ประเทศรอบๆ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน อุดหนุนราคาน้ำมันกันทั้งนั้น หมดเงินไปปีละ เป็นแสนล้าน เศรษฐกิจก็ไม่เห็นจะแย่ หรือ จะล้มละลายตรงไหน มีแต่โตจนแซงหน้าไทยไปหมด การเงินการคลังก็มั่นคงกว่า เพราะพอราคาพลังงานต่ำ ต้นทุนการผลิตน้อย ย่อมแข่งขันได้ดีกว่า ส่วนที่เรื่องจะมาให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน เพื่อลดการนำเข้า ลดการขาดดุล ก็เป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ปัญญาอ่อน งูกินหาง และไม่ช่วยอะไรในระยะยาว ยิ่งใช้พลังงานน้อยลง การบริโภคน้อยลง การผลิตน้อยลง เก็บภาษีได้น้อยลง การลงทุนน้อยลง ศก. จะไปโตได้อย่างไร
และ ผลทั้งหมดนี้คือ มีการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนตามชายแดน ทำให้รัฐเสียรายได้ แทนที่จะได้เงินแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการจำหน่ายน้ำมันและพลังงาน เพราะราคาน้ำมัน แพงเกินไปจากความเป็นจริงมาก
ส่วนข้ออ้างที่ว่า เราไม่มีแหล่งน้ำมันดิบ ก็เป็นข้ออ้างที่โง่เง่า ที่ถูกทำให้เป็นมายาคติมายาวนาน จะนำเข้าไม่นำเข้า น้ำมันดิบกับก๊าซที่ได้มาก็ต้องซื้อจากผู้ผลิต ใช่ว่า รัฐบาลจะขอน้ำมันดิบจากผู้ผลิตภายในประเทศมาฟรีๆ ประเทศข้างต้นก็ต้องซื้อเหมือนกัน ในราคาเท่ากับเรา
รัฐบาลควรจะตั้งงบประมาณ 5 แสนล้าน - 1 ล้านล้านบาท ต่อปีสำหรับอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ดีเซลลิตรละ 12 บาท เบนซิน 15 บาท ก๊าซหุงต้ม 15 กิโล 200 บาท ไฟฟ้าหน่วยละ 1.5-2 บาท แล้วไม่ต้องคิดหาข้ออ้างขึ้นภาษี เพียงแค่ลดงบทหารลง ครึ่งนึง ลดจำนวนพนักงานรัฐลงครึ่งหนึ่ง ตัดสวัสดิการข้าราชการให้หมด ไม่ต้องมี ก็มีเงินมากพอ สำหรับอุดหนุนราคาพลังงานแล้ว และขอย้ำทั้งหมดนี้ไม่ใช่ประชานิยมแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลของประเทศที่มีหัวคิดทำกัน เขามองการเติบโตในระยะยาว ไม่ได้มองแค่ งบประมาณที่เสียไปในระยะสั้น จากการอุดหนุนราคาพลังงาน
ทำไมประเทศไทย ไม่อุดหนุนราคาน้ำมันกับพลังงานเยอะๆ
และ ผลทั้งหมดนี้คือ มีการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนตามชายแดน ทำให้รัฐเสียรายได้ แทนที่จะได้เงินแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการจำหน่ายน้ำมันและพลังงาน เพราะราคาน้ำมัน แพงเกินไปจากความเป็นจริงมาก
ส่วนข้ออ้างที่ว่า เราไม่มีแหล่งน้ำมันดิบ ก็เป็นข้ออ้างที่โง่เง่า ที่ถูกทำให้เป็นมายาคติมายาวนาน จะนำเข้าไม่นำเข้า น้ำมันดิบกับก๊าซที่ได้มาก็ต้องซื้อจากผู้ผลิต ใช่ว่า รัฐบาลจะขอน้ำมันดิบจากผู้ผลิตภายในประเทศมาฟรีๆ ประเทศข้างต้นก็ต้องซื้อเหมือนกัน ในราคาเท่ากับเรา
รัฐบาลควรจะตั้งงบประมาณ 5 แสนล้าน - 1 ล้านล้านบาท ต่อปีสำหรับอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ดีเซลลิตรละ 12 บาท เบนซิน 15 บาท ก๊าซหุงต้ม 15 กิโล 200 บาท ไฟฟ้าหน่วยละ 1.5-2 บาท แล้วไม่ต้องคิดหาข้ออ้างขึ้นภาษี เพียงแค่ลดงบทหารลง ครึ่งนึง ลดจำนวนพนักงานรัฐลงครึ่งหนึ่ง ตัดสวัสดิการข้าราชการให้หมด ไม่ต้องมี ก็มีเงินมากพอ สำหรับอุดหนุนราคาพลังงานแล้ว และขอย้ำทั้งหมดนี้ไม่ใช่ประชานิยมแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลของประเทศที่มีหัวคิดทำกัน เขามองการเติบโตในระยะยาว ไม่ได้มองแค่ งบประมาณที่เสียไปในระยะสั้น จากการอุดหนุนราคาพลังงาน