พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
[๔๒๗] ปุณณกมาณพทูลถามปัญหาว่า ข้าพระองค์มีความต้องการด้วยปัญหา จึงมาเฝ้าพระองค์ผู้ไม่มีความหวั่นไหว ผู้ทรงเห็นรากเหง้ากุศลและอกุศล สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ คือ ฤาษี กษัตริย์ พราหมณ์ เป็นอันมาก อาศัยอะไร จึงบูชายัญแก่เทวดาทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์จงตรัสบอกความข้อนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรปุณณกะ สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นอันมากในโลกนี้ คือ ฤาษี กษัตริย์ พราหมณ์ ปรารถนาความเป็นมนุษย์เป็นต้น อาศัยของมีชรา จึงบูชายัญแก่เทวดา
ทั้งหลาย ฯ
ป. สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นอันมากในโลกนี้ คือ ฤาษี กษัตริย์ พราหมณ์ บูชายัญแก่เทวดาทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้นิรทุกข์ สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่านั้น เป็นคนไม่ประมาทในยัญ ข้ามพ้นชาติและชราได้บ้างแลหรือ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์ตรัสบอกความข้อนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
พ. ดูกรปุณณกะ สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่านั้น ย่อมมุ่งหวัง ย่อมชมเชย ย่อมปรารถนา ย่อมบูชา ย่อมรำพันถึงกาม ก็เพราะอาศัยลาภ เรากล่าวว่า สัตว์เหล่านั้นประกอบการบูชา ยังเป็นคนกำหนัดยินดีในภพ ไม่ข้ามพ้นชาติและชราไปได้ ฯ (วัฏฏคามีกุศล/อกุศล)
ป. ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ถ้าหากว่าสัตว์เหล่านั้นผู้ประกอบการบูชา ไม่ข้ามพ้นชาติและชราไปได้ด้วยยัญญวิธีทั้งหลายไซร้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครเล่าในเทวโลกและมนุษยโลก ข้ามพ้นชาติและชราไปได้ในบัดนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์จงตรัสบอกความข้อนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
พ. ดูกรปุณณกะ ผู้ใดไม่มีความหวั่นไหว (ดิ้นรน) ในโลกไหนๆ เพราะได้พิจารณาเห็นธรรมที่ยิ่งและหย่อนในโลก ผู้นั้นสงบแล้ว ไม่มีความประพฤติชั่วอันจะทำให้มัวหมองดุจควันไฟ ไม่มีกิเลสอันกระทบจิต หาความ (ปรารถนา) หวังมิได้ เรากล่าวว่า ผู้นั้นข้ามพ้นชาติและชราไปได้แล้ว ฯ
จบปุณณกมาณวกปัญหาที่ ๓
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ ภาษาบาลี อักษรไทย
พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ สุตฺต. ขุ. ขุทฺทกปาฐ-ธมฺมปทคาถา-อุทานํ-อิติวุตฺตก-สุตฺตนิปาตา
สุตฺตนิปาเต ปญฺจมสฺส ปารายนวคฺคสฺส ตติยา ปุณฺณกปญฺหา
[๔๒๗] |๔๒๗.๑๔๗๑| ๓ อเนชํ มูลทสฺสาวึ (อิจฺจายสฺมา ปุณฺณโก)
อตฺถี ปเญฺหน อาคมํ
กึ นิสฺสิตา อิสโย มนุชา
ขตฺติยา พฺราหฺมณา เทวตานํ
ยญฺญมกปฺปึสุ ๑- ปุถูธ ๒- โลเก
ปุจฺฉามิ ตํ ภควา พฺรูหิ เม ตํ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๒| เย เกจิเม อิสโย มนุชา (ปุณฺณกาติ ภควา)
ขตฺติยา พฺราหฺมณา เทวตานํ
ยญฺญมกปฺปึสุ ๑- ปุถูธ ๒- โลเก
อาสึสมานา ปุณฺณก อิตฺถตํ ๓-
ชรํ ๔- สิตา ยญฺญมกปฺปยึสุ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๓| เย เกจิเม อิสโย มนุชา (อิจฺจายสฺมา ปุณฺณโก)
