นัดกับเพื่อนสมัยมหาลัย ว่าจะไปเที่ยวสุโขทัยกัน
ป๊าดดดดดด... ใกล้จะไป คุณเพื่อนติดโควิด เลื่อนมาเดือนนึง
พอย่างเข้ากันยา คราวนี้ ไม่พลาดละ ... ทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว ก็ออกตัวกันเลย
เที่ยวนี้ เราได้ไกด์ดีมาก พาไปเที่ยวที่ที่น่าสนใจ ปล่อยให้เราได้ชิลล์กับบรรยากาศในแบบฉบับของเราเอง คอยตามถ่ายรูป เก็บรูปให้ทุกมุมองศา และแนะนำสถานที่น่าสนใจหลาย ๆ ที่ให้เราได้พักผ่อน เที่ยวเล่น แบบชิลล์ ๆ ในเวลา 2 คืน 3 วัน
พูดถึงความถ่ายรูปของไกด์นี่ เต็ม 10 ต้องได้ 15 ค่ะ
น้องเค้าตามถ่ายทุก shot จริง ๆ แบบ literally
เราก้มลงกราบพระ อุ้มนก นั่งสมาธิ น้องตามถ่ายตามเก็บทุก shot โดยป้า ๆ ไม่ได้บอก
เลยมีรูปที่ไม่ใช่ action ปกติ action ทั้งที่เก๊ก และไม่เก๊ก เต็มไปหมด
ขอแชร์โปรแกรมคร่าว ๆ เผื่อใครสนใจนะคะ
เราไปถึงเช้าวันเสาร์ โดยสายการบินบางกอกแอร์เวยส์
กรุงเทพ-สุโขทัย เที่ยวสะดวกสุดคือ ช่วงเช้าค่ะ เครื่องออกจากสุวรรณภูมิประมาณ 7 โมงเช้า ถึงที่นั่นราว ๆ 8.20 เครื่องบินเป็นแบบลำเล็ก รุ่นอะไรไม่ทราบชื่อนะคะ แต่เป็น 2 แถว แถวละ 2 ที่นั่ง กะทัดรัด บินระยะที่ไม่สูงมาก มองเห็นพื้นดินเกือบตลอดทริป
อ้อ... ถ้าจะไปให้ประหยัดหน่อย แนะนำอย่าซื้อวันศุกร์ค่ะ เหมือนตั๋วจะแพง เขยิบมาไปวันเสาร์ตั๋วถูกกว่าเยอะ
พอไปถึง น้องไกด์คนน่ารักก็มารับค่ะ
สนามบินสุโขทัย ขนาดกะทัดรัดน่ารักมาก ๆ วิวก็สวย
ช่วงที่เราไป เจอฝนตกค่ะ แต่ไม่ตกทั้งวันหรือทุกวันนะคะ เฉพาะบางช่วง และช่วงที่ฝนไม่ตก อากาศก็ดีมาก มาก มาก คือ เจอบรรยากาศฟ้าอุ้มฝน ทำให้แดดไม่แรง และลมโชยเบา ๆ เป็นระยะ
ลงจากเครื่องปุ๊บ น้องไกด์พาไปกินร้านนี้ค่ะ


จานเด็ดเลยคือ ข้าวผัดปลาทู สั่งเถอะ อร่อยจริง
สองสาวกินรวมกันประมาณ 4 จาน เช็คบิลออกมาหลักร้อยกว่า ๆ เท่านั้นเองค่ะ
จากนั้น เราก็ไปที่สถานีรถไฟสวรรคโลก
ให้บรรยากาศ retro ทีเดียว ดูเหมือนสถานีรถไฟแห่งนี้ จะไม่มีรถไฟผ่านไปมาสักเท่าไรนะคะ
ระหว่างที่เที่ยว ทาง กทม. ก็ส่งรูปของงาน sacict ที่ไบเทคมาให้พิณา ...
