คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่มีอะไรแน่นอน
บางที คนที่คบมานาน เรายังไม่รู้ธาตุแท้ตัวตนที่แท้จริง ...ก็มี
หรือ คนที่อยู่ด้วยกัน กลับเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นที่เราอาจไม่เคยรู้จัก
หรือ ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปเป็นได้ขนาดนี้ ...ก็มี
คุณคบกันมา 10 ปี และตัดสินใจแต่งงานกัน
สุดท้าย ชีวิตคู่มันไม่ได้ราบรื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สิ่งนี้ มันไม่ได้หมายความว่า 'มันคือความผิดของคุณที่เลือกผู้ชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต'
เพราะในบริบทความสัมพันธ์นี้ ...วันหนึ่ง หลังแต่งงาน เขานอกใจไปมีคนอื่น
จากที่คุณเล่า ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่มีวี่แววเรื่องชู้สาว (หรือคุณอาจจับไม่ได้?)
และแค่เพียงเหตุผลข้อนี้ข้อเดียว ก็เพียงพอต่อการ จบความสัมพันธ์
มันดีแล้ว ที่คุณเด็ดเดี่ยวและจบความสัมพันธ์กับคนไม่ซื่อสัตย์ อย่างเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าในใจคุณเอง อาจเจ็บปวด พัง รู้สึกถูกทรยศหักหลัง รู้สึก fail มากแค่ไหน
แต่คุณก็ยังรวบรวมความเข้มแข็งที่มีและ ออกมาจากวังวนจุดนั้น
ทีนี้มาเรื่องพ่อแม่คุณ
อย่างแรก ไม่มีใครสามารถบังคับจิตใจหรือมากำหนดเส้นทางเดินชีวิตเราได้
เราเป็นผู้เลือกอนาคต ข้างหน้า ด้วยตัวเราเอง
(เหมือนอย่างที่คุณเคยเลือกมีเขาเป็นสามี และเลือกที่จะตัดเขาออกไปจากชีวิต)
ถ้าเท่าที่คุณเล่า แม่ของคุณต้องการรอสินสอด ซึ่งฝั่งผู้ชายก็ยังไม่ได้ให้และบ่ายเบี่ยงมาตลอด
และจากที่คุณเคยคุยกับแม่แล้วว่า ความทุกข์ในใจคุณมันมีมากกว่า...
แต่แม่คุณยังยืนยันคำเดิม งั้นคุณคงต้องนิ่งไว้ ไม่ต้องหยิบยกเรื่องนี้มาพูดอีก
นานวันไป พ่อกับแม่คุณคงเห็นเองว่า ...สุดท้ายแล้ว จะไปเอาอะไรกับคนไม่จริงใจคนนึง
อยู่ในความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา ยังหลอกลวง
แล้วอยู่ในสังคม หรือที่ไหนๆ จะเป็นคนตรงไปตรงมากับคำพูดหรือการกระทำได้อย่างไร
ยังดีที่พ่อคุณพูดว่า ..."แค่ลูกหลุดพ้นจากความทุกข์พ่อก็ดีใจแล้ว"
อย่างน้อย ประโยคนี้สัมผัสได้ถึงความรักและความเป็นห่วงคุณอยู่
ตอนนี้ คุณคงต้องปล่อยให้เวลามันทำหน้าที่ของมันไป
สักวัน ทุกคนจะค่อยๆเข้าใจคุณเอง
อีกอย่าง เรื่องอื่นใดคงไม่สำคัญเท่าการเยียวยาความรู้สึกของตัวเอง
(ใครจะมาแสดงตัวอะไร พวกเขาจะเป็นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับชีวิตคุณแล้ว
ปล่อยให้คนผิดศีลธรรม เขาไปคบกันไกลๆ)
อย่าจมอยู่กับความ 'อะไรก็ไม่รู้' ที่คนอื่นเขามาทำให้จิตใจคุณย่ำแย่
(สามี เลิกกันแล้ว ก็เป็นคนอื่น ..เคยได้ยินจากพี่อ้อยพี่ฉอดใน club friday)
คนเรา ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่มีใคร perfect
เราคือมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถผิดพลาดได้ แต่สำคัญคือ ผิดแล้วต้องแก้ไข
คิดเสียว่า มันคือบทเรียนช่วงหนึ่งของชีวิต
การเลือกคู่ชีวิต จริงอยู่ เราเป็นคนเลือกเอง
แต่การแยกกัน หรือ เลิกรากัน มันก็เราเลือกเองเช่นกัน
คนทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเอง และเหตุผลของแต่ละคนก็แตกต่างกัน
ถ้าเราเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ ก็อย่ากลัวที่จะก้าวเดินไปต่อ
ที่ใดทำให้เราเป็นทุกข์ ก็ลุกออกมา
และอย่าเอามันมาสร้างบาดแผลในใจให้กับตัวเอง อย่าอนุญาตให้มันวนเวียนอยู่กับความคิดเรา
จบแล้วจบไป เริ่มต้นชีวิตใหม่ ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว
มีความสุขกับสิ่งที่ทำ และจงภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น
บางครั้ง ชีวิตคนเรามันก็แค่เจอมรสุม แต่ฟ้าหลังฝนยังคงสวยงามเสมอ
คุณจะผ่านมันไปได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
ป.ล. เห็นกระทู้คุณตั้งแต่วันก่อน เพิ่งมีเวลาได้เข้ามาตอบค่ะ
บางที คนที่คบมานาน เรายังไม่รู้ธาตุแท้ตัวตนที่แท้จริง ...ก็มี
หรือ คนที่อยู่ด้วยกัน กลับเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นที่เราอาจไม่เคยรู้จัก
หรือ ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปเป็นได้ขนาดนี้ ...ก็มี
คุณคบกันมา 10 ปี และตัดสินใจแต่งงานกัน
สุดท้าย ชีวิตคู่มันไม่ได้ราบรื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สิ่งนี้ มันไม่ได้หมายความว่า 'มันคือความผิดของคุณที่เลือกผู้ชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต'
เพราะในบริบทความสัมพันธ์นี้ ...วันหนึ่ง หลังแต่งงาน เขานอกใจไปมีคนอื่น
จากที่คุณเล่า ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่มีวี่แววเรื่องชู้สาว (หรือคุณอาจจับไม่ได้?)
