ยุค 7 เซียน กับ ยุคปัจจุบัน ใครเก่งกว่า? และ เคล็ดลับถ้าคุณเล่นวอลเลย์บอล แล้วอยากพัฒนาตัวเองเป็น "ตัวเซ็ต" ระดับท็อปคืออะไร
คนที่จะตอบสองคำถามด้านบน ได้ดีที่สุด คงเป็น "ซาร่า" นุศรา ต้อมคำ เซ็ตเตอร์แถวหน้าที่ยืนหยัดในระดับโลกมานานหลายปี ผมมีโอกาสพูดคุยกับเธอมา อยากเล่าให้ฟังครับ
นุศรา ต้อมคำเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาของ Under Armour ที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน UA Combine ด้วยครับ เธอได้รับเลือกเป็นตัวแทนนักกีฬาของประเทศไทยไปร่วมลงแข่ง UA Combine ที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์มาแล้วด้วย และมีผลงานที่สุดยอดมาก ๆ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เราจะไปเริ่มในเรื่องที่ผมสงสัยกันก่อน พอได้มีโอกาสสัมภาษณ์ปั๊บ ก็ถามเธอไปเลย
ผมถามนุศราว่า ในกีฬาวอลเลย์บอล ถ้าเด็กยุคใหม่ อยากเป็น "ตัวเซ็ต" ที่มีความสามารถแบบเธอ ก้าวไปสู่ระดับโลกได้ ต้องเริ่มต้นอย่างไร เธอตอบพร้อมเสียงหัวเราะว่า "โอ๊ย อย่าเล่นเลย ตำแหน่งเซ็ตเตอร์อะ!"
ผมถามกลับว่าทำไมล่ะ เธออธิบายว่า "เพราะมันเป็นตำแหน่งที่ยากมาก ๆ ค่ะ คือทุกตำแหน่งก็มีศาสตร์ของมันอยู่นะ แต่ของตัวเซ็ตนี่ มันต้องพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่างจริง ๆ ตั้งแต่ความคิดสร้างสรรค์ Mindset และ สภาพร่างกาย"
"ขั้นแรก ตำแหน่งตัวเซ็ตในวอลเลย์บอล จะคล้าย ๆ ควอเตอร์แบ็กในอเมริกันฟุตบอล คือเป็นคนเริ่มคิดเพลย์ คุณต้องจำแผนในหัวได้มากกว่า 20 แผน คุณต้องศึกษาเรื่องแท็กติกเยอะมาก ๆ เรียนรู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของคู่แข่งว่าอยู่ตรงไหน เราจะได้โจมตีได้ถูก นอกจากนั้นคุณต้องมีความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก บางทีต้องเปลี่ยนเกมอย่างฉับพลันในเสี้ยววินาที คนที่มีจินตนาการเยอะ ๆ ก็จะได้เปรียบในการเล่นตำแหน่งนี้ค่ะ"
"ข้อสอง เป็นเรื่องทัศนคติ หรือ Mindset อย่างที่บอกคือเซ็ตเตอร์จะเป็นคนเลือกเพลย์การเล่น ดังนั้น เราต้องเข้าใจเพื่อนร่วมทีมอย่างดีมาก ๆ ว่าคนนี้ชอบตีมุมไหน เราจะได้เซ็ตบอลไปให้เขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นคุณต้องขยันที่จะทำความรู้จักกับคนรอบตัว อย่าคิดว่าตัวเองเก่งคนเดียวแล้วก็พอ แต่ยิ่งให้เวลา กับการศึกษาเพื่อน ๆ มากเท่าไหร่ เกมรุกก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น"
"ยกตัวอย่างตอนที่ไปเล่นในลีกอเมริกา ระบบการแข่งจะเปลี่ยนทีมตลอดทุกวีก ไม่มีทีมประจำ ดังนั้นพอแต่ละวีก เราถูกประกบทีมกับใคร ก็ต้องไปทำการบ้าน ศึกษาเพื่อนร่วมทีมใหม่ ว่าเขาเล่นแบบไหน ชอบตียังไง ถ้าเราเอ้อระเหย ไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ไม่ทำการบ้านมากพอ เราก็จะเล่นได้ไม่ดี นี่คือสิ่งที่คนเป็นเซ็ตเตอร์ต้องทำ"
นอกเหนือจากเรื่องจินตนาการ และ Mindset แล้ว อีกหนึ่งอย่างที่นุศราบอกว่าสำคัญมาก ๆ คือเรื่อง สภาพร่างกาย
"เราจะพูดกับน้อง ๆ เสมอว่า ร่างกายสำคัญสุด เพราะถ้าคุณไม่สมบูรณ์ต่อให้เป็นนักกีฬาที่เก่งขนาดไหน ร่างกายไม่พร้อมคุณก็เล่นได้ไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์อยู่ดี ดังนั้นเราต้องให้ความสำคัญกับร่างกายมาก ๆ ดูแลมันให้แข็งแรง และใช้งานได้นานที่สุด"
