แชร์ประสบการณ์ การรับบริการ จาก ยามาฮ่า มอเตอร์ ประเทศไทย ในการเยียวยา และ รับผิดชอบ ตัวรถ และ ความรู้สึก ลูกค้า

เรื่องยาวหน่อย แต่เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจความรู้สึกของผู้บริโภคอย่างผม จึงจำเป็นต้องเล่า ตั้งแต่ ต้น นะครับ 

เดิมทีผมได้มีโอกาสขับรถใช้งานของบริษัท เป็น ยามาฮ่า สปาร์ค 115I ครั้งแรกที่ขับ ผมก็เกิดความประทับใจ และ คิดแล้วว่า รถโซ่เราต้องซื้อ ยามาฮ่า รุ่นนี้ 
แต่พอไปดูตามโชว์รูมที่เค้าขาย รุ่นนี้ ไม่ได้ลิตมาขายแล้ว แต่เป็น ตัวใหม่ ยามาฮ่า Finn แต่ไม่เป็นไร ผมก็ไปซื้อ สปาร์ค มือสอง มา ในราคา 14000 บาท ลงทุนขับ Zoommer X จาก น่าน ไป ม่วงเหล็ก สระบุรี เพื่อไปรับ สปาร์คมาอีกคัน แล้ว จ้างรถขนส่งกระบะ คอก เพื่อบรรทุก 2 คัน มุ่งหน้าไป จันทบุรี 

พอมาถึง สรุปรถที่ซื้อมือสองมาจากม่วงเหล็ก สตาร์คไม่ติด ผมคิดว่า รถน่าจะปล่อยไว้นานไม่ได้ อุ่นเครื่อง ที่ไหนได้ ผมต้องเามาซ่อม ทั้ง หัวเทียน เปลี่ยนบ่าวาว ทำหมดไปครั้งแรกอีก 1290 สุดท้ายไม่จบ ไปทำอีกร้าน เปลี่ยนแบต อีก 600 ไม่จบรถยังดับอยู่ คราวนี้ ไปร้านที่ดูมีมาตราฐานขึ้นมาอีก โดนไปอีก 2200 บาท รถก็ยังอืด ก็เลย เข้าศูนย์เลย โดนไปอีก 5000 บาท รถติดดีแล้ว เบ็ดเสร็จ รถซื้อ 14000 ซ่อมรวมทั้งหมดที่ทำมา ช่าง 8 คน โดนไป 12000 บาท สุดท้าย ตัดสินใจขายให้คนลาไป 14000 บาท เท่าราคาที่ซื้อมา

คราวนี้ผมก็ยังเชื่อมั่นยามาฮ่าอีก ก็เลย ไปออก ยามาฮ่า ฟิน มือ 1 มาเลย จากศูนย์ จันทบุรี ซื้อตั้งแต่ วันที่ 1 มีค 65 มาวันนี้ รถผมไมค์อยู่ที่ 2665 กม เพราะไม่ค่อยได้ขับ ได้งานใหม่ บริษัทมีมอไซค์ให้ขับเป็น เวฟตัวใหม่ เลยขับแต่เวฟ พอย้ายงาน ถึงค่อยมาขับรถตัวเอง 

ผมจึงต้องขับรถผมย้ายมาทำงานที่ ฉะเชิงเทรา และปัจจุบัน ลงมาที่ กรุงเทพ

และผมรับรู้ได้ว่า รถผมมาอาการโซ่ดังไม่ใช่โซ่ถูกกับบังโคลนนะครับ แต่เป็นเสียงเวลาโซ่หมุนไปกับสเตอร์แล้วเกิดเสียงออกมา รวมถึง พอรถใกล้ถึงไฟแดง เราจะมีการทดเกียร์ลงมา เพื่อออกตัว กดเกียร์ลง แต่เกียร์ไม่ลงให้ ผมเลยคิดว่าจะไปหาที่ศูนย์ไหนดี 

ตอนแรกผมไปที่ศูนย์ยามาฮ่า พระราม 4 เพราะใกล้กับหอพักผม และผมก็ไม่อยากขับไปไกล เพราะไม่เคยขับรถในกรุงเทพ สรุป ช่างไม่แม้แต่จะมาลองขับรถผมเพื่อดูาการอะไรเลย ผมก็เลยไปต่อที่ศูนย์ พระราม 1 ปรากฎช่างพระราม 1 ดูให้ แต่เค้าไม่ได้ลองขับ ผมบอกเค้าว่าเกียร์กดไม่ลง และ โซ่ดัง

