การประกาศผลการตัดสินผู้ชนะการประกวด RCB Portrait Prize 2022
พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 500,000 บาท โดยคัดเลือกจากผลงานที่ส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 200 ชิ้น
วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน - ผู้ชนะรางวัล RCB Portrait Prize 2022 จากการแข่งขันวาดภาพพอร์ตเทรตระดับประเทศเวทีแรกซึ่งจัดเป็นปีที่ 2 โดยได้รับการสนับสนุนจากริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ได้ประกาศผลในวันดังกล่าว งานนี้ได้รับเกียรติจากคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยศิลปิน ผู้เป็นแบบวาด และคณะกรรมการ
ผลงานที่ส่งเข้ามา 200 ชิ้นจากทั่วประเทศซึ่งสร้างสรรค์โดยเหล่าศิลปิน คณะกรรมการได้ตัดสินให้ผลงานชื่อ Relationships ของศิลปินไทย คุณธีรพงศ์ กมลภุส คว้ารางวัล RCB Portrait Prize 2022 พร้อมด้วยเงินรางวัลมูลค่า 500,000 บาท
นอกจากนี้ มีรางวัล Packing Room Prize ซึ่งผลงานที่คว้ารางวัลนี้มีชื่อว่า Time and Care โดยคุณรณชาติ มหัคพิเชียร ได้รับรางงัลพร้อมเงินสดมูลค่า 200,000 บาท
เวทีการแข่งขันนี้เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป ครอบครัว มารดา บิดา ลูกและบุคคลในชีวิตประจำวันซึ่งได้รับการยกย่องโดยเหล่าศิลปินให้เป็นบุคคลสำคัญ ท่ามกลางผลงานที่ส่งเข้ามา 200 ชิ้น ผลงาน 80 ชิ้นผ่านการคัดเลือกให้เข้ารอบสุดท้ายและได้จัดแสดงในนิทรรศการซึ่งเปิดให้ชมถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
RCB Portrait Prize 2022 ได้เปิดโอกาสให้ทุกท่านทั่วประเทศได้ส่งผลงานในช่วงที่ผ่านมาโดยมีกติกาสำคัญคือศิลปินและผู้เป็นแบบวาดต้องมีการนั่งวาดสดและส่งพร้อมกับเรื่องราวสั้นๆ ที่เกี่ยวกับผู้เป็นแบบวาด
การประกวดนี้ประกอบด้วย 3 รางวัลคือ Portrait Prize, Packing Room Prize และ People’s Choice Prize ซึ่งตัดสินโดยคณะกรรมการที่แตกต่างกันไป
รางวัล Portrait Prize ตัดสินโดยคณะกรรมการ 7 ท่านผู้สละเวลาและมาประชุมหารือกันถึงงานประกวดในครั้งนี้และขั้นตอนการตัดสิน พวกเขามาจากภูมิหลังที่หลากหลาย ทั้งแวดวงธุรกิจ ภาครัฐ และสื่อมวลชน เป็นต้น โดยแต่ละท่านล้วนมีประสบการในสาขาอาชีพและชีวิตทั้งสิ้น นอกจากนี้ต่างมีความเชื่อและความมุ่งมั่น
คุณยุทธชัย จรณะจิตต์ ผู้เป็นตัวแทนของคณะกรรมการได้กล่าวว่า “Portrait Prize เป็นการแข่งขันที่คณะกรรมการต่างไม่ทราบว่าศิลปินผู้วาดภาพคือใคร เราได้ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อคัดเลือกผลงานที่เข้ารอบสุดท้ายจำนวน 80 ชิ้นจากผลงานที่ส่งเข้ามาทั้งสิ้น 200 ชิ้น จากนั้นใช้เวลาอีก 4 วันในการพิจารณาผลงานที่เข้ารอบสุดท้าย และใช้เวลาอีกครึ่งวันเพื่อคัดเลือกให้เหลือผลงานเพียง 3 ชิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ถ่ายทอดเรื่องราวอัตลักษณ์ของครอบครัวไทย”
สำหรับรางวัลชมเชยได้แก่ผลงานที่มีชื่อว่า “พ่อแม่ของฉันในปัจจุบัน” โดย คุณกฎสรวง เอียงอุบล และผลงาน
“ความฝัน” โดย คุณ Manon Sutham
และในที่สุด ได้ตัดสินให้ผลงานภาพ “ความสัมพันธ์” โดย ธีรพงศ์ กมลภุส ชนะเลิศการประกวด RCB Portrait Prize 2022 พร้อมเงินรางวัล 500,000 บาท เนื่องด้วยความสามารถของศิลปินผู้มีเทคนิคเฉพาะตัวที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นจริงของครอบครัวพร้อมด้วยอารมณ์ขันและความอบอุ่นที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา
ส่วนรางวัล Packing Room ตัดสินโดยทีมจัดนิทรรศการของริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก พวกเขาเป็นผู้วางตารางการแสดงงานนิทรรศการ คัดสรรงาน ติดตั้งงาน และจัดการนิทรรศการของศูนย์อาร์ตและแอนทีคที่ไม่เหมือนใครแห่งนี้ พวกเขาได้เห็นผลงานศิลปะมาแล้วมากมาย และได้คัดเลือกให้ผลงาน “เวลาและความห่วงใย” โดยศิลปิน รณชาติ มหัคพิเชียร
ส่วนรางวัล People’s Choice ตัดสินโดยบุคคลทั่วไปที่เข้าชมนิทรรศการ Portrait Prize ซึ่งแต่ละท่านสามารถลงคะแนนโหวตได้หนึ่งเสียงและรางวัลนี้จะประกาศผลในสิ้นสุดนิทรรศการในวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน
ข้อมูลเพิ่มเติมที่
www.rivercitybangkok.com
*************************************************
RCB Portrait Prize 2022 Winner
Artist: ธีรพงศ์ กมลภุส (Teeraphong Kamolpus)
Sitter’s Name: ออด, เอื้อม, ไอซ์
Title: ความสัมพันธ์ (Relationship)
Medium: Oil on canvas
Dimension: 70 x 100 cm.
ผู้เป็นแบบวาด: ครอบครัว พ่อ,แม่ และพี่ชาย
เรื่องราวในภาพ:
ความสัมพันธ์คือสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้ สิ่งแรกที่เราได้รู้จักคือ "ความสัมพันธ์ของครอบครัว" เป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงอยู่ หากเกิดปัญหาขึ้นในสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต หรือทิศทางการใช้ชีวิตของบุคคลหนึ่งได้
ผมเผชิญกับความสัมพันธ์ครอบครัวที่ค่อนข้างอึดอัดจากการเป็นคนกลาง เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างตัวบุคคล
ทั้งอุปนิสัย ความคิดเห็นทางการเงิน ความต้องการของแต่ละคนที่แตกต่างกัน คำพูดที่ทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว สะสมเรื้อรังมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา การเงียบใส่กันถือเป็นทางออกในการแก้ปัญหาหรือตัดปัญหาที่อาจจะเห็นผลลัพธ์ในช่วงแรก แต่ระยะยาวกลับทำให้เกิดระยะห่างของโครงสร้างความสัมพันธ์ครอบครัวมากยิ่งขึ้น การที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันในทุกวัน เวลา เกิดความแตกแยกกัน การกิน การทำกิจกรรม เที่ยว นอน ภาพถ่ายที่พร้อมหน้ากันหรือแม้แต่การเดินผ่านสายตาของคนในครอบครัวที่สบตาต่อกันยิ่งน้อยลง ในที่สุดต่างฝ่ายต่างเหมือนอากาศธาตุของกันและกัน รู้ว่ามีอยู่แต่กลับมองไม่เห็นมองข้ามไป
หัวข้อจากงานประกวดในครั้งนี้ ทำให้ผมเกิดความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำให้คนในครอบครัว กลับมาอยู่ด้วยกัน ใกล้ชิดกัน พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งโดยใช้ข้ออ้างดังกล่าว แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่เวลาชีวิตของแต่ละคนค่อยๆ หมดไป แต่อย่างน้อยเราก็ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง ภายในความทรงจำ และผลงานจิตรกรรมชิ้นนี้ตลอดไปที่คอยย้ำเตือนถึงความรู้สึก และบันทึกความทรงจำดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นของความสัมพันธ์ครอบครัวอีกครั้ง
*************************************************
Packing Room Prize winner
The artist: รณชาติ มหัคพิเชียร (Ronachart Mahakphichian)
Sitter’s Name: คุณพ่อ(ฝั่งซ้าย) คุณปู่(ฝั่งขวา)
Title: เวลากับความห่วงใย (Time and Care)
Medium: Oil on canvas
Dimension: 80 x 120 cm.