และแค่เพียงเหตุผลข้อนี้ข้อเดียว ก็เพียงพอต่อการ จบความสัมพันธ์
มันดีแล้ว ที่คุณเด็ดเดี่ยวและจบความสัมพันธ์กับคนไม่ซื่อสัตย์ อย่างเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าในใจคุณเอง อาจเจ็บปวด พัง รู้สึกถูกทรยศหักหลัง รู้สึก fail มากแค่ไหน
แต่คุณก็ยังรวบรวมความเข้มแข็งที่มีและ ออกมาจากวังวนจุดนั้น
ทีนี้มาเรื่องพ่อแม่คุณ
อย่างแรก ไม่มีใครสามารถบังคับจิตใจหรือมากำหนดเส้นทางเดินชีวิตเราได้
เราเป็นผู้เลือกอนาคต ข้างหน้า ด้วยตัวเราเอง
(เหมือนอย่างที่คุณเคยเลือกมีเขาเป็นสามี และเลือกที่จะตัดเขาออกไปจากชีวิต)
ถ้าเท่าที่คุณเล่า แม่ของคุณต้องการรอสินสอด ซึ่งฝั่งผู้ชายก็ยังไม่ได้ให้และบ่ายเบี่ยงมาตลอด
และจากที่คุณเคยคุยกับแม่แล้วว่า ความทุกข์ในใจคุณมันมีมากกว่า...
แต่แม่คุณยังยืนยันคำเดิม งั้นคุณคงต้องนิ่งไว้ ไม่ต้องหยิบยกเรื่องนี้มาพูดอีก
นานวันไป พ่อกับแม่คุณคงเห็นเองว่า ...สุดท้ายแล้ว จะไปเอาอะไรกับคนไม่จริงใจคนนึง
อยู่ในความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา ยังหลอกลวง
แล้วอยู่ในสังคม หรือที่ไหนๆ จะเป็นคนตรงไปตรงมากับคำพูดหรือการกระทำได้อย่างไร
ยังดีที่พ่อคุณพูดว่า ..."แค่ลูกหลุดพ้นจากความทุกข์พ่อก็ดีใจแล้ว"
อย่างน้อย ประโยคนี้สัมผัสได้ถึงความรักและความเป็นห่วงคุณอยู่
ตอนนี้ คุณคงต้องปล่อยให้เวลามันทำหน้าที่ของมันไป
สักวัน ทุกคนจะค่อยๆเข้าใจคุณเอง
อีกอย่าง เรื่องอื่นใดคงไม่สำคัญเท่าการเยียวยาความรู้สึกของตัวเอง
(ใครจะมาแสดงตัวอะไร พวกเขาจะเป็นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับชีวิตคุณแล้ว
ปล่อยให้คนผิดศีลธรรม เขาไปคบกันไกลๆ)
อย่าจมอยู่กับความ 'อะไรก็ไม่รู้' ที่คนอื่นเขามาทำให้จิตใจคุณย่ำแย่
(สามี เลิกกันแล้ว ก็เป็นคนอื่น ..เคยได้ยินจากพี่อ้อยพี่ฉอดใน club friday)
คนเรา ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่มีใคร perfect
เราคือมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถผิดพลาดได้ แต่สำคัญคือ ผิดแล้วต้องแก้ไข
คิดเสียว่า มันคือบทเรียนช่วงหนึ่งของชีวิต
การเลือกคู่ชีวิต จริงอยู่ เราเป็นคนเลือกเอง
แต่การแยกกัน หรือ เลิกรากัน มันก็เราเลือกเองเช่นกัน
คนทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเอง และเหตุผลของแต่ละคนก็แตกต่างกัน
ถ้าเราเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ ก็อย่ากลัวที่จะก้าวเดินไปต่อ
ที่ใดทำให้เราเป็นทุกข์ ก็ลุกออกมา
และอย่าเอามันมาสร้างบาดแผลในใจให้กับตัวเอง อย่าอนุญาตให้มันวนเวียนอยู่กับความคิดเรา
จบแล้วจบไป เริ่มต้นชีวิตใหม่ ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว
มีความสุขกับสิ่งที่ทำ และจงภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น
บางครั้ง ชีวิตคนเรามันก็แค่เจอมรสุม แต่ฟ้าหลังฝนยังคงสวยงามเสมอ
คุณจะผ่านมันไปได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