"คนเป็นนักวอลเลย์บอล ต้องกระโดดสูงเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เราต้องพัฒนากล้ามเนื้อให้มีแรงส่ง เราต้องมีปฏิกริยาตอบสนองเร็วมาก ๆ เพราะพริบตาที่คู่แข่งตีสวนกลับมา เรามีเวลาแค่เสี้ยววินาทีที่จะคิดว่าจะเล่นยังไงต่อ รวมถึงความอึดของร่างกาย ในการแข่งที่อาจจะลากยาวไปถึง 5 เซ็ต ใครยังเหลือแรงมากกว่า ก็อาจเล่นจังหวะฆ่าคู่แข่งได้ง่ายกว่า คือมันใช้ร่างกายเยอะจริงๆ"
ในบรรดาเซ็ตเตอร์ที่นุศรารู้จักนั้น มีหลายคนที่เธอศรัทธาในฝีมือ แต่คนที่ถือเป็นไอดอลมีอยู่สองคน คนแรกคือปริม อินทวงศ์ และ คนที่สองคือโยชิเอะ ทาเคชิตะ
"พี่ปริมคือไอดอลของเรา เราอยากเป็นแบบพี่เขา ก็เลยเรียนรู้จากพี่ปริมในหลาย ๆ อย่าง ส่วนทาเคชิตะนั้น มีครั้งหนึ่งเราเคยไปแข่งที่ต่างประเทศ แล้วเห็นทาเคชิตะที่ตัวเล็กมาก 159 เซนติเมตร แต่ทั้งเก่งและไว เราเลยรู้สึกว่า โอ้โห เขาสามารถกลบจุดด้อยตรงนั้นด้วยจุดเด่นอย่างอื่นได้ พอเห็นปั๊บเราก็เลยคิดว่า เราเองก็ไม่สูงมากนะ แค่ 169 เซนติเมตร ถ้าเทียบกับพวกยุโรป พวกอเมริกา ตัวเซ็ตเขาก็ 180 อัพกันทั้งนั้น แต่ถ้าทาเคชิตะยังเล่นได้ดีมาก เราก็ควรทำได้เหมือนกัน เราก็เลยอยากเล่นให้ได้อย่างเขาค่ะ"
นุศรา เป็นคนที่ยกระดับวงการวอลเลย์บอลของประเทศไทยขึ้นไปอีกขั้น เธออยู่ในยุค 7 เซียน ที่เคยคว้าแชมป์เอเชียมาแล้ว แต่ตอนนี้เธอรีไทร์จากทีมชาติแล้ว และคอยเฝ้าดูความสำเร็จของน้อง ๆ รุ่นใหม่ ที่เธอเชื่อเหลือเกินว่า ความฝันไปสู่โอลิมปิกรอบสุดท้ายจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต วันใดวันหนึ่ง
"ทุกคนบอกว่า ชุด 7 เซียน เป็นชุดดีที่สุด แต่เราบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า เด็ก ๆ ในเจเนเรชั่นต่อไป เขาจะเก่งกว่าพวกเราอีก แต่ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ เหมือนคิดว่าเราก็คงอวยรุ่นน้องอะไรอย่างนี้ แต่สิ่งที่เรารู้ ในฐานะที่เห็นมาตลอด คือเด็กพวกนี้มีความสามารถสูงมาก"
"สิ่งที่เหนือกว่ารุ่นของนุช ก็อย่างเช่น เทคนิคบางอย่าง เราอายุ 20 ปีก็ยังทำไม่ได้เลย แต่เด็ก ๆ เขาทำได้ตั้งแต่อายุ 18 แล้ว พวกเขาเริ่มเล่นระดับโลกตั้งแต่อายุน้อยมาก แถมมีศาสตร์ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ผ่านมา ทุกคนอาจจะเห็นฟอร์มน้อยไปหน่อยเพราะเป็นช่วงโควิดพอดี แต่จากนี้ล่ะ เราจะได้เริ่มดูอะไรสนุก ๆ แน่ และความฝันโอลิมปิก นุชเชื่อว่าถึงรุ่นของนุชจะได้แค่เกือบ แต่รุ่นของน้อง ๆ จะไปถึงได้แน่ ๆ ในสักวัน"
ปัจจุบัน นุศราอายุ 37 ปี เธอยังคงเล่นวอลเลย์บอลอยู่ ยังไม่ได้รีไทร์ แต่อยู่ในช่วงกำลังวางแผน จะกลับไปเล่นที่อเมริกาอีกครั้งหรือไม่ ระหว่างนี้เธอก็ยังคงเฝ้าดูวอลเลย์บอลทีมชาติไทย และตามให้กำลังใจทุก ๆ คนเหมือนเดิม
------------------------
กลับมาที่ประเด็นของ UA Combine ที่จัดการแข่งขัน 4 ประเทศในเอเชีย-โอเชียเนีย ประกอบด้วย มาเลเซีย, สิงคโปร์, ออสเตรเลีย และ ไทย โดยตัวนุศราได้เข้าร่วมแข่งขันมาแล้ว 1 ครั้งที่สิงคโปร์ และเธอบอกว่าเป็นการแข่งที่ "สนุกมาก" โดยตั้งใจจะแข่งขันที่ประเทศไทยอีกครั้ง ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ด้วย
UA Combine เป็นบททดสอบสมรรภาพร่างกาย ที่จัดโดย Under Armour แบ่งการทดสอบออกเป็น 8 ฐาน คนที่ได้คะแนนรวมประเภทเดี่ยว ใน 8 ฐานสูงสุด จะได้เงินรางวัลสูงถึง 120,000 บาท!