ผู้เป็นแบบวาด: คุณพ่อ(ฝั่งซ้าย) คุณปู่(ฝั่งขวา)
เรื่องราวในภาพ:
ใครห่วงใคร ปู่ห่วงพ่อ หรือพ่อห่วงปู่ สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงต่างคนต่างเป็นห่วงกัน
พ่อจับมือปู่ แล้วมองมืออันเหี่ยวย่นด้วยความกังวล เนื้อหนังที่ผ่านความยากลำบากตรากตรำทำงานหนักทั้งชีวิตเพื่อเลี้ยงลูก พ่อมองดูปู่ด้วยความกังวล เป็นห่วงสุขภาพของปู่ที่ทรุดโทรมตามกาลเวลา และคิดว่าอยากดูแลและตอบแทนปู่ไปให้นานที่สุด
ขณะเดียวกัน ปู่ก็เงยหน้ามองพ่อด้วยดวงตาที่ไม่สู้ดี เพราะดวงตาที่ฝ้าฝาง ตาคู่นี้ที่มองพ่อตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่ว่าเวลาจะเดินผ่านไปเท่าใด ในแววตาของปู่ก็ยังไม่ได้ละทิ้งความรักและห่วงใยต่อพ่อน้อยลงไปเลย นาฬิกาที่บอกวันและเวลาบนโลกใบนี้มีแต่เดินหน้า ไม่มีถอยหลัง ชีวิตมีแต่วันนี้และพรุ่งนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดเวลาดีๆ เพื่อให้ความสุขอยู่เช่นนั้นตลอดไป หรือจะหยุดความทุกข์และความเศร้าโศกให้หมดลงได้
ความห่วงใยและเอื้ออาทรต่อกันระหว่างปู่กับพ่อ ดูห่วงใยต่อกันอย่างมาก ทุกเช้าปู่ยังคงดูพ่อออกไปทำงาน และชะเง้อคอคอยพ่อกลับมาในตอนเย็น ปู่เฝ้ามองความเจริญเติบโตของพ่อเสมอ สำหรับพ่อก็คอยดูแลและสอบถามสุขภาพของปู่ ซึ่งบ่อยครั้งปู่ไม่สบายก็ไม่ยอมบอก เกรงใจเพราะรู้ว่าพ่องานหนักมาก แต่เพราะ กำลังปู่ถดถอยลงทุกวัน ความอ่อนแอตามอายุขัย ตาฝ้าฝาง เดินโซเซ ชนข้าวของและพร้อมจะหกล้มได้ตลอดเวลา แต่ก็ชอบว่ายังแข็งแรงอยู่ ไม่ต้องห่วง แต่พ่อก็ห่วงและพยายามสอบถามปู่ตลอด พ่อเคยบอกว่า ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน เมื่อเหตุและปัจจัยมาถึง แต่สายตาของพ่อก็อดห่วงใยปู่ไม่ได้เลย


ประกาศผลการตัดสินผู้ชนะการประกวด RCB Portrait Prize 2022 พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 500,000 บาท
ผลงานที่ส่งเข้ามา 200 ชิ้นจากทั่วประเทศซึ่งสร้างสรรค์โดยเหล่าศิลปิน คณะกรรมการได้ตัดสินให้ผลงานชื่อ Relationships ของศิลปินไทย คุณธีรพงศ์ กมลภุส คว้ารางวัล RCB Portrait Prize 2022 พร้อมด้วยเงินรางวัลมูลค่า 500,000 บาท
นอกจากนี้ มีรางวัล Packing Room Prize ซึ่งผลงานที่คว้ารางวัลนี้มีชื่อว่า Time and Care โดยคุณรณชาติ มหัคพิเชียร ได้รับรางงัลพร้อมเงินสดมูลค่า 200,000 บาท
เวทีการแข่งขันนี้เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป ครอบครัว มารดา บิดา ลูกและบุคคลในชีวิตประจำวันซึ่งได้รับการยกย่องโดยเหล่าศิลปินให้เป็นบุคคลสำคัญ ท่ามกลางผลงานที่ส่งเข้ามา 200 ชิ้น ผลงาน 80 ชิ้นผ่านการคัดเลือกให้เข้ารอบสุดท้ายและได้จัดแสดงในนิทรรศการซึ่งเปิดให้ชมถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
RCB Portrait Prize 2022 ได้เปิดโอกาสให้ทุกท่านทั่วประเทศได้ส่งผลงานในช่วงที่ผ่านมาโดยมีกติกาสำคัญคือศิลปินและผู้เป็นแบบวาดต้องมีการนั่งวาดสดและส่งพร้อมกับเรื่องราวสั้นๆ ที่เกี่ยวกับผู้เป็นแบบวาด