โอ๊ยยยยย น่ารักทั้งน้านนนน

จากนั้น เราก็ไปสู่จุดหมายแรกเลยคือ ศรีสัชนาลัย หรือบางครั้ง เราจะรู้จักกันในชื่อของ เมืองเชลียง ก่อนจะไปนาต้นจั่นในตอนบ่าย
วัดสำคัญที่ต้องแวะเลยคือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหารที่อยู่ตรงเขตศรีสัชนาลัย
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่มาก




ขออนุญาตคัดข้อความของคุณ chubbylawyer ที่เขียนลงในเว็บ wongnai นะคะที่บอกเล่าว่า เมืองเชลียงนี้ ถึงแม้ขนาดไม่ใหญ่แต่เก่าแก่กว่ากรุงสุโขทัยเสียอีก
ที่สำคัญ หากคุณเป็นแฟนละครเรื่องศีรษะมาร และใจสั่นทุกทีเวลาเห็นคุณยายวรนารถคายตะขาบ ก็ขอให้ทราบไว้นะคะว่า คุณยายท่านมีพื้นเพมาจากเมืองเชลียงนี่ล่ะค่ะ
อะ...อ่านเพิ่มเติมได้ใน spoil ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมืองเชลียง เป็นเมืองเก่า .... เก่ากว่ากรุงสุโขทัยอีกครับ ที่ตั้งของเมืองเชลียงอยู่ในอำเภอศรีสัชนาลัย บริเวณแก่งหลวงจนถึงตรงช่วงแหลมโค้งข้อศอกของแม่น้ำยม ทำให้บริเวณเมืองเชลียงมีแม่น้ำยมล้อมรอบเมืองเกือบทั้งสี่ด้าน
พื้นที่ภายในกำแพงเมืองเชลียงมีเนื้อที่ประมาณ 1 ตารางกิโลเมตรเท่านั้นนับว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับเมืองโบราณหลายๆที่ เมื่อเมืองเชลียงมีความเจริญเติบโตมากขึ้น เนื้อที่ภายในกำแพงเมืองจึงคับแคบไป จึงได้ไปสร้างเมืองใหม่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเก่าแล้วตั้งชื่อใหม่ว่า เมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งก็คืออุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย (ต่อมาถึงจะไปสร้างกรุงสุโขทัยที่อยู่ทางตอนใต้ลำน้ำยม)
ถ้าพูดถึงเมืองเชลียง เจ้าของบล็อกจะนึกถึง “คุณยายวรนารถ” แห่ง “ละครทายาทอสูร” ครับ เพราะปีศาจที่คุณยายวรนารถบูชามีต้นกำเนิดจากเมืองเชลียง (ถ้าดูเวอร์ชั่นล่าสุดของช่อง 3 จะเห็นชัดว่ามีมาถ่ายที่ศรีสัชนาลัยเยอะทีเดียว)
จากการขุดค้นทางโบราณคดี พื้นที่ที่เป็นเมืองเชลียงเก่าปรากฎว่ามีการใช้พื้นที่นั้นเรื่อยมาตั้งแต่ก่อนสมัยประวัติศาสตร์ (ทั้งบริเวณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร ศรีสัชนาลัย วัดชมชื่น และวัดเจ้าจันทร์) อีกทั้งเมืองเชลียงก็มีอายุอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับอารยธรรมทวาราวดีต่อเนื่องมาถึงสมัยที่ขอมเรืองอำนาจทีเดียว
การเดินทางไป วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร ศรีสัชนาลัย สุโขทัย ขับรถเลยจากอำเภอเมืองสุโขทัยไปทางทิศเหนือตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ประมาณ 50 กว่าๆกิโลเมตร เมื่อมาถึงเขตอำเภอศรีสัชนาลัยจะใช้เส้นทางอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยก็ได้ หรือจะมุ่งตรงมาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร หรือ วัดพระปรางค์ เลยก็ได้ครับ
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือ วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง เรียกอีกชื่อว่า วัดพระปรางค์ ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเก่าศรีสัชนาลัยลงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 1.9 กิโลเมตร เป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง เป็นโบราณสถานที่อยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นวัดที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ สร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ 17 – 18 โดยวัดนี้เป็นวัดสำคัญในเขตเมืองเชลียงมาแต่เดิม ปรากฏหลักฐานในจารึกโบราณมากมายแสดงถึงความสำคัญของเมืองเชลียง
ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ชื่อเมืองเชลียงปรากฏอยู่ในด้านที่ 3 บรรทัดที่ 22 – 23 กล่าวว่า
“จารึกอันหนึ่งมีในเมืองเชลียง สถาบกไว้ด้วยพระศรีรัตนมหาธาตุ”
จารึกวัดศรีชุม (จารึกหลักที่ 2) ชื่อเมืองเชลียงปรากฏอยู่ในด้านที่ 1 บรรทัดที่ 12
“เป็นขุนในเมืองเชลียง”
จารึกหลักที่ 10 (ศิลาจารึกสองแคว) ชื่อเมืองเชลียงปรากฏในด้านที่ 1 บรรทัดที่ 9 – 12
“ท่านเจ้าพันได้สร้างถาวรวัตถุในเมืองชะเลียง สองแคว เชียงใหม่ และสุโขทัย”
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2478 ได้โอนมาขึ้นในปกครองคณะสงฆ์ เมื่อ พ.ศ. 2479 ได้รับสถาปนาเป็นพระอารามหลวง เมื่อ พ.ศ. 2501
บริเวณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร ศรีสัชนาลัย สุโขทัย มีโบราณสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง แต่วันนี้เจ้าของบล็อกจะพาไปชมเฉพาะพระปรางค์กับโบราณสถานใกล้เคียง 2-3 แห่งครับ
เขตโบราณสถานจะล้อมรอบด้วยกำแพง เป็นศิลาแลงแท่งกลมขนาดใหญ่ปักเรียงชิดติดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 60 เมตร ยาว 90 เมตร มีคานทับหลังกำแพงเป็นรูปหลังเจดีย์ตัด
มีทางเข้าออกที่ด้านหน้าและด้านหลัง เหนือซุ้มประตูทำเป็นรูปคล้ายหลังคายอดแหลมเหมือนช่อฟ้า เหนือซุ้มขึ้นไปเป็นรูปปั้นรูปพรหมพักตร์และรูปนางอัปสรฟ้อนรำอยู่ต่ำลงมา
พอลอดซุ้มประตูศิลาแลงเข้าไปจะเห็น พระวิหาร ที่ก่อด้วยศิลาแลง ฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 19.20 เมตร ยาว 25.20 เมตร ฐานสูง 1.20 เมตร เป็นวิหารขนาดหกห้อง มีมุขยื่นออกมาทางด้านหน้า ผนังวิหารเป็นแบบผนังทึบเจาะช่องแสง
พระประธานเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย ขนาบด้วยพระพุทธรูปยืนขนาดเล็กทั้งขวาและซ้าย ปัจจุบันเหลือเฉพาะฐานพระวิหารและเสาบางส่วน
พระปรางค์ประธาน อยู่ด้านหลังพระวิหาร ก่อด้วยศิลาแลงฉาบแล้วลงสีชาดทับ แต่ปัจจุบันสีได้ลอกออกบางส่วน ลักษณะภายนอกเป็นปรางค์แบบอยุธยา ฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 30 เมตร ฐานเขียงขั้นแรกย่อมุมไม้สิบสอง ฐานล่างสุดก่อผนังแบบทึบ เจาะช่องแสงกันอยู่ด้านในสามชั้น (วิหารคด) เรือนธาตุทางด้านหน้าทำเป็นซุ้มโถง มีบันไดขึ้นไปสู่ซุ้มทางด้านหลังพระวิหาร ภายในซุ้มโถงมีสถูปขนาดเล็กรูปดอกบัวตูมประดิษฐานอยู่ อาจเป็นที่บรรจุพระธาตุ ตามผนังภายในองค์ปรางค์มีร่องรอยว่าแต่เดิมมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ส่วนบริเวณเรือนธาตุทางด้านหลัง ทำเป็นบันไดขึ้นสู่องค์ปรางค์เช่นเดียวกัน แต่เป็นประตูหลอก ฐานชั้นล่างสุดมีพระสาวกเดินประณมมือประทักษิณ
มีข้อสันนิษฐานว่าพระปรางค์ได้ถูกสร้างทับปราสาทหินในอารยธรรมขอม หรืออาจจะเป็นการสร้างพระปรางค์ทรงอยุธยาครอบทับเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เพื่อเป็นการแสดงถึงอำนาจของอาณาจักรอยุธยาเหนืออาณาจักรสุโขทัย
พระวิหารขนาดเล็ก ก่อด้วยศิลาแลงอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ขนาดห้าห้อง กว้าง 7 เมตร ยาว 10 เมตร ด้านหลังทำเป็นซุ้มพระ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งซึ่งชำรุดหักพังเป็นส่วนใหญ่
อ่านต่อได้ที่
https://www.wongnai.com/attractions/326262iR-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C?ref=ct
https://www.wongnai.com/attractions/326262iR-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C
วัดนี้ มีแม่น้ำยมไหลผ่าน
