เอาจริงๆ Atari ก็ถูกพนักงานในบริษัทบ่นๆมาตั้งแต่ ยุคแรกๆที่เริ่มทำตลาด Console แล้วน่ะครับ ประมาณว่า ไม่ค่อยให้เครดิต ทีมงานที่พัฒนาเกมเลย แล้วมาเจอเอามรสุมหนัก ตอนที่เร่งพัฒนา เกม E.T. เพื่อให้ทันวางขายในช่วงคริสต์มาส ทำให้คุณภาพของเกมแย่เอามากๆ (ติด Top 5 เกมที่ห่วยที่สุด มาหลายสำนักด้วยครับ) แถมดันทะลึ่งผลิตตลับเกมออกเป็นจำนวนมาก (น่าจะผลิตล่วงหน้าเป็นล้านตลับเลยครับ) เพราะเชื่อว่าเกมนี้จะขายดีแน่ๆ ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันดี ว่าเกม E.T. นั้น ขายไม่ออก แทบ Atari ก็ขาดทุนอย่างหนัก จนกระทั่งไม่มีงบมาจัดการกับตลับเกมที่อยู่ในสต็อค จนถึงขั้นต้องแอบเอาไปฝังกลบในที่ดินรกร้าง กันเลยครับ

Nintendo แรกเริ่มเป็นบริษัทเก่าแก่ในญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจหลายอย่าง ตั้งแต่ผลิตของเล่น, ให้บริการรถแท็กซี่ กระทั่งธุรกิจโรงแรม ซึ่ง Nintendo เริ่มมาทำธุรกิจวิดีโอเกมประมาณต้นๆยุค80 แล้วก็สร้างชื่อจากเครื่อง Famicom จากนั้นก็ติดลมบนในตลาดวิดีโอเกม ทั้ง Game Boy และ Super Famicom (มีเป๋ๆไปบ้างจาก Virtual Boy) แต่ก็เริ่มเสียศูนย์ จาก N64 ที่ยังใช้ตลับเป็นสื่อบันทึกตัวเกม ที่ความจุน้อยมากๆเมื่อเทียบกับสื่อหลักอย่าง CD ในยุคนั้น ทำให้เป็นปัญหาหนักกับทีมพัฒนาเกม พอขึ้น Gen ใหม่ด้วย GameCube แรกๆ เหมือนจะไปได้ดี เพราะตัวเครื่องถือว่าสเปคแรงกว่า Dreamcast, PS2 และ Xbox ซะอีก แต่ก็ติดปัญหาเดิมที่ สื่อบันทึกเกมเป็น แผ่น Mini disc ที่ความจุน้อยกว่า DVD เกือบ 4เท่า พอมาอีก Gen ก็แก้ตัวได้ด้วย Wii ที่มีจุดแข็งสุดสร้างสรรค์ด้วย Motion controller อย่าง Wii mote ซึ่งก็สร้างรายได้อย่างงามให้กับ Nintendo แต่ก็ต้องมาเสียศูนย์อีกครั้งใน Gen ถัดไปด้วย WiiU ที่ตัวเครื่องมีไอเดียน่าสนใจ แต่ระบบซับซ้อน แถมการตลาดก็ไม่ชัดเจน เลยเป๋ไปอีกรอบ พอมายุคปัจจุบัน ก็กลับมาแข็งได้ด้วย Switch ที่ตอบโจทย์เกมเมอร์หลายกลุ่ม แถม Nintendo ก็ยังทำตลาดเครื่องพกพาได้ค่อนข้างดี ในแทบทุก Gen แม้จะเจอ Smartphone เข้ามาตีตลาด

SEGA มอง Nintendo เป็นคู่แข่งที่ต้องล้มให้ได้มาตั้งแต่ ปลายๆยุค80 แล้วครับ ถึงขั้นออกเกมที่จงใจมาแข่งกับ Mario โดยเฉพาะ อย่าง Sonic บนเครื่อง Megadrive ซึ่งก็แข่งกันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อครับ พอขึ้น Gen ใหม่ด้วย SEGA Saturn ก็มาเจอคู่แข่งน้องใหม่ แต่ฝีมือร้ายกาจอย่าง Sony ซึ่ง ก็ทำให้ SEGA เสียศูนย์ใช้ได้ครับ แล้วพอจะแก้ตัวด้วย Dreamcast ที่ช่วงแรกกระแสและยอดขายดีสุดๆ แต่พอ PS2 เปิดตัว ก็เรียกได้ว่า ถูกกระแสกลบจนมิดเลยครับ ทำให้ SEGA ยกเลิกแผนกผลิตเครื่อง Console แล้วมุ่งเน้นในการทำเกมเพียงอย่างเดียว

Sony เอาจริงๆ มีโปรเจคร่วมกับ Nintendo ที่จะผลิตเครื่อง Console ที่ใช้แผ่น CD แต่ดีลไม่ลงตัว ทำให้โปรเจคล่มกลางคัน Sony เลยเก็บมาเป็นแรงฮึด เพื่อออก Console ของตัวอย่าง PlayStation ซึ่งทำได้ดีและสร้างกระแสได้อย่างสุดๆ ซึ่งฮิตต่อเนื่องมาถึง PS2 แล้วต่อยอดได้อย่างงดงาม ในตลาดเครื่องพกพาด้วย PSP แต่มา Gen ของ PS3 ก็เริ่มต้นอย่างเสียศูนย์ เนื่องจากตัวเครื่องมีราคาเปิดตัวที่สูงมากๆ แม้สเปคจะแรงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่กลับพัฒนาเกมลงเครื่องได้ยาก ไหนจะปัญหาเรื่องไฟเหลืองที่พบใน PS3 รุ่นแรกๆอีก ยังดี Sony ฮึดกลับมาได้ด้วย PS3 Slim และ Super Slim ที่ราคาถูกลงกับตัดฟังก์ชั่นที่ไม่ค่อยจำเป็นออก ประกอบกับทีมพัฒนาที่เป็น 1st Party พยายามกันอย่างสุดความสามาถ ที่จะสร้างเกมคุณภาพดีๆมาลงให้ PS3 จากนั้น Sony ก็กลับมาผงาดอีกครั้งด้วย PS4 (ประกอบกับ ฝั่ง Microsoft เปิดตัวผิดพลาด ดันออกตัวแรงไปหน่อย) ซึ่งได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของ PS3 มาปรับปรุงให้กับ PS4 ส่วน Gen ปัจจุบัน ก็โดนปัญหาชิ้นส่วนขาดแคลนจาก COVID-19 ทำให้ผลิตเครื่อง PS5 ไม่ทัน แถมดันออกนโยบายที่ไม่ถูกใจแฟนๆ ด้วยการ port เกม Exclusive มาลง PC ก็ต้องดูกันต่อล่ะครับว่า Gen นี้ Sony จะเดินเกมยังไงต่อครับ


Tester with H-Wifi