ถามความรู้สึกของนุศรา ว่าไปแข่งมาแล้วที่สิงคโปร์ รู้สึกอย่างไรบ้าง เธอตอบว่า "สนุกมากค่ะ ! ตอนแรกเราคิดว่าจะเป็นการแข่งที่ต่างคนต่างต้องการมาเพียงเพื่อชิงรางวัล แต่เอาเข้าจริง ๆ ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ คนเข้าแข่งเชียร์กันเองหมดเลย สุดท้ายมันเป็นการพิสูจน์ร่างกายของตัวเอง ว่าทำได้แค่ไหนมากกว่า"
"บรรยากาศงานวันนั้นจัดแบบอลังการมาก เขาเนรมิตโรงไฟฟ้าเก่าให้เป็นสถานที่แข่ง และเปิดเพลงตลอดเลยค่ะ แล้ววันนั้นนุชก็เจอนักกีฬาทีมชาติสิงคโปร์หลายคนด้วย ทั้งชายและหญิง มีทั้งนักวิ่ง นักว่ายน้ำ คือทุกคนคึกคักมาก บางคนก็รู้จักเราด้วยนะ"
"การจัดการทุกอย่างเขาดีหมด แบ่งโซนชัดเจน มีเจ้าหน้าที่อธิบายตลอด ไม่ต้องกลัวว่าจะวอร์มยังไง ทำอะไรก่อนหลัง เขาจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อยดีมาก ๆ ค่ะ"
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักการแข่งขัน UA Combine การแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 8 ฐาน ประกอบด้วย
1. Agility (ความว่องไว) – ทดสอบวิ่งเปลี่ยนทิศทางเป็นหัวลูกศร
2. Stamina (ความแข็งแกร่ง) – โหนบาร์
3. Vertical (แนวดิ่ง) – กระโดดแนวดิ่ง
4. Power (พละกำลัง) – ทดสอบดันรถเข็นถ่วงน้ำหนัก (Sled) ระยะ 20 เมตร
5. Endurance (ความทนทาน) – ทดสอบวิ่งไปกลับ 20 เมตร
6. Strength (ความแข็งแรง) – ยกท่า Bench Press 3RM
7. Speed (ความเร็ว) – วิ่ง 40 หลา
8. Cognition (การรับรู้) – ทดสอบปฏิกิริยา กดสัญญาณบนจอภาพ
"เราสามารถเริ่มฐานไหนก่อนก็ได้ค่ะ (ยกเว้นฐาน Endurance) เขาจะเก็บสถิติของเราไว้ แล้วช่วงท้ายจะการทดสอบ Endurance ร่วมกัน และเอามารวมกันทีเดียวตอนเราได้ครบ 8 ฐาน" นุศราเล่า "อย่างนุชเอง เราเริ่มจากที่เราถนัดก่อน คือกระโดดแนวดิ่ง ก็จะให้ยืนตรง ๆ แล้วจั๊มพ์ขึ้นไปเลย เพื่อวัดว่าเรากระโดดได้สูงกี่เซนติเมตร จากนั้นก็วนไปทดสอบอย่างอื่น ก่อนจะมาจบที่ ดึงเลื่อน 20 เมตร ที่ต้องใช้พลังมากสุด"
นุศรากระโดดสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด ถือว่าสถิติไม่เลวทีเดียว แต่เธอบอกว่า ที่ประเทศไทยในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ อยากได้อันดับ 1 บ้าง เช่นเดียวกับอันดับรวม 8 ฐาน ที่เธอจบอันดับ 23 คราวนี้ก็ตั้งใจจะขยับอันดับขึ้นมาให้ดีกว่าเดิมให้ได้
"คือตอนนั้นเราซ้อมไปแค่ 2 สัปดาห์แล้วไปกระโดด ก็เลยรู้สึกว่าขายังไม่แข็งแรงมากพอ แต่ตอนนี้เราได้เตรียมตัวแล้ว ก็คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่าเดิม นุชเตรียมตัวเข้ม ๆ แบบกาแฟดำเลยค่ะ"
นุศราเล่าว่า สำหรับ UA Combine นั้น ทั้ง 8 ฐานนั้น ใครทำได้ดีล่ะก็ สามารถก้าวไปเป็นนักกีฬาอาชีพได้เลย และทุกคนก็มีโอกาสทำได้ดี เพียงแค่ต้องเตรียมร่างกายและจิตใจมาให้พร้อม ฝึกซ้อมให้มากพอ
