https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=9&item=26&items=25&preline=1
[๓๔] ๘. (๔) อนึ่ง ในฐานะที่ ๔ สมณพราหมณ์ผู้เจริญ อาศัยอะไร ปรารภอะไรจึงมีทิฏฐิว่า
บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง
บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ เป็นนักตรึก เป็นนักค้นคิด
กล่าวแสดงปฏิภาณของตนตามที่ตรึกได้ ตามที่ค้นคิดได้ อย่างนี้ว่า
1. สิ่งที่เรียกว่าจักษุก็ดี โสตะก็ดี ฆานะก็ดี ชิวหาก็ดี กายก็ดี นี้ได้ชื่อว่าอัตตา
เป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน มีอันแปรผันเป็นธรรมดา
2. ส่วนสิ่งที่เรียกว่าจิตหรือใจหรือวิญญาณ นี้ชื่อว่าอัตตา เป็นของเที่ยง ยั่งยืน คงทน
มีอันไม่แปรผันเป็นธรรมดา จักตั้งอยู่เที่ยงเสมอไปเช่นนั้นทีเดียว
ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เป็นฐานะที่ ๔
ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง อาศัยแล้ว ปรารภแล้ว จึงมีทิฏฐิว่า บางอย่างเที่ยง
บางอย่างไม่เที่ยง ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง.
สรุป.. ( จะสรุปพรุ่งนี้..ครับ )
อันนี้..คือนักคิด เขาย่อมพิจารณาได้ด้วยตนเองว่า..
ตา - หู - จมูก - ลิ้น - กาย.. ซึ่งเป็นรูปกาย..ว่าไม่เที่ยง
อันนี้..พระศาสนาท่านทรงกล่าวเอาไว้อีกที่ใน " อัสสุตวตาสูตร "...ว่า
"
ปุถุชนผู้มิได้สดับ... ก็อาจจะเบื่อหน่าย(เห็น)ในรูปได้...(เพราะว่ารูปมันแสดงอาการเสื่อมให้เห็นได้)
แต่เขา(ปุถุชนผู้มิได้สดับ).....ไม่อาจจะเบื่อหน่ายในสิ่งที่เรียกว่า จิต-มโนขวิญญาณ...ไปได้เลย "
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=16&siri=57
คือ..ปุถุชนที่มิได้สดับในพระสัทธรรม..นะ พอจะพิจารณาได้บ้างว่า..ร่างกายนี้...มันไม่เที่ยง
แต่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่า...สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นตัวเขาที่เรียกว่า " จิต-มโน-วิญญาณ" ..มันก็ไม่เที่ยง
เพราะสังเกตุไม่ทัน.. ซึ่งมันเกิด-ดับหน้าต่อหน้าต่อตา..เขาก็ไม่เห็น เพราะว่าเขายึดมั่นในสิ่งนั้นมาช้านาน
เพราะฉนั้น...สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ จึงบัญญัติว่า
บางอย่างเที่ยง <---- จิต - มโน - วิญญาณ...นี่หละเที่ยง
บางอย่างไม่เที่ยง <--- ร่างกายไม่เที่ยง
" สัตว์ "ตอนที่ 40 :ทิฏฐิ62..เอกัจจสัสสติกทิฏฐิ ๔ ..แบบที่ 4...นักคิด..ชาวพุทธมีวาทะอย่างนี้กันเยอะเลย
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=9&item=26&items=25&preline=1
[๓๔] ๘. (๔) อนึ่ง ในฐานะที่ ๔ สมณพราหมณ์ผู้เจริญ อาศัยอะไร ปรารภอะไรจึงมีทิฏฐิว่า
บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง
บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ เป็นนักตรึก เป็นนักค้นคิด
กล่าวแสดงปฏิภาณของตนตามที่ตรึกได้ ตามที่ค้นคิดได้ อย่างนี้ว่า
1. สิ่งที่เรียกว่าจักษุก็ดี โสตะก็ดี ฆานะก็ดี ชิวหาก็ดี กายก็ดี นี้ได้ชื่อว่าอัตตา
เป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน มีอันแปรผันเป็นธรรมดา
2. ส่วนสิ่งที่เรียกว่าจิตหรือใจหรือวิญญาณ นี้ชื่อว่าอัตตา เป็นของเที่ยง ยั่งยืน คงทน
มีอันไม่แปรผันเป็นธรรมดา จักตั้งอยู่เที่ยงเสมอไปเช่นนั้นทีเดียว
ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เป็นฐานะที่ ๔
ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง อาศัยแล้ว ปรารภแล้ว จึงมีทิฏฐิว่า บางอย่างเที่ยง
บางอย่างไม่เที่ยง ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง.
สรุป.. ( จะสรุปพรุ่งนี้..ครับ )
อันนี้..คือนักคิด เขาย่อมพิจารณาได้ด้วยตนเองว่า..
ตา - หู - จมูก - ลิ้น - กาย.. ซึ่งเป็นรูปกาย..ว่าไม่เที่ยง
อันนี้..พระศาสนาท่านทรงกล่าวเอาไว้อีกที่ใน " อัสสุตวตาสูตร "...ว่า
" ปุถุชนผู้มิได้สดับ... ก็อาจจะเบื่อหน่าย(เห็น)ในรูปได้...(เพราะว่ารูปมันแสดงอาการเสื่อมให้เห็นได้)
แต่เขา(ปุถุชนผู้มิได้สดับ).....ไม่อาจจะเบื่อหน่ายในสิ่งที่เรียกว่า จิต-มโนขวิญญาณ...ไปได้เลย "
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=16&siri=57
คือ..ปุถุชนที่มิได้สดับในพระสัทธรรม..นะ พอจะพิจารณาได้บ้างว่า..ร่างกายนี้...มันไม่เที่ยง
แต่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่า...สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นตัวเขาที่เรียกว่า " จิต-มโน-วิญญาณ" ..มันก็ไม่เที่ยง
เพราะสังเกตุไม่ทัน.. ซึ่งมันเกิด-ดับหน้าต่อหน้าต่อตา..เขาก็ไม่เห็น เพราะว่าเขายึดมั่นในสิ่งนั้นมาช้านาน
เพราะฉนั้น...สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ จึงบัญญัติว่า
บางอย่างเที่ยง <---- จิต - มโน - วิญญาณ...นี่หละเที่ยง
บางอย่างไม่เที่ยง <--- ร่างกายไม่เที่ยง