แต่พอเค้าทำเสร็จให้ผมมาขับ ผมก็ยังไม่รู้อะไร เพราะรถเครื่องยังร้อน อีกวันถัดมา ผมจะขับรถไปทำงาน อาการเดิมจากที่เล่ามายังอยู่
เพิ่มขึ้นมาอีกคือ รถผมเกียร์ 1-4 ขับได้ไม่เกิน 60 กม. ผมงงมาก เพราะรถเร่งไม่ขึ้น เลย ผมเครียดมาก เพราะรถผมพึ่งซื้อ มาเจอแบบนี้ ผมเลยโทรไปเล่าอาการรถทีได้มาทำให้ ศูนย์นั้น ฟัง พนักงานผู้หญิงบอกว่า รถไม่ได้แกะไม่ได้เปลี่ยนอะไร มันจะเสียได้ไง และ เหมือนหัวเราะเยาะผมเบา ๆ

ผมก็งงว่า ก็รถผมไปทำร้านเค้ามาเมื่อวาน แล้วมันก็เป็นแบบนี้ มีรูปด้วย และรถขับไม่ดีเหมือนเดิม ไม่เรียกว่าเสียจะเรียกว่าอะไร 

ผมก็เลยไม่ได้ไปที่ศูนย์นั้นเพื่อให้เค้าแก้ให้ เพราะรู้สึกว่า ไม่ไว้ใจช่าง จึงไปที่ศูนย์พระราม 3 ช่างเค้าก็ทำให้ดีขึ้น แต่ที่พีกคือ ช่างเค้าบอกว่า รถผมล้อหลังขันไม่แน่น แต่ดีที่ยังมีตัวล็อคล้อ ล้อเลยไม่หลุด ผมไม่เข้าใจทำไมช่างศูนย์แบบนี้ ถึงทำงานสะเพร่ามากขนาดนี้ มันเกี่ยวกับชีวิต เลยนะ

พอมาทำที่พระราม 3 รถจากที่ขับได้ 100 เหลือ 80 และ รถ ก็ตื่อไปเลย เร่งไม่ออกอีก พอผมหยุดเสาร์ อาทิตย์ ผมตัดสินใจ เวลาตี 1 วันศุกร์ขับรถจาก  กรุงเทพ ไป จันทบุรี ไปหาร้านที่ผมซื้อ เพื่อให้เค้าทำให้

สรุป ช่างใหญ่ของร้านก็ทำให้ แต่รถผมก็ไม่กลับมาเหมือนเดิม ทั้งตื่อ และ อืด ผมจึงโทรไปที่ ยามาฮ่า สำนักงานใหญ่

สรุปเค้าให้ผมไปหาที่ศูนย์ศรีนครินทร์ ยามาฮ่า พรีเมียร์ ที่เป็นช่าง ยามาฮ่า โดยตรง ผมก็ไป และ ช่างเค้าก็จูนปรับตั้งครัชให้ใหม่ สุดท้าย รถก็เหมือนเดิม อืด ตื่อ ตั้งแต่ เกียร์ 2 ก่อนที่ช่างเค้าจะจูน เค้าบอกว่า มันต้องเปลี่ยนเสื้อครัช และ แผ่นครัชอะไรไม่รู้นะ แต่มันต้องแกะรถผมออกมา 

ความรู้สึกผมนะ รถผมไปทำศูนย์พระราม 1 วันที่ 6 สค.ไมค์ 1800 กม ตอนนี้ 2665 ยังไม่ถึง 1 พันโลเลย ตั้งแต่ไปทำมา และ รถใหม่ ๆ ผมต้องมาแกะอะไรแบบนี้ จากความไม่มีประสิทธิภาพของช่างแค่ คนเดียว ดูจากการสั่งงานลูกน้องก็ช่างใหญ่ของศูนย์นั้นด้วย และรถคันนี้ผมก็จัดไฟแนนซ์มา รวมดอก ก็ล่อไป 82000 แล้ว แล้วผมทำไมมาซวย เจอเรื่องแบบนี้ ครับ ไม่รู้พูดยังไง มันเจ็บปวด ครับ เจ็บปวดที่ผมรักในยี่ห้อนี้ แต่ผมได้รับการตอบแทนมาแบบนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่