"อย่างฐานกระโดดแนวดิ่งนั้น นักวอลเลย์บอลคุณต้องกระโดดสูงอยู่แล้วถูกไหมคะ ไม่งั้นจะตบจะบล็อกยังไง หรือฐานทดสอบความอึดของร่างกาย อย่างวิ่งไปกลับ 20 เมตร อันนี้ตอนเล่นทีมชาติ นุชทดสอบเป็นปกติเลยค่ะ ถ้าเราร่างกายไม่อึดพอ ตอนเล่นเซ็ต 5 ก็คงชนะคู่แข่งยากค่ะ"
"การทดสอบ 8 ฐาน เป็นเรื่องดีในแง่ว่า เราจะได้รู้ว่าตัวเองมีจุดเด่นจุดด้อยตรงไหน ตอนที่นุชไปแข่งขันที่สิงคโปร์ มันจะมีบางคนที่ร่างกายช่วงบนแข็งแรงมาก ก็จะทำพวกยก Bench Press และ ผลักสเลดได้ดี แต่พอมาฐานที่ใช้ Agility ใช้ความเร็วก็ทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น ดังนั้นคนที่เข้ามาแข่ง ก็จะได้รู้ตัวเองด้วยว่า เรายังขาดตรงไหน เอาไปพัฒนาต่อให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ"
นุศราทิ้งท้ายด้วยการเชิญชวนให้คนมาสมัครกันเยอะ ๆ โดยกล่าวว่า "งาน UA Combine มันสนุกมากนะคะ จัดที่สิงคโปร์สุดยอดแล้ว ที่ไทยก็น่าจะจัดได้ดีไม่แพ้กัน อย่าลืมว่ามาแข่งครั้งนี้ มันเหมือนกับมาวัด Performance ของตัวเองมากกว่า ถ้าทำดีชนะ ได้รางวัลก็ยินดีด้วยมาก ๆ แต่ถ้าไม่ชนะ เราจะได้รู้ว่า เรายังไม่พร้อมตรงไหน จะได้กลับไปฝึกให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก อย่างนุช เชื่อไหม โหนบาร์ไม่ได้เลยตอนทำ Combine ที่สิงคโปร์ มาคราวนี้ที่ไทย ก็รู้แล้วว่านี่เป็นจุดอ่อนเรา ก็จะแก้ตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ"
"ตอนนี้นุชได้ยินว่าคนสมัครฝั่งผู้ชายเต็มแล้ว แต่ผู้หญิงยังเหลือโควต้านะคะ อยากให้ผู้หญิงทุกคนรีบเข้ามาสมัครกันนะ ทุกคนมีโอกาสชนะ มีโอกาสได้มาลอง ต่อให้ไม่ชนะก็ได้มาพิสูจน์ตัวเองนะคะ ได้สุขภาพที่ดี ร่างกายที่แข็งแรง แถมได้ลุ้นเงินรางวัลด้วย แล้วอาจได้เพื่อนใหม่กลับไปเพียบเลย แล้วไปเจอกันวันนั้นนะคะ เจอกันแล้วทักนุชด้วยนะ"
บทสรุปของงานสิงคโปร์ผู้ชนะรางวัลประเภทเดี่ยวฝ่ายหญิงเป็นนักกีฬาว่ายน้ำครับ ชื่อ คุณอแมนดา ลิม เธอทำคะแนนไปได้ที่หนึ่งในฐานโหนบาร์ (Stamina) และอยู่ราว ๆ อันดับ 4 – 17 ในฐานอื่น ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจที่ผู้ชนะเป็นนักกีฬาที่ไม่ใช่สายฟิตเนสแต่เป็นนักกีฬาที่มีทักษะที่เรียกได้ว่าครบเครื่อง
ใครที่อยากไปตามไปดูคุณนุศราโชว์ฝีมือที่สิงคโปร์แบบเป็นวิดีโอ ไปดูกันได้ครับที่
https://youtu.be/jmvFmDdSf7M
คุยกับนุศรา : เคล็ดลับสู่การเป็นเซ็ตเตอร์ระดับโลก
ยุค 7 เซียน กับ ยุคปัจจุบัน ใครเก่งกว่า? และ เคล็ดลับถ้าคุณเล่นวอลเลย์บอล แล้วอยากพัฒนาตัวเองเป็น "ตัวเซ็ต" ระดับท็อปคืออะไร
คนที่จะตอบสองคำถามด้านบน ได้ดีที่สุด คงเป็น "ซาร่า" นุศรา ต้อมคำ เซ็ตเตอร์แถวหน้าที่ยืนหยัดในระดับโลกมานานหลายปี ผมมีโอกาสพูดคุยกับเธอมา อยากเล่าให้ฟังครับ
นุศรา ต้อมคำเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาของ Under Armour ที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน UA Combine ด้วยครับ เธอได้รับเลือกเป็นตัวแทนนักกีฬาของประเทศไทยไปร่วมลงแข่ง UA Combine ที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์มาแล้วด้วย และมีผลงานที่สุดยอดมาก ๆ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เราจะไปเริ่มในเรื่องที่ผมสงสัยกันก่อน พอได้มีโอกาสสัมภาษณ์ปั๊บ ก็ถามเธอไปเลย
