JJNY : “ไพศาล”ชี้2ประเด็นปมพ้นตำแหน่งนายกฯ│โคราช พายุฝนถล่มเสิงสาง│ส.ภัตตาคารจ่อรับร้านเล็กต่อยอด│ชัชชาติตอบปม รถติด

 “ไพศาล”ชี้2ประเด็นปมพ้นตำแหน่งนายกฯ8ปี หากฝ่าฝืนเป็นการไม่สุจริตจะรักษาการไม่ได้
https://www.dailynews.co.th/news/1431808/
 
กูรู “ไพศาล” ฟันเปรี้ยง ปมพ้นตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ตามมาตรา 158 วรรค 2 มี 2 กรณี ชี้หากฝ่าฝืนเป็นการไม่สุจริต และฝ่าฝืนมาตรฐานจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง จึงห้ามตามรัฐธรรมนูญ ว่าจะรักษาการไม่ได้
  
 
เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 
 
ถกกันข้ามชอต ขณะนี้ทุกวงการกำลังถกกันข้ามชอตไปแล้ว คือถกกันในเรื่องวาระ 8 ปีตามมาตรา 158 วรรค 4 ว่า ถ้าพ้นจากตำแหน่งแล้วจะรักษาการได้หรือไม่?
 
จึงต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้สักครั้งว่า การพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158 วรรค 4 นั้นมี 2 กรณี
 