การประกวดนี้ประกอบด้วย 3 รางวัลคือ Portrait Prize, Packing Room Prize และ People’s Choice Prize ซึ่งตัดสินโดยคณะกรรมการที่แตกต่างกันไป
รางวัล Portrait Prize ตัดสินโดยคณะกรรมการ 7 ท่านผู้สละเวลาและมาประชุมหารือกันถึงงานประกวดในครั้งนี้และขั้นตอนการตัดสิน พวกเขามาจากภูมิหลังที่หลากหลาย ทั้งแวดวงธุรกิจ ภาครัฐ และสื่อมวลชน เป็นต้น โดยแต่ละท่านล้วนมีประสบการในสาขาอาชีพและชีวิตทั้งสิ้น นอกจากนี้ต่างมีความเชื่อและความมุ่งมั่น
สำหรับรางวัลชมเชยได้แก่ผลงานที่มีชื่อว่า “พ่อแม่ของฉันในปัจจุบัน” โดย คุณกฎสรวง เอียงอุบล และผลงาน
“ความฝัน” โดย คุณ Manon Sutham
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.rivercitybangkok.com
Sitter’s Name: ออด, เอื้อม, ไอซ์
Title: ความสัมพันธ์ (Relationship)
Medium: Oil on canvas
Dimension: 70 x 100 cm.
ผู้เป็นแบบวาด: ครอบครัว พ่อ,แม่ และพี่ชาย
เรื่องราวในภาพ:
ความสัมพันธ์คือสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้ สิ่งแรกที่เราได้รู้จักคือ "ความสัมพันธ์ของครอบครัว" เป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงอยู่ หากเกิดปัญหาขึ้นในสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต หรือทิศทางการใช้ชีวิตของบุคคลหนึ่งได้
ผมเผชิญกับความสัมพันธ์ครอบครัวที่ค่อนข้างอึดอัดจากการเป็นคนกลาง เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างตัวบุคคล
ทั้งอุปนิสัย ความคิดเห็นทางการเงิน ความต้องการของแต่ละคนที่แตกต่างกัน คำพูดที่ทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว สะสมเรื้อรังมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา การเงียบใส่กันถือเป็นทางออกในการแก้ปัญหาหรือตัดปัญหาที่อาจจะเห็นผลลัพธ์ในช่วงแรก แต่ระยะยาวกลับทำให้เกิดระยะห่างของโครงสร้างความสัมพันธ์ครอบครัวมากยิ่งขึ้น การที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันในทุกวัน เวลา เกิดความแตกแยกกัน การกิน การทำกิจกรรม เที่ยว นอน ภาพถ่ายที่พร้อมหน้ากันหรือแม้แต่การเดินผ่านสายตาของคนในครอบครัวที่สบตาต่อกันยิ่งน้อยลง ในที่สุดต่างฝ่ายต่างเหมือนอากาศธาตุของกันและกัน รู้ว่ามีอยู่แต่กลับมองไม่เห็นมองข้ามไป
หัวข้อจากงานประกวดในครั้งนี้ ทำให้ผมเกิดความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำให้คนในครอบครัว กลับมาอยู่ด้วยกัน ใกล้ชิดกัน พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งโดยใช้ข้ออ้างดังกล่าว แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่เวลาชีวิตของแต่ละคนค่อยๆ หมดไป แต่อย่างน้อยเราก็ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง ภายในความทรงจำ และผลงานจิตรกรรมชิ้นนี้ตลอดไปที่คอยย้ำเตือนถึงความรู้สึก และบันทึกความทรงจำดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นของความสัมพันธ์ครอบครัวอีกครั้ง
Sitter’s Name: คุณพ่อ(ฝั่งซ้าย) คุณปู่(ฝั่งขวา)
Title: เวลากับความห่วงใย (Time and Care)
Medium: Oil on canvas
Dimension: 80 x 120 cm.