ผมถามนุศราว่า ในกีฬาวอลเลย์บอล ถ้าเด็กยุคใหม่ อยากเป็น "ตัวเซ็ต" ที่มีความสามารถแบบเธอ ก้าวไปสู่ระดับโลกได้ ต้องเริ่มต้นอย่างไร เธอตอบพร้อมเสียงหัวเราะว่า "โอ๊ย อย่าเล่นเลย ตำแหน่งเซ็ตเตอร์อะ!"
ผมถามกลับว่าทำไมล่ะ เธออธิบายว่า "เพราะมันเป็นตำแหน่งที่ยากมาก ๆ ค่ะ คือทุกตำแหน่งก็มีศาสตร์ของมันอยู่นะ แต่ของตัวเซ็ตนี่ มันต้องพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่างจริง ๆ ตั้งแต่ความคิดสร้างสรรค์ Mindset และ สภาพร่างกาย"
"ขั้นแรก ตำแหน่งตัวเซ็ตในวอลเลย์บอล จะคล้าย ๆ ควอเตอร์แบ็กในอเมริกันฟุตบอล คือเป็นคนเริ่มคิดเพลย์ คุณต้องจำแผนในหัวได้มากกว่า 20 แผน คุณต้องศึกษาเรื่องแท็กติกเยอะมาก ๆ เรียนรู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของคู่แข่งว่าอยู่ตรงไหน เราจะได้โจมตีได้ถูก นอกจากนั้นคุณต้องมีความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก บางทีต้องเปลี่ยนเกมอย่างฉับพลันในเสี้ยววินาที คนที่มีจินตนาการเยอะ ๆ ก็จะได้เปรียบในการเล่นตำแหน่งนี้ค่ะ"
"ข้อสอง เป็นเรื่องทัศนคติ หรือ Mindset อย่างที่บอกคือเซ็ตเตอร์จะเป็นคนเลือกเพลย์การเล่น ดังนั้น เราต้องเข้าใจเพื่อนร่วมทีมอย่างดีมาก ๆ ว่าคนนี้ชอบตีมุมไหน เราจะได้เซ็ตบอลไปให้เขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นคุณต้องขยันที่จะทำความรู้จักกับคนรอบตัว อย่าคิดว่าตัวเองเก่งคนเดียวแล้วก็พอ แต่ยิ่งให้เวลา กับการศึกษาเพื่อน ๆ มากเท่าไหร่ เกมรุกก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น"
"ยกตัวอย่างตอนที่ไปเล่นในลีกอเมริกา ระบบการแข่งจะเปลี่ยนทีมตลอดทุกวีก ไม่มีทีมประจำ ดังนั้นพอแต่ละวีก เราถูกประกบทีมกับใคร ก็ต้องไปทำการบ้าน ศึกษาเพื่อนร่วมทีมใหม่ ว่าเขาเล่นแบบไหน ชอบตียังไง ถ้าเราเอ้อระเหย ไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ไม่ทำการบ้านมากพอ เราก็จะเล่นได้ไม่ดี นี่คือสิ่งที่คนเป็นเซ็ตเตอร์ต้องทำ"
นอกเหนือจากเรื่องจินตนาการ และ Mindset แล้ว อีกหนึ่งอย่างที่นุศราบอกว่าสำคัญมาก ๆ คือเรื่อง สภาพร่างกาย
"เราจะพูดกับน้อง ๆ เสมอว่า ร่างกายสำคัญสุด เพราะถ้าคุณไม่สมบูรณ์ต่อให้เป็นนักกีฬาที่เก่งขนาดไหน ร่างกายไม่พร้อมคุณก็เล่นได้ไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์อยู่ดี ดังนั้นเราต้องให้ความสำคัญกับร่างกายมาก ๆ ดูแลมันให้แข็งแรง และใช้งานได้นานที่สุด"
"คนเป็นนักวอลเลย์บอล ต้องกระโดดสูงเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เราต้องพัฒนากล้ามเนื้อให้มีแรงส่ง เราต้องมีปฏิกริยาตอบสนองเร็วมาก ๆ เพราะพริบตาที่คู่แข่งตีสวนกลับมา เรามีเวลาแค่เสี้ยววินาทีที่จะคิดว่าจะเล่นยังไงต่อ รวมถึงความอึดของร่างกาย ในการแข่งที่อาจจะลากยาวไปถึง 5 เซ็ต ใครยังเหลือแรงมากกว่า ก็อาจเล่นจังหวะฆ่าคู่แข่งได้ง่ายกว่า คือมันใช้ร่างกายเยอะจริงๆ"