ป.ล. เห็นกระทู้คุณตั้งแต่วันก่อน เพิ่งมีเวลาได้เข้ามาตอบค่ะ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
จะจัดการความรู้สึกแย่ยังไงดี กับสิ่งที่ตัวเองเลือกกับอะไรที่มันดีที่สุดในตัวเราแล้ว
เราแต่งงานกันด้วยสัญญาใจ พ่อแม่รับรู้และเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเสนอเอง ทำพิธีตามศาสนาที่ถูก สินสอดยังไม่ได้เพราะตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่ายกสินสอดมาให้ในตอนที่โควิดซาลงและจัดงานเลี้ยงกัน ซึ่งเป็นเวลา 1 ปีที่เฝ้ารอและในระยะเวลา 1 ปี พ่อแม่เราต้องการให้เราจดทะเบียนสมรสกัน เหตุเพราะสามีรับราชการจะได้สิทธิ์ค่ารักษาฟรี ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่พ่อแม่ต้องการ แต่แล้วทุกอย่างมันก็พัง
เพราะสามีมีคนอื่น (ซึ่งต้องบอกก่อนว่า เวลา 10 ปีเขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเลยค่ะ แทบจะไม่มีวี่แววเลย)
ระยะเวลา 10 ปีที่เป็นแฟนกัน และ 1 ปีที่เป็นสามีภรรยากัน ทุกอย่างพังไปหมด ความรู้สึกที่พังยับเยิน พ่อแม่สองฝ่ายรับรู้และพยายามให้เรายังเป็นครอบครัวกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เพราะเราทนไม่ไหวกับสิ่งที่ต้องเจอ สิ่งที่ต้องรับรู้เรื่องผู้หญิงที่สามีไปยุ่ง ผู้หญิงพยายามแสดงตัวมาตลอด สิ่งที่ต้องโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวแบบไร้เยื้อใยจากสามี มันทรมานจนคิดว่า พอแล้ว เราทรมานตัวเองจนเกินไปแล้ว จึงบอกกับพ่อแม่เราทั้งสองฝ่ายว่า เราขอหย่า ยุติทุกอย่างให้หมด ทั้งเรื่องงานแต่งงาน เรื่องสินสอด ซึ่งกลายเป็นว่าพ่อแม่เราไม่ยอม ให้หย่ากันได้แต่สินสอดฝั่งสามีเราต้องได้ เพราะตกลงกันไว้แล้ว ซึ่งทางนั้นก็รับปากว่าจะให้มาตลอด จนถึงตอนนี้ผ่านมาแล้ว 2 ปีรวมกับระยะเวลาที่แต่งงานด้วยสัญญาใจ เราไม่ได้สินสอดจากทางบ้านฝ่ายชายด้วยการโดนบ่ายเบี่ยงมาตลอด
จนเราถอดใจและบอกแม่ว่า ไม่ต้องรอแล้ว เราเหนื่อยกับเรื่องนี้มาก เราอยากหลุดพ้นจากปัญหาตรงนี้มากๆ แต่สิ่งที่โดนตอกย้ำจากครอบครัวเรามาตลอดคือ มันคือความผิดเราที่เลือกผู้ชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต และเราโดนพูดแบบนี้มาตลอดทุกครั้งที่มีโอกาสในช่วงที่ต้องกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา เลยทำให้เราปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียว
เพราะเราทนรับฟังแบบนี้ไม่ไหวแล้ว แน่นอนว่าลึกๆเราโทษตัวเองเสมอว่า เราตัดสินใจพลาดเอง เราตัดสินใจพลาดที่จะแต่งงาน และทุกครั้งที่มีใครแต่งงาน เราก็จะย้อนกลับมามองเรื่องตัวเองเสมอ มันเป็นแผลในใจเราไปตลอดเลยก็ว่าได้ แต่พอสิ่งที่เราเลือกคือเอาความรู้สึกตัวเองไว้ก่อน กลับเป็นเราเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่ทำให้ครอบครัวเจอปัญหาไปด้วย
เราควรทำไงดีคะ เราควรจะพูดกับครอบครัวดีไหมว่าเราไม่มีความสุขกับสิ่งที่เจอตอนนี้เลย หรือเราควรเงียบไปแบบนี้เรื่อยๆดีคะ