ยอดป่วยโควิดรายวัน วันนี้พบ 823 ราย เสียชีวิต 7 ราย
วันที่ 1 ต.ค..2565 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้จำนวน 823 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยในประเทศ 823 ราย มาจากต่างประเทศ 0 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 มีจำนวน 2,458,697 ราย หายป่วยกลับบ้าน 811 ราย ทำให้ยอดหายป่วยสะสม ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 มีจำนวน 2,474,400 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 6,467 ราย และเสียชีวิต 7 ราย รวมเสียชีวิตสะสมตั้งแต่ ปี 2563-ปัจจุบัน จำนวน 32,744 ราย
https://siamrath.co.th/n/387244
กรมประชาฯ รับไม้ต่อ ศบค. ดูแลเพจศูนย์ข้อมูล COVID-19 ปรับภารกิจรับโรคติดต่อเฝ้าระวัง
กรมประชาสัมพันธ์ดูแลเพจ "ศูนย์ข้อมูล COVID-19" หลังยุบ ศบค. พร้อมปรับภารกิจการประชาสัมพันธ์เป็นการเผยแพร่ข้อมูลโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ขณะที่ตัวเลขสถิติผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 2.4 ล้านราย นับตั้งแต่ปี 63 รวม 4.6 ล้านราย เสียชีวิตปีนี้ 1.1 หมื่นราย สะสมตั้งแต่ปี 63 รวม 3.2 หมื่นราย
วันนี้ (1 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 23 ก.ย. มีมติยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 24 มี.ค. 2563 และขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฯ คราวที่ 19 ลงวันที่ 27 ก.ค. 2565 รวมทั้งข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งที่นายกรัฐมนตรีและ ครม.ใช้อำนาจประกาศฉุกเฉินทั้งหมด มีผลวันที่ 30 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป ถือเป็นการสิ้นสุดบทบาทของ ศบค. ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศ 2 ฉบับ ให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันนี้ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เฟซบุ๊กเพจ "ศูนย์ข้อมูล COVID-19" ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีผู้ติดตาม 1,494,617 ราย และกดถูกใจ 94,266 ราย ได้เปลี่ยนภาพโปร์ไฟล์และหน้าปก (Cover) ใหม่ ระบุว่า "ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 กรมประชาสัมพันธ์" โดยได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในภาพรวมทั่วโลก มีแนวโน้มที่ดีขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่และแนวโน้มของผู้เสียชีวิตลดลง ศบค. จึงเห็นควรให้พิจารณายกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มี.ค. 2563 และการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 19) ลงวันที่ 27 ก.ค. 2565
รวมทั้งบรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่ง ที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้อำนาจแห่งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด โดยให้มีผลในวันที่ 30 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ปรับภารกิจการประชาสัมพันธ์เป็นการเผยแพร่ข้อมูลโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เริ่ม 1 ต.ค. 2565
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000094175
พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่มอีก 2 รายที่ภูเก็ต เป็นหญิงไทย-ชายเยอรมัน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช ตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร 2 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยัน รายที่ 9 และรายที่ 10 ในภูเก็ต ประวัติพบว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน โดยผู้ป่วยยืนยันรายที่ 9 เป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 37 ปี อาชีพ พนักงานบริการ เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2565 มีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว วันที่ 17 ก.ย. 2565 ผู้ป่วยซื้อยารับประทานเอง ต่อมา เริ่มมีผื่นที่บริเวณก้น มีผื่นตุ่มหลายประเภท ทั้งตุ่มน้ำใส ตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง ทั่วร่างกาย ไม่คัน แต่เจ็บบริเวณที่เป็นตุ่ม จนถึงวันที่ 25 ก.ย. 2565 ขณะที่มีอาการป่วยในวันที่ 17 ก.ย.ให้ประวัติว่าได้สัมผัสใกล้ชิดกับชายชาวเยอรมัน อายุ 54 ปี ซึ่งต่อมาเริ่มมีอาการผื่นและตุ่มหนองที่บริเวณหน้าอก ในวันที่ 27 ก.ย.โดยไปรับการรักษาที่ รพ.แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต และแพทย์ซักประวัติผู้ป่วยได้ข้อมูลว่า ไม่ได้สัมผัสผู้ป่วยที่มีผื่นหรือตุ่มที่ผิวหนัง และไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ในช่วง 21 วัน ก่อนป่วย แต่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดชาวต่างชาติ แพทย์วินิจฉัยว่าสงสัยเป็นโรคฝีดาษวานร ส่งตัวอย่างตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเชื้อ วันที่ 26 ก.ย. 2565 ผลตรวจ PCR พบเชื้อ Monkeypox virus
“กรมควบคุมโรคส่งทีมปฏิบัติการสอบสวนโรคจากกองระบาดวิทยา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และ รพ.ในพื้นที่ดำเนินการสอบสวนโรคตั้งแต่วันที่ 27 – 30 ก.ย. 2565 ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จนพบชาวเยอรมนี เป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 10 จากผลการตรวจ PCR ข้อมูลการสอบสวนพบว่าติดเชื้อผ่านการสัมผัสใกล้ชิด”
https://siamrath.co.th/n/387253
ติดตามข่าวโควิดที่เป็นโรคเฝ้าระวังกันต่อค่ะ....