ในบรรดาเซ็ตเตอร์ที่นุศรารู้จักนั้น มีหลายคนที่เธอศรัทธาในฝีมือ แต่คนที่ถือเป็นไอดอลมีอยู่สองคน คนแรกคือปริม อินทวงศ์ และ คนที่สองคือโยชิเอะ ทาเคชิตะ
"พี่ปริมคือไอดอลของเรา เราอยากเป็นแบบพี่เขา ก็เลยเรียนรู้จากพี่ปริมในหลาย ๆ อย่าง ส่วนทาเคชิตะนั้น มีครั้งหนึ่งเราเคยไปแข่งที่ต่างประเทศ แล้วเห็นทาเคชิตะที่ตัวเล็กมาก 159 เซนติเมตร แต่ทั้งเก่งและไว เราเลยรู้สึกว่า โอ้โห เขาสามารถกลบจุดด้อยตรงนั้นด้วยจุดเด่นอย่างอื่นได้ พอเห็นปั๊บเราก็เลยคิดว่า เราเองก็ไม่สูงมากนะ แค่ 169 เซนติเมตร ถ้าเทียบกับพวกยุโรป พวกอเมริกา ตัวเซ็ตเขาก็ 180 อัพกันทั้งนั้น แต่ถ้าทาเคชิตะยังเล่นได้ดีมาก เราก็ควรทำได้เหมือนกัน เราก็เลยอยากเล่นให้ได้อย่างเขาค่ะ"
นุศรา เป็นคนที่ยกระดับวงการวอลเลย์บอลของประเทศไทยขึ้นไปอีกขั้น เธออยู่ในยุค 7 เซียน ที่เคยคว้าแชมป์เอเชียมาแล้ว แต่ตอนนี้เธอรีไทร์จากทีมชาติแล้ว และคอยเฝ้าดูความสำเร็จของน้อง ๆ รุ่นใหม่ ที่เธอเชื่อเหลือเกินว่า ความฝันไปสู่โอลิมปิกรอบสุดท้ายจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต วันใดวันหนึ่ง
"ทุกคนบอกว่า ชุด 7 เซียน เป็นชุดดีที่สุด แต่เราบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า เด็ก ๆ ในเจเนเรชั่นต่อไป เขาจะเก่งกว่าพวกเราอีก แต่ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ เหมือนคิดว่าเราก็คงอวยรุ่นน้องอะไรอย่างนี้ แต่สิ่งที่เรารู้ ในฐานะที่เห็นมาตลอด คือเด็กพวกนี้มีความสามารถสูงมาก"
"สิ่งที่เหนือกว่ารุ่นของนุช ก็อย่างเช่น เทคนิคบางอย่าง เราอายุ 20 ปีก็ยังทำไม่ได้เลย แต่เด็ก ๆ เขาทำได้ตั้งแต่อายุ 18 แล้ว พวกเขาเริ่มเล่นระดับโลกตั้งแต่อายุน้อยมาก แถมมีศาสตร์ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ผ่านมา ทุกคนอาจจะเห็นฟอร์มน้อยไปหน่อยเพราะเป็นช่วงโควิดพอดี แต่จากนี้ล่ะ เราจะได้เริ่มดูอะไรสนุก ๆ แน่ และความฝันโอลิมปิก นุชเชื่อว่าถึงรุ่นของนุชจะได้แค่เกือบ แต่รุ่นของน้อง ๆ จะไปถึงได้แน่ ๆ ในสักวัน"
ปัจจุบัน นุศราอายุ 37 ปี เธอยังคงเล่นวอลเลย์บอลอยู่ ยังไม่ได้รีไทร์ แต่อยู่ในช่วงกำลังวางแผน จะกลับไปเล่นที่อเมริกาอีกครั้งหรือไม่ ระหว่างนี้เธอก็ยังคงเฝ้าดูวอลเลย์บอลทีมชาติไทย และตามให้กำลังใจทุก ๆ คนเหมือนเดิม
------------------------
กลับมาที่ประเด็นของ UA Combine ที่จัดการแข่งขัน 4 ประเทศในเอเชีย-โอเชียเนีย ประกอบด้วย มาเลเซีย, สิงคโปร์, ออสเตรเลีย และ ไทย โดยตัวนุศราได้เข้าร่วมแข่งขันมาแล้ว 1 ครั้งที่สิงคโปร์ และเธอบอกว่าเป็นการแข่งที่ "สนุกมาก" โดยตั้งใจจะแข่งขันที่ประเทศไทยอีกครั้ง ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ด้วย
UA Combine เป็นบททดสอบสมรรภาพร่างกาย ที่จัดโดย Under Armour แบ่งการทดสอบออกเป็น 8 ฐาน คนที่ได้คะแนนรวมประเภทเดี่ยว ใน 8 ฐานสูงสุด จะได้เงินรางวัลสูงถึง 120,000 บาท!
