เอาจริงๆ มันก็เหมือนเป็นโมเดลการตลาดที่รู้สึกว่า แย่ มาตั้งแต่สมัย BNK แล้วแหล่ะ
แต่มันก็ทำเงินได้กับคนที่รักตัวบุคคลแหล่ะนะ
เรารู้สึกว่ามันเป็นโมเดลการตลาดที่ เอาเปรียบผู้บริโภคและแฟนคลับ เยอะประมาณนึง
แล้วส่วนมากเค้าจะไม่ค่อยทำกัน (ในความรู้สึกเรา)
มันเหมือนเป็นการสร้าง Demand ขึ้นมา (ซึ่งก็ถูกในทางการตลาด) แต่แบบในภาวะศก.
แบบนี้มันให้ฟีล รีดเลือดจนหยดสุดท้าย จากแฟนคลับ ยังไงไม่รู้
คือจริงๆ Product จำพวกนี้มันควรมี Complete pack มาให้ตัดสินใจกดให้มันจบๆไปเนอะ
ไม่รู้ต้องสั่งเท่าไรมันถึงจะ Complete จริง ได้ครบจริง
หรือต้องไปดีลกับพ่อค้าแม่ค้ากี่รอบ
คือเอาจริงๆ มันดูร้อนเงิน และดูไม่จริงใจ แบบมากๆ ยังไงไม่รู้
แต่ก็ร้อนเงินแหล่ะ ว่าไม่ได้
คือแค่รู้สึกว่า
- อย่างของหนังสือ ก็จะเกิด 2-copies ที่ซ้ำเป๊ะๆ (เพื่อให้ได้ 3 ปก / โปสการ์ด 25 แบบ)
- อย่างของ Mini Photobook จะเกิด 17เล่ม+17แผ่น+17โปสเตอร์ที่ ซ้ำแน่ๆ (เพื่อให้ได้ Postcard 18 แบบ)
คือแล้วมันเป็น Duplicated Copies ที่แบบ มีทำไม อยู่ (อย่างหนังสือ เอาไว้แจกก็ว่าได้ แต่แผ่นกับมินิฟตบ. นี่คือยังไง)
ผมเชื่อว่างานอื่นๆก็จะออกมาในทำนองนี้แหล่ะไม่ต่างกัน จะอีกกี่งานก็ช่าง
----------
เพิ่มเติม สักหน่อย
คือผมมองว่า สำหรับพวก อัลบั้ม ที่มันมีเม็มเยอะระดับ 50++ การสุ่มมันทำให้พิมพ์ทุกเม็มเท่ากัน แล้วคละไปได้อ่ะ อันนี้เข้าใจ (คือกลุ่มแฟนคลับกระจายกัน เกิดการเดินทาง การแลกเปลี่ยน หรืออะไรสักอย่าง) ซึ่งผมว่ามันก็โอเค
แต่พอเป็นงานที่ย่อยลงมา เช่น ยูนิต 3 คน / ยูนิต 6 คน / โซโล่โปรเจค อ่ะ ผมรู้สึกว่า มันคือการตัดกลุ่มแฟนคลับออกมาแล้ว (คือคนที่เป็นคามิ และคนที่โอชิหลายคน แต่มีสมาชิกในนั้น) ในกลุ่มแฟนคลับกลุ่มย่อยๆที่ต้องแบกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเนี่ย ผมว่าการสุ่ม มันดู "สุ่มเรี่ยราด สุ่มไปเรื่อย" เกินไป คืองานระดับนี้ แทนที่จะบวกมาร์จิ้นไปในนั้น ก็บวกมาร์จิ้นแบบคอมพลีตไว้ในงานตัวหลักไปเลย แล้วอัพราคาไป มันก็ดูจะจบอ่ะ คือรู้สึกได้ว่า ซื้อแล้วจบ ไม่ใช่ซื้อแล้วจะสุ่มออกมาได้ครบป่ะวะ หรือต้องแลกกันอีก
แล้วพอมันเป็นทรงนี้ ความอยากซื้อมันหายไปตั้งแต่แรกเลย
เข้าใจ แต่ก็รู้สึกว่า ร้อนเงินเกินไปนิด ... แต่ก็เข้าใจ ... ว่าแต่อยู่ในสภาพนี้เมื่อไรจะเลิกสุ่มมันทุกเรื่องสักที
แต่มันก็ทำเงินได้กับคนที่รักตัวบุคคลแหล่ะนะ
เรารู้สึกว่ามันเป็นโมเดลการตลาดที่ เอาเปรียบผู้บริโภคและแฟนคลับ เยอะประมาณนึง
แล้วส่วนมากเค้าจะไม่ค่อยทำกัน (ในความรู้สึกเรา)
มันเหมือนเป็นการสร้าง Demand ขึ้นมา (ซึ่งก็ถูกในทางการตลาด) แต่แบบในภาวะศก.