🇹🇭💜มาลาริน💜🇹🇭1ต.ค.กรมประชาฯรับไม้ต่อ ศบค. ดูแลเพจศูนย์ข้อมูล COVID-19/ป่วย823คน หาย811คน ตาย7คน/พบผู้ป่วยฝีดาษลิง
วันที่ 1 ต.ค..2565 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้จำนวน 823 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยในประเทศ 823 ราย มาจากต่างประเทศ 0 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 มีจำนวน 2,458,697 ราย หายป่วยกลับบ้าน 811 ราย ทำให้ยอดหายป่วยสะสม ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 มีจำนวน 2,474,400 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 6,467 ราย และเสียชีวิต 7 ราย รวมเสียชีวิตสะสมตั้งแต่ ปี 2563-ปัจจุบัน จำนวน 32,744 ราย
https://siamrath.co.th/n/387244
กรมประชาฯ รับไม้ต่อ ศบค. ดูแลเพจศูนย์ข้อมูล COVID-19 ปรับภารกิจรับโรคติดต่อเฝ้าระวัง
กรมประชาสัมพันธ์ดูแลเพจ "ศูนย์ข้อมูล COVID-19" หลังยุบ ศบค. พร้อมปรับภารกิจการประชาสัมพันธ์เป็นการเผยแพร่ข้อมูลโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ขณะที่ตัวเลขสถิติผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 2.4 ล้านราย นับตั้งแต่ปี 63 รวม 4.6 ล้านราย เสียชีวิตปีนี้ 1.1 หมื่นราย สะสมตั้งแต่ปี 63 รวม 3.2 หมื่นราย
วันนี้ (1 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 23 ก.ย. มีมติยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 24 มี.ค. 2563 และขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฯ คราวที่ 19 ลงวันที่ 27 ก.ค. 2565 รวมทั้งข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งที่นายกรัฐมนตรีและ ครม.ใช้อำนาจประกาศฉุกเฉินทั้งหมด มีผลวันที่ 30 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป ถือเป็นการสิ้นสุดบทบาทของ ศบค. ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศ 2 ฉบับ ให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันนี้ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เฟซบุ๊กเพจ "ศูนย์ข้อมูล COVID-19" ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีผู้ติดตาม 1,494,617 ราย และกดถูกใจ 94,266 ราย ได้เปลี่ยนภาพโปร์ไฟล์และหน้าปก (Cover) ใหม่ ระบุว่า "ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 กรมประชาสัมพันธ์" โดยได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในภาพรวมทั่วโลก มีแนวโน้มที่ดีขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่และแนวโน้มของผู้เสียชีวิตลดลง ศบค. จึงเห็นควรให้พิจารณายกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มี.ค. 2563 และการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 19) ลงวันที่ 27 ก.ค. 2565
รวมทั้งบรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่ง ที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้อำนาจแห่งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด โดยให้มีผลในวันที่ 30 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ปรับภารกิจการประชาสัมพันธ์เป็นการเผยแพร่ข้อมูลโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เริ่ม 1 ต.ค. 2565
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000094175
พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่มอีก 2 รายที่ภูเก็ต เป็นหญิงไทย-ชายเยอรมัน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช ตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร 2 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยัน รายที่ 9 และรายที่ 10 ในภูเก็ต ประวัติพบว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน โดยผู้ป่วยยืนยันรายที่ 9 เป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 37 ปี อาชีพ พนักงานบริการ เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2565 มีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว วันที่ 17 ก.ย. 2565 ผู้ป่วยซื้อยารับประทานเอง ต่อมา เริ่มมีผื่นที่บริเวณก้น มีผื่นตุ่มหลายประเภท ทั้งตุ่มน้ำใส ตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง ทั่วร่างกาย ไม่คัน แต่เจ็บบริเวณที่เป็นตุ่ม จนถึงวันที่ 25 ก.ย. 2565 ขณะที่มีอาการป่วยในวันที่ 17 ก.ย.ให้ประวัติว่าได้สัมผัสใกล้ชิดกับชายชาวเยอรมัน อายุ 54 ปี ซึ่งต่อมาเริ่มมีอาการผื่นและตุ่มหนองที่บริเวณหน้าอก ในวันที่ 27 ก.ย.โดยไปรับการรักษาที่ รพ.แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต และแพทย์ซักประวัติผู้ป่วยได้ข้อมูลว่า ไม่ได้สัมผัสผู้ป่วยที่มีผื่นหรือตุ่มที่ผิวหนัง และไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ในช่วง 21 วัน ก่อนป่วย แต่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดชาวต่างชาติ แพทย์วินิจฉัยว่าสงสัยเป็นโรคฝีดาษวานร ส่งตัวอย่างตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเชื้อ วันที่ 26 ก.ย. 2565 ผลตรวจ PCR พบเชื้อ Monkeypox virus
“กรมควบคุมโรคส่งทีมปฏิบัติการสอบสวนโรคจากกองระบาดวิทยา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และ รพ.ในพื้นที่ดำเนินการสอบสวนโรคตั้งแต่วันที่ 27 – 30 ก.ย. 2565 ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จนพบชาวเยอรมนี เป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 10 จากผลการตรวจ PCR ข้อมูลการสอบสวนพบว่าติดเชื้อผ่านการสัมผัสใกล้ชิด”
https://siamrath.co.th/n/387253
ติดตามข่าวโควิดที่เป็นโรคเฝ้าระวังกันต่อค่ะ....