ถามความรู้สึกของนุศรา ว่าไปแข่งมาแล้วที่สิงคโปร์ รู้สึกอย่างไรบ้าง เธอตอบว่า "สนุกมากค่ะ ! ตอนแรกเราคิดว่าจะเป็นการแข่งที่ต่างคนต่างต้องการมาเพียงเพื่อชิงรางวัล แต่เอาเข้าจริง ๆ ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ คนเข้าแข่งเชียร์กันเองหมดเลย สุดท้ายมันเป็นการพิสูจน์ร่างกายของตัวเอง ว่าทำได้แค่ไหนมากกว่า"
"บรรยากาศงานวันนั้นจัดแบบอลังการมาก เขาเนรมิตโรงไฟฟ้าเก่าให้เป็นสถานที่แข่ง และเปิดเพลงตลอดเลยค่ะ แล้ววันนั้นนุชก็เจอนักกีฬาทีมชาติสิงคโปร์หลายคนด้วย ทั้งชายและหญิง มีทั้งนักวิ่ง นักว่ายน้ำ คือทุกคนคึกคักมาก บางคนก็รู้จักเราด้วยนะ"
"การจัดการทุกอย่างเขาดีหมด แบ่งโซนชัดเจน มีเจ้าหน้าที่อธิบายตลอด ไม่ต้องกลัวว่าจะวอร์มยังไง ทำอะไรก่อนหลัง เขาจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อยดีมาก ๆ ค่ะ"
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักการแข่งขัน UA Combine การแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 8 ฐาน ประกอบด้วย
1. Agility (ความว่องไว) – ทดสอบวิ่งเปลี่ยนทิศทางเป็นหัวลูกศร
2. Stamina (ความแข็งแกร่ง) – โหนบาร์
3. Vertical (แนวดิ่ง) – กระโดดแนวดิ่ง
4. Power (พละกำลัง) – ทดสอบดันรถเข็นถ่วงน้ำหนัก (Sled) ระยะ 20 เมตร
5. Endurance (ความทนทาน) – ทดสอบวิ่งไปกลับ 20 เมตร
6. Strength (ความแข็งแรง) – ยกท่า Bench Press 3RM
7. Speed (ความเร็ว) – วิ่ง 40 หลา
8. Cognition (การรับรู้) – ทดสอบปฏิกิริยา กดสัญญาณบนจอภาพ
"เราสามารถเริ่มฐานไหนก่อนก็ได้ค่ะ (ยกเว้นฐาน Endurance) เขาจะเก็บสถิติของเราไว้ แล้วช่วงท้ายจะการทดสอบ Endurance ร่วมกัน และเอามารวมกันทีเดียวตอนเราได้ครบ 8 ฐาน" นุศราเล่า "อย่างนุชเอง เราเริ่มจากที่เราถนัดก่อน คือกระโดดแนวดิ่ง ก็จะให้ยืนตรง ๆ แล้วจั๊มพ์ขึ้นไปเลย เพื่อวัดว่าเรากระโดดได้สูงกี่เซนติเมตร จากนั้นก็วนไปทดสอบอย่างอื่น ก่อนจะมาจบที่ ดึงเลื่อน 20 เมตร ที่ต้องใช้พลังมากสุด"
นุศรากระโดดสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด ถือว่าสถิติไม่เลวทีเดียว แต่เธอบอกว่า ที่ประเทศไทยในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ อยากได้อันดับ 1 บ้าง เช่นเดียวกับอันดับรวม 8 ฐาน ที่เธอจบอันดับ 23 คราวนี้ก็ตั้งใจจะขยับอันดับขึ้นมาให้ดีกว่าเดิมให้ได้
"คือตอนนั้นเราซ้อมไปแค่ 2 สัปดาห์แล้วไปกระโดด ก็เลยรู้สึกว่าขายังไม่แข็งแรงมากพอ แต่ตอนนี้เราได้เตรียมตัวแล้ว ก็คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่าเดิม นุชเตรียมตัวเข้ม ๆ แบบกาแฟดำเลยค่ะ"