ซึ่งแม่น้ำสายนี้ จะไหลไปรวมกับปิง วัง น่าน ที่ปากน้ำโพ และเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา
พวกเราแวะกราบพระที่วัดนี้

ตอนขาลงจากพระปรางค์ เจอพิราบอ้วนนอนอยู่ที่บันได เขยิบขาไปทีละนิดแบบน่าสงสาร


ทั้ง ๆ ที่อิชั้นกับคุณเพื่อนนี่ก็กลัวสารพัดสรรพสัตว์ แต่ก็ช่วยกัน กลั้นใจหยิบถุงพลาสติกในกระเป๋ามาสวมมือ แล้วค่อย ๆ อุ้มนกที่ (คิดเอาเองว่า) ขาหัก ตั้งใจจะพาไปหาสัตวแพทย์
ค่อย ๆ ประคองวางนางไว้บนโต๊ะ หน้าโบสถ์
กราบเรียนหลวงลุงที่อยู่แถวนั้น ว่าเจอนกป่วย คิดว่าขาหัก
หลวงลุงท่านมาอุ้มนก แล้วจับ ๆ ขาดู บอกว่า ขาไม่หัก แล้วท่านก็ปล่อยนกไปบนสนามหญ้า
ชายหนุ่ม 2 คนที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่แถวนั้น มองพวกเราด้วยสายตากลั้วหัวเราะแล้วบอกว่า
“มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก คือ น้องนกอ้วนนี่ ชอบนั่งจุมปุ๊กอยู่อย่างนั้นเองแหละ สไตล์เค้าละ”
ปรากฎว่า สักพัก มันไม่ได้เป็นอะไรจริงเว้ยเฮ้ย
เราถวายเทียนออกมาจากโบสถ์อีกที แม่คุณนี่ก็หายไปแล้ว
แต่นั่นแหละ ถึงอย่างไรช่วยไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย ขี้เกียจมารู้สึกผิดทีหลังที่ไม่ได้ช่วย
เราไหว้พระ ถวายเทียนหอมอิเกียในเชิงเทียนแก้วรูปดอกบัวเสร็จเรียบร้อย ก็ไปแวะกินกาแฟ กินขนมที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ ชื่อว่า ชมปรางค์ ก็สมชื่อค่ะ วิวที่สวยของร้านคือ มองไปจะเห็นพระปรางค์อยู่ลิบ ๆ


[CR] สุโขทัย ... รุ่งอรุณแห่งความสุขอันแสนผาสุก
ป๊าดดดดดด... ใกล้จะไป คุณเพื่อนติดโควิด เลื่อนมาเดือนนึง
พอย่างเข้ากันยา คราวนี้ ไม่พลาดละ ... ทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว ก็ออกตัวกันเลย
เที่ยวนี้ เราได้ไกด์ดีมาก พาไปเที่ยวที่ที่น่าสนใจ ปล่อยให้เราได้ชิลล์กับบรรยากาศในแบบฉบับของเราเอง คอยตามถ่ายรูป เก็บรูปให้ทุกมุมองศา และแนะนำสถานที่น่าสนใจหลาย ๆ ที่ให้เราได้พักผ่อน เที่ยวเล่น แบบชิลล์ ๆ ในเวลา 2 คืน 3 วัน
พูดถึงความถ่ายรูปของไกด์นี่ เต็ม 10 ต้องได้ 15 ค่ะ
น้องเค้าตามถ่ายทุก shot จริง ๆ แบบ literally
เราก้มลงกราบพระ อุ้มนก นั่งสมาธิ น้องตามถ่ายตามเก็บทุก shot โดยป้า ๆ ไม่ได้บอก
เลยมีรูปที่ไม่ใช่ action ปกติ action ทั้งที่เก๊ก และไม่เก๊ก เต็มไปหมด
ขอแชร์โปรแกรมคร่าว ๆ เผื่อใครสนใจนะคะ
เราไปถึงเช้าวันเสาร์ โดยสายการบินบางกอกแอร์เวยส์
กรุงเทพ-สุโขทัย เที่ยวสะดวกสุดคือ ช่วงเช้าค่ะ เครื่องออกจากสุวรรณภูมิประมาณ 7 โมงเช้า ถึงที่นั่นราว ๆ 8.20 เครื่องบินเป็นแบบลำเล็ก รุ่นอะไรไม่ทราบชื่อนะคะ แต่เป็น 2 แถว แถวละ 2 ที่นั่ง กะทัดรัด บินระยะที่ไม่สูงมาก มองเห็นพื้นดินเกือบตลอดทริป
อ้อ... ถ้าจะไปให้ประหยัดหน่อย แนะนำอย่าซื้อวันศุกร์ค่ะ เหมือนตั๋วจะแพง เขยิบมาไปวันเสาร์ตั๋วถูกกว่าเยอะ
พอไปถึง น้องไกด์คนน่ารักก็มารับค่ะ
สนามบินสุโขทัย ขนาดกะทัดรัดน่ารักมาก ๆ วิวก็สวย
ช่วงที่เราไป เจอฝนตกค่ะ แต่ไม่ตกทั้งวันหรือทุกวันนะคะ เฉพาะบางช่วง และช่วงที่ฝนไม่ตก อากาศก็ดีมาก มาก มาก คือ เจอบรรยากาศฟ้าอุ้มฝน ทำให้แดดไม่แรง และลมโชยเบา ๆ เป็นระยะ
ลงจากเครื่องปุ๊บ น้องไกด์พาไปกินร้านนี้ค่ะ
จานเด็ดเลยคือ ข้าวผัดปลาทู สั่งเถอะ อร่อยจริง
สองสาวกินรวมกันประมาณ 4 จาน เช็คบิลออกมาหลักร้อยกว่า ๆ เท่านั้นเองค่ะ
จากนั้น เราก็ไปที่สถานีรถไฟสวรรคโลก
ให้บรรยากาศ retro ทีเดียว ดูเหมือนสถานีรถไฟแห่งนี้ จะไม่มีรถไฟผ่านไปมาสักเท่าไรนะคะ
ระหว่างที่เที่ยว ทาง กทม. ก็ส่งรูปของงาน sacict ที่ไบเทคมาให้พิณา ...
