบุว่า
“ข้าพเจ้ารู้สึกสะเทือนใจและเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากรับทราบข่าวเหตุการณ์กราดยิงภายในศูนย์เด็กเล็ก จังหวัดหนองบัวลำภู ประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวญี่ปุ่น ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดต่อผู้เสียชีวิต ครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
ในช่วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ ประเทศญี่ปุ่นจะอยู่เคียงข้างประเทศไทย และขอแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเข้มแข็งกับรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยทุกท่าน”
..
#หนองบัวลำภู
#ญี่ปุ่น
https://www.mofa.go.jp/s_sa/sea1/th/page1e_000502.html
JJNY : รากปัญหา ระบบตำรวจ-กองทัพ│สื่อตปท.ตั้งข้อสังเกต│ญี่ปุ่นแสดงความเสียใจเหตุกราดยิง│‘เงียบมาก’ โชห่วยโอด กฎ กกต.
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7304137
นักวิชาการ ประสานเสียง ชี้ปม ‘กราดยิง’ รากปัญหา ระบบตำรวจ-กองทัพ ถามรัฐบาล จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกได้อย่างไร
วันที่ 7 ต.ค.65 ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็น กรณี อดีตตำรวจ ก่อเหตุกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ที่ จ.หนองบัวลำภู ความว่า
ในสหรัฐอเมริกาการกราดยิงประชาชน หรือเด็กนักเรียน แม้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่เท่าที่ผมทราบคือไม่มีสักครั้งที่คนลงมือจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่ผู้ลงมือกราดยิงในประเทศไทย 2-3 ครั้งที่ผ่านมา ล้วนแต่เป็นทหารหรือตำรวจทั้งสิ้น
เหตุการณ์ที่หนองบัวลำภู ผู้ลงมือ คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้จะถูกให้ออกจากราชการแต่ก็ยังไม่นาน ส่วนที่นครราชสีมาเมื่อ 2 ปีก่อน คนกราดยิงก็เป็นทหาร
แต่ที่หนองบัวลำภูน่าตกใจและเศร้าสลดกว่ามาก เพราะนอกจากจำนวนผู้เสียชีวิตจะมากกว่าแล้ว ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงเด็กเล็กๆ แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครใจร้ายทำกับพวกเขาได้ลงคอแบบนี้
การที่คนก่อเหตุทั้งสองครั้งเป็นทหารและตำรวจ ไม่น่าจะเป็นเพียงปัญหาที่ตัวคนลงมือที่เครียดหรือติดยาเท่านั้น แต่น่าจะเป็นปัญหาบางอย่างภายในกองทัพและในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก
สิ่งที่ประชาชนอยากได้ยินจากรัฐบาล คือจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีกได้อย่างไร และกองทัพ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดูแลเจ้าหน้าที่ที่มีปืนไม่ให้เอาปืนมากราดยิงประชาชนและเด็กๆ อีกได้อย่างไร!
ขอแสดงความเสียใจต่อคุณพ่อคุณแม่และผู้สูญเสียทุกท่าน เราทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ครับ ขอให้เด็กๆ ทุกคนหลับให้สบาย และจากนี้ไปขออย่าให้มีเด็กคนไหนโดนกระทำอย่างนี้อีกครับ
ขณะที่ ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว ระบุว่า
ผู้ก่อการสูบยาบ้ามานาน แต่ยังคงรับราชการตำรวจ เพิ่งโดนไล่ออกปีที่แล้ว หลังเกิดเหตุ รองนายกฯตอบว่า จะให้ทำไง ก็เขาติดยา ส่วนนายกฯบอกให้ลดธงครึ่งเสา
ปัญหาที่เห็นคือยาเสพติดและปืน แต่รากปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ ระบบของตำรวจและกองทัพ ปล่อยให้บุคลากรคลั่งทำร้ายประชาชน #กราดยิงหนองบัวลำภู
https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid08GFXShKpd7rmhNHidEZQufAimuaufsdvqEAgCD6VVJDyZ3usrjEydDaWea5Qa9tFl
https://twitter.com/Si_Siripan/status/1578058240956325888
สื่อต่างประเทศตั้งข้อสังเกต “ความเข้มงวด” กฎหมายอาวุธปืนของไทย
https://www.dailynews.co.th/news/1552565/
ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าซึ่งยังคงปกคลุมไปทั่วประเทศไทย จากโศกนากฏกรรมการกราดยิงครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ สื่อต่างประเทศ "ตั้งคำถาม" เกี่ยวกับ "การบังคับใช้" กฎหมายอาวุธปืนของไทย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า จากกรณีเหตุกราดยิง ภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนในพื้นที่ จังหวัดหนองบัวลำภู ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และโศกนาฏกรรมครั้งนี้ สร้างความสะเทือนขวัญและสลดใจไปทั้งโลก เนื่องจากผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นเด็ก
รายงานของ “เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส” ระบุว่า แม้แรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ยังคงต้องเป็นที่สอบสวนเชิงลึกต่อไปโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ในต่างประเทศเริ่มมีการให้ความสนใจมากขึ้น เกี่ยวกับกฎหมายอาวุธปืน และกฎหมายการครอบครองอาวุธปืนในไทย ข้อมูลจากเว็บไซต์ gunpolicy.org ของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ในออสเตรเลีย ระบุว่า สถิติการครอบครองอาวุธปืนส่วนบุคคลในไทยอยู่ที่มากกว่า 10.3 ล้านกระบอก เมื่อปี 2560 แต่มีเพียง 6 ล้านกระบอกเท่านั้น ที่มีการขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย หมายความว่ามี “ปืนเถื่อน” มากกว่า 4 ล้านกระบอก
แม้อัตราดังกล่าวน้อยกว่าสหรัฐมาก แต่ในเอเชียถือว่า อัตราการครอบครองอาวุธปืนดังกล่าวสูงเป็นอันดับต้นของภูมิภาค และทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของตลาดมืดการค้าอาวุธ นอกเหนือจากกัมพูชาและเวียดนาม ทั้งที่มีกฎหมายควบคุมเข้มงวด โดยผู้ที่ลักลอบครอบครองอาวุธปืน อาจต้องรับโทษจำคุกนานสูงสุด 10 ปี และปรับเป็นเงิน 20,000 บาท ขณะที่บุคคลซึ่งต้องการรับใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน ต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดหลายขั้นตอน.
ญี่ปุ่นแสดงความเสียใจ เหตุกราดยิงที่หนองบัวลำภู ขออยู่ข้างคนไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
https://www.js100.com/en/site/news/view/122630
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เผยแพร่สารของนายฮายาชิ โยชิมาสะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ถึง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จากเหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู ประเทศไทย โดยระบุว่า
“ข้าพเจ้ารู้สึกสะเทือนใจและเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากรับทราบข่าวเหตุการณ์กราดยิงภายในศูนย์เด็กเล็ก จังหวัดหนองบัวลำภู ประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวญี่ปุ่น ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดต่อผู้เสียชีวิต ครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
ในช่วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ ประเทศญี่ปุ่นจะอยู่เคียงข้างประเทศไทย และขอแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเข้มแข็งกับรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยทุกท่าน”
..
#หนองบัวลำภู
#ญี่ปุ่น
https://www.mofa.go.jp/s_sa/sea1/th/page1e_000502.html