แบบนี้มันให้ฟีล รีดเลือดจนหยดสุดท้าย จากแฟนคลับ ยังไงไม่รู้
คือจริงๆ Product จำพวกนี้มันควรมี Complete pack มาให้ตัดสินใจกดให้มันจบๆไปเนอะ
ไม่รู้ต้องสั่งเท่าไรมันถึงจะ Complete จริง ได้ครบจริง
หรือต้องไปดีลกับพ่อค้าแม่ค้ากี่รอบ
คือเอาจริงๆ มันดูร้อนเงิน และดูไม่จริงใจ แบบมากๆ ยังไงไม่รู้
แต่ก็ร้อนเงินแหล่ะ ว่าไม่ได้
คือแค่รู้สึกว่า
- อย่างของหนังสือ ก็จะเกิด 2-copies ที่ซ้ำเป๊ะๆ (เพื่อให้ได้ 3 ปก / โปสการ์ด 25 แบบ)
- อย่างของ Mini Photobook จะเกิด 17เล่ม+17แผ่น+17โปสเตอร์ที่ ซ้ำแน่ๆ (เพื่อให้ได้ Postcard 18 แบบ)
คือแล้วมันเป็น Duplicated Copies ที่แบบ มีทำไม อยู่ (อย่างหนังสือ เอาไว้แจกก็ว่าได้ แต่แผ่นกับมินิฟตบ. นี่คือยังไง)
ผมเชื่อว่างานอื่นๆก็จะออกมาในทำนองนี้แหล่ะไม่ต่างกัน จะอีกกี่งานก็ช่าง
----------
เพิ่มเติม สักหน่อย
คือผมมองว่า สำหรับพวก อัลบั้ม ที่มันมีเม็มเยอะระดับ 50++ การสุ่มมันทำให้พิมพ์ทุกเม็มเท่ากัน แล้วคละไปได้อ่ะ อันนี้เข้าใจ (คือกลุ่มแฟนคลับกระจายกัน เกิดการเดินทาง การแลกเปลี่ยน หรืออะไรสักอย่าง) ซึ่งผมว่ามันก็โอเค
แต่พอเป็นงานที่ย่อยลงมา เช่น ยูนิต 3 คน / ยูนิต 6 คน / โซโล่โปรเจค อ่ะ ผมรู้สึกว่า มันคือการตัดกลุ่มแฟนคลับออกมาแล้ว (คือคนที่เป็นคามิ และคนที่โอชิหลายคน แต่มีสมาชิกในนั้น) ในกลุ่มแฟนคลับกลุ่มย่อยๆที่ต้องแบกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเนี่ย ผมว่าการสุ่ม มันดู "สุ่มเรี่ยราด สุ่มไปเรื่อย" เกินไป คืองานระดับนี้ แทนที่จะบวกมาร์จิ้นไปในนั้น ก็บวกมาร์จิ้นแบบคอมพลีตไว้ในงานตัวหลักไปเลย แล้วอัพราคาไป มันก็ดูจะจบอ่ะ คือรู้สึกได้ว่า ซื้อแล้วจบ ไม่ใช่ซื้อแล้วจะสุ่มออกมาได้ครบป่ะวะ หรือต้องแลกกันอีก
แล้วพอมันเป็นทรงนี้ ความอยากซื้อมันหายไปตั้งแต่แรกเลย