ขตฺติยา พฺราหฺมณา เทวตานํ
@เชิงอรรถ: ๑ โป. ยุ. สพฺพตฺถ ยญฺญมกปฺปยึสุ ฯ ๒ ยุ. ปุทู อิธ ฯ ๓ ม. อิตฺถตฺตํ ฯ
@ยุ. อิตฺถภาวํ ฯ ๔ โป. โอรํ ฯ
กญฺญมกปฺปึสุ ปุถูธ โลเก
กจฺจิสฺสุ เต ภควา (ยญฺญปเถ) อปฺปมตฺตา
อตารุ ชาติญฺจ ชรญฺจ มาริส
ปุจฺฉามิ ตํ ภควา พฺรูหิ เม ตํ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๔| อาสึสนฺติ ๑- โถมยนฺติ (อภิชปฺปนฺติ) ชุหนฺติ (ปุณฺณกาติ ภควา)
กามาภิชปฺปนฺติ ปฏิจฺจ ลาภํ
เต ยาชโยคา ภวราครตฺตา
นาตรึสุ ชาติชรนฺติ พฺรูมิ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๕| เต เจ ๒- นาตรึสุ ยาชโยคา (อิจฺจายสฺมา ปุณฺณโก)
ยญฺเญหิ ชาติญฺจ ชรญฺจ มาริส
อถ โก จรหิ เทวมนุสฺสโลเก
อตาริ ชาติญฺจ ชรญฺจ มาริส
ปุจฺฉามิ ตํ ภควา พฺรูหิ เม ตํ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๖| สงฺขาย โลกสฺมึ ปโรวรานิ ๓- (ปุณฺณกาติ ภควา)
ยสฺสิญฺชิตํ นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก
สนฺโต วิธูโม อนิโฆ นิราโส
อตาริ โส ชาติชรญฺจ พฺรูมีติ ฯ
ปุณฺณกมาณวกปญฺหา ตติยา ฯ
-------------
@เชิงอรรถ: ๑ โป. ม. อาสีสนฺติ ฯ ๒ โป. เต เว นาตรึสุ ฯ ๓ ม. ปโรปรานิ ฯ
วันนี้วันพระ (วันธัมมัสวนะ) เป็นกาลฟังธรรม ย้อนอ่านปุณณกมาณวปัญหา โสฬสปัญหาที่ ๓
พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ สุตฺต. ขุ. ขุทฺทกปาฐ-ธมฺมปทคาถา-อุทานํ-อิติวุตฺตก-สุตฺตนิปาตา
สุตฺตนิปาเต ปญฺจมสฺส ปารายนวคฺคสฺส ตติยา ปุณฺณกปญฺหา
[๔๒๗] |๔๒๗.๑๔๗๑| ๓ อเนชํ มูลทสฺสาวึ (อิจฺจายสฺมา ปุณฺณโก)
อตฺถี ปเญฺหน อาคมํ
กึ นิสฺสิตา อิสโย มนุชา
ขตฺติยา พฺราหฺมณา เทวตานํ
ยญฺญมกปฺปึสุ ๑- ปุถูธ ๒- โลเก
ปุจฺฉามิ ตํ ภควา พฺรูหิ เม ตํ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๒| เย เกจิเม อิสโย มนุชา (ปุณฺณกาติ ภควา)
ขตฺติยา พฺราหฺมณา เทวตานํ
ยญฺญมกปฺปึสุ ๑- ปุถูธ ๒- โลเก
อาสึสมานา ปุณฺณก อิตฺถตํ ๓-
ชรํ ๔- สิตา ยญฺญมกปฺปยึสุ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๓| เย เกจิเม อิสโย มนุชา (อิจฺจายสฺมา ปุณฺณโก)
ขตฺติยา พฺราหฺมณา เทวตานํ
@เชิงอรรถ: ๑ โป. ยุ. สพฺพตฺถ ยญฺญมกปฺปยึสุ ฯ ๒ ยุ. ปุทู อิธ ฯ ๓ ม. อิตฺถตฺตํ ฯ
@ยุ. อิตฺถภาวํ ฯ ๔ โป. โอรํ ฯ
กญฺญมกปฺปึสุ ปุถูธ โลเก
กจฺจิสฺสุ เต ภควา (ยญฺญปเถ) อปฺปมตฺตา
อตารุ ชาติญฺจ ชรญฺจ มาริส
ปุจฺฉามิ ตํ ภควา พฺรูหิ เม ตํ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๔| อาสึสนฺติ ๑- โถมยนฺติ (อภิชปฺปนฺติ) ชุหนฺติ (ปุณฺณกาติ ภควา)
กามาภิชปฺปนฺติ ปฏิจฺจ ลาภํ
เต ยาชโยคา ภวราครตฺตา
นาตรึสุ ชาติชรนฺติ พฺรูมิ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๕| เต เจ ๒- นาตรึสุ ยาชโยคา (อิจฺจายสฺมา ปุณฺณโก)
ยญฺเญหิ ชาติญฺจ ชรญฺจ มาริส
อถ โก จรหิ เทวมนุสฺสโลเก
อตาริ ชาติญฺจ ชรญฺจ มาริส
ปุจฺฉามิ ตํ ภควา พฺรูหิ เม ตํ ฯ
|๔๒๗.๑๔๗๖| สงฺขาย โลกสฺมึ ปโรวรานิ ๓- (ปุณฺณกาติ ภควา)
ยสฺสิญฺชิตํ นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก
สนฺโต วิธูโม อนิโฆ นิราโส
อตาริ โส ชาติชรญฺจ พฺรูมีติ ฯ
ปุณฺณกมาณวกปญฺหา ตติยา ฯ
-------------
@เชิงอรรถ: ๑ โป. ม. อาสีสนฺติ ฯ ๒ โป. เต เว นาตรึสุ ฯ ๓ ม. ปโรปรานิ ฯ