นุศราเล่าว่า สำหรับ UA Combine นั้น ทั้ง 8 ฐานนั้น ใครทำได้ดีล่ะก็ สามารถก้าวไปเป็นนักกีฬาอาชีพได้เลย และทุกคนก็มีโอกาสทำได้ดี เพียงแค่ต้องเตรียมร่างกายและจิตใจมาให้พร้อม ฝึกซ้อมให้มากพอ
"อย่างฐานกระโดดแนวดิ่งนั้น นักวอลเลย์บอลคุณต้องกระโดดสูงอยู่แล้วถูกไหมคะ ไม่งั้นจะตบจะบล็อกยังไง หรือฐานทดสอบความอึดของร่างกาย อย่างวิ่งไปกลับ 20 เมตร อันนี้ตอนเล่นทีมชาติ นุชทดสอบเป็นปกติเลยค่ะ ถ้าเราร่างกายไม่อึดพอ ตอนเล่นเซ็ต 5 ก็คงชนะคู่แข่งยากค่ะ"
"การทดสอบ 8 ฐาน เป็นเรื่องดีในแง่ว่า เราจะได้รู้ว่าตัวเองมีจุดเด่นจุดด้อยตรงไหน ตอนที่นุชไปแข่งขันที่สิงคโปร์ มันจะมีบางคนที่ร่างกายช่วงบนแข็งแรงมาก ก็จะทำพวกยก Bench Press และ ผลักสเลดได้ดี แต่พอมาฐานที่ใช้ Agility ใช้ความเร็วก็ทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น ดังนั้นคนที่เข้ามาแข่ง ก็จะได้รู้ตัวเองด้วยว่า เรายังขาดตรงไหน เอาไปพัฒนาต่อให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ"
นุศราทิ้งท้ายด้วยการเชิญชวนให้คนมาสมัครกันเยอะ ๆ โดยกล่าวว่า "งาน UA Combine มันสนุกมากนะคะ จัดที่สิงคโปร์สุดยอดแล้ว ที่ไทยก็น่าจะจัดได้ดีไม่แพ้กัน อย่าลืมว่ามาแข่งครั้งนี้ มันเหมือนกับมาวัด Performance ของตัวเองมากกว่า ถ้าทำดีชนะ ได้รางวัลก็ยินดีด้วยมาก ๆ แต่ถ้าไม่ชนะ เราจะได้รู้ว่า เรายังไม่พร้อมตรงไหน จะได้กลับไปฝึกให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก อย่างนุช เชื่อไหม โหนบาร์ไม่ได้เลยตอนทำ Combine ที่สิงคโปร์ มาคราวนี้ที่ไทย ก็รู้แล้วว่านี่เป็นจุดอ่อนเรา ก็จะแก้ตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ"
"ตอนนี้นุชได้ยินว่าคนสมัครฝั่งผู้ชายเต็มแล้ว แต่ผู้หญิงยังเหลือโควต้านะคะ อยากให้ผู้หญิงทุกคนรีบเข้ามาสมัครกันนะ ทุกคนมีโอกาสชนะ มีโอกาสได้มาลอง ต่อให้ไม่ชนะก็ได้มาพิสูจน์ตัวเองนะคะ ได้สุขภาพที่ดี ร่างกายที่แข็งแรง แถมได้ลุ้นเงินรางวัลด้วย แล้วอาจได้เพื่อนใหม่กลับไปเพียบเลย แล้วไปเจอกันวันนั้นนะคะ เจอกันแล้วทักนุชด้วยนะ"
บทสรุปของงานสิงคโปร์ผู้ชนะรางวัลประเภทเดี่ยวฝ่ายหญิงเป็นนักกีฬาว่ายน้ำครับ ชื่อ คุณอแมนดา ลิม เธอทำคะแนนไปได้ที่หนึ่งในฐานโหนบาร์ (Stamina) และอยู่ราว ๆ อันดับ 4 – 17 ในฐานอื่น ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจที่ผู้ชนะเป็นนักกีฬาที่ไม่ใช่สายฟิตเนสแต่เป็นนักกีฬาที่มีทักษะที่เรียกได้ว่าครบเครื่อง
ใครที่อยากไปตามไปดูคุณนุศราโชว์ฝีมือที่สิงคโปร์แบบเป็นวิดีโอ ไปดูกันได้ครับที่ https://youtu.be/jmvFmDdSf7M