เวลาทำสมาธินานๆ จนร่างกายสงบและนิ่งมากๆ จะเริ่มเข้าสู่สภาวะจิตตื่น แต่กายหลับ สมองบางส่วนยังทำงาน แต่บางส่วนเริ่มเข้าสู่สภาวะหลับ ลักษณะจะคล้ายๆ กับอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น โดยผู้ทำสมาธิไม่รู้ตัว บางทีจะคล้ายๆ กับอาการผีอำ
สิ่งที่จะตามมาคือจะเริ่มได้ยินเสียงหลอน เช่นเสียงพระสวด หรือเสียงคนคุยกัน และเเสียงอื่นๆ หรือแม้กระทั่งเห็นภาพหลอนแม้หลับตาซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่อภินิหาร ภาพนิมิต หรือสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด (ส่วนใหญ่จะเห็นภาพห้องที่กำลังนอนอยู่ หรือภาพสุดท้ายหลังจากปิดตาลง) บางคนหลงผิดคิดว่าเป็นอภินิหารต่างๆ ซึ่งอาจจะนำพาไปในทางที่ผิดได้
บางครั้งจิตนิ่งจนเริ่มเข้าสู่สภาวะฝันโดยไม่รู้ตัว ก็จะสามารถลุกขึ้นยืน ออกจากร่างได้ ซึ่งล้วนเป็นความฝันที่สมองสร้างขึ้น ไม่ใช่การถอดจิตแต่อย่างใด จิตมีดวงเดียวอยู่กับร่างกายไม่สามารถถอดไปไหนได้
นี่คือเรื่องปกติที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ และ
"ไม่มีอันตรายใดใด หากตระหนักรู้ว่าสิ่งที่พบเจอ คือสิ่งที่สมองสร้างขึ้นจากการที่ร่างกายเริ่มเข้าสู่สภาะหลับแต่จิตยังตื่น"
ทำสมาธินานๆ จะเข้าสู่สภาวะจิตตื่น กายหลับโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่จะตามมาคือจะเริ่มได้ยินเสียงหลอน เช่นเสียงพระสวด หรือเสียงคนคุยกัน และเเสียงอื่นๆ หรือแม้กระทั่งเห็นภาพหลอนแม้หลับตาซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่อภินิหาร ภาพนิมิต หรือสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด (ส่วนใหญ่จะเห็นภาพห้องที่กำลังนอนอยู่ หรือภาพสุดท้ายหลังจากปิดตาลง) บางคนหลงผิดคิดว่าเป็นอภินิหารต่างๆ ซึ่งอาจจะนำพาไปในทางที่ผิดได้
บางครั้งจิตนิ่งจนเริ่มเข้าสู่สภาวะฝันโดยไม่รู้ตัว ก็จะสามารถลุกขึ้นยืน ออกจากร่างได้ ซึ่งล้วนเป็นความฝันที่สมองสร้างขึ้น ไม่ใช่การถอดจิตแต่อย่างใด จิตมีดวงเดียวอยู่กับร่างกายไม่สามารถถอดไปไหนได้
นี่คือเรื่องปกติที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ และ "ไม่มีอันตรายใดใด หากตระหนักรู้ว่าสิ่งที่พบเจอ คือสิ่งที่สมองสร้างขึ้นจากการที่ร่างกายเริ่มเข้าสู่สภาะหลับแต่จิตยังตื่น"