โอ๊ยยยยย น่ารักทั้งน้านนนน
จากนั้น เราก็ไปสู่จุดหมายแรกเลยคือ ศรีสัชนาลัย หรือบางครั้ง เราจะรู้จักกันในชื่อของ เมืองเชลียง ก่อนจะไปนาต้นจั่นในตอนบ่าย
วัดสำคัญที่ต้องแวะเลยคือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหารที่อยู่ตรงเขตศรีสัชนาลัย
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่มาก
ขออนุญาตคัดข้อความของคุณ chubbylawyer ที่เขียนลงในเว็บ wongnai นะคะที่บอกเล่าว่า เมืองเชลียงนี้ ถึงแม้ขนาดไม่ใหญ่แต่เก่าแก่กว่ากรุงสุโขทัยเสียอีก
ที่สำคัญ หากคุณเป็นแฟนละครเรื่องศีรษะมาร และใจสั่นทุกทีเวลาเห็นคุณยายวรนารถคายตะขาบ ก็ขอให้ทราบไว้นะคะว่า คุณยายท่านมีพื้นเพมาจากเมืองเชลียงนี่ล่ะค่ะ
อะ...อ่านเพิ่มเติมได้ใน spoil ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วัดนี้ มีแม่น้ำยมไหลผ่าน
ซึ่งแม่น้ำสายนี้ จะไหลไปรวมกับปิง วัง น่าน ที่ปากน้ำโพ และเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา
พวกเราแวะกราบพระที่วัดนี้
ตอนขาลงจากพระปรางค์ เจอพิราบอ้วนนอนอยู่ที่บันได เขยิบขาไปทีละนิดแบบน่าสงสาร
ทั้ง ๆ ที่อิชั้นกับคุณเพื่อนนี่ก็กลัวสารพัดสรรพสัตว์ แต่ก็ช่วยกัน กลั้นใจหยิบถุงพลาสติกในกระเป๋ามาสวมมือ แล้วค่อย ๆ อุ้มนกที่ (คิดเอาเองว่า) ขาหัก ตั้งใจจะพาไปหาสัตวแพทย์
ค่อย ๆ ประคองวางนางไว้บนโต๊ะ หน้าโบสถ์
กราบเรียนหลวงลุงที่อยู่แถวนั้น ว่าเจอนกป่วย คิดว่าขาหัก
หลวงลุงท่านมาอุ้มนก แล้วจับ ๆ ขาดู บอกว่า ขาไม่หัก แล้วท่านก็ปล่อยนกไปบนสนามหญ้า
ชายหนุ่ม 2 คนที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่แถวนั้น มองพวกเราด้วยสายตากลั้วหัวเราะแล้วบอกว่า
“มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก คือ น้องนกอ้วนนี่ ชอบนั่งจุมปุ๊กอยู่อย่างนั้นเองแหละ สไตล์เค้าละ”
ปรากฎว่า สักพัก มันไม่ได้เป็นอะไรจริงเว้ยเฮ้ย
เราถวายเทียนออกมาจากโบสถ์อีกที แม่คุณนี่ก็หายไปแล้ว
แต่นั่นแหละ ถึงอย่างไรช่วยไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย ขี้เกียจมารู้สึกผิดทีหลังที่ไม่ได้ช่วย
เราไหว้พระ ถวายเทียนหอมอิเกียในเชิงเทียนแก้วรูปดอกบัวเสร็จเรียบร้อย ก็ไปแวะกินกาแฟ กินขนมที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ ชื่อว่า ชมปรางค์ ก็สมชื่อค่ะ วิวที่สวยของร้านคือ มองไปจะเห็นพระปรางค์อยู่ลิบ ๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้