ผู้เป็นแบบวาด: คุณพ่อ(ฝั่งซ้าย) คุณปู่(ฝั่งขวา)
เรื่องราวในภาพ:
ใครห่วงใคร ปู่ห่วงพ่อ หรือพ่อห่วงปู่ สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงต่างคนต่างเป็นห่วงกัน พ่อจับมือปู่ แล้วมองมืออันเหี่ยวย่นด้วยความกังวล เนื้อหนังที่ผ่านความยากลำบากตรากตรำทำงานหนักทั้งชีวิตเพื่อเลี้ยงลูก พ่อมองดูปู่ด้วยความกังวล เป็นห่วงสุขภาพของปู่ที่ทรุดโทรมตามกาลเวลา และคิดว่าอยากดูแลและตอบแทนปู่ไปให้นานที่สุด
ขณะเดียวกัน ปู่ก็เงยหน้ามองพ่อด้วยดวงตาที่ไม่สู้ดี เพราะดวงตาที่ฝ้าฝาง ตาคู่นี้ที่มองพ่อตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่ว่าเวลาจะเดินผ่านไปเท่าใด ในแววตาของปู่ก็ยังไม่ได้ละทิ้งความรักและห่วงใยต่อพ่อน้อยลงไปเลย นาฬิกาที่บอกวันและเวลาบนโลกใบนี้มีแต่เดินหน้า ไม่มีถอยหลัง ชีวิตมีแต่วันนี้และพรุ่งนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดเวลาดีๆ เพื่อให้ความสุขอยู่เช่นนั้นตลอดไป หรือจะหยุดความทุกข์และความเศร้าโศกให้หมดลงได้
ความห่วงใยและเอื้ออาทรต่อกันระหว่างปู่กับพ่อ ดูห่วงใยต่อกันอย่างมาก ทุกเช้าปู่ยังคงดูพ่อออกไปทำงาน และชะเง้อคอคอยพ่อกลับมาในตอนเย็น ปู่เฝ้ามองความเจริญเติบโตของพ่อเสมอ สำหรับพ่อก็คอยดูแลและสอบถามสุขภาพของปู่ ซึ่งบ่อยครั้งปู่ไม่สบายก็ไม่ยอมบอก เกรงใจเพราะรู้ว่าพ่องานหนักมาก แต่เพราะ กำลังปู่ถดถอยลงทุกวัน ความอ่อนแอตามอายุขัย ตาฝ้าฝาง เดินโซเซ ชนข้าวของและพร้อมจะหกล้มได้ตลอดเวลา แต่ก็ชอบว่ายังแข็งแรงอยู่ ไม่ต้องห่วง แต่พ่อก็ห่วงและพยายามสอบถามปู่ตลอด พ่อเคยบอกว่า ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน เมื่อเหตุและปัจจัยมาถึง แต่สายตาของพ่อก็อดห่วงใยปู่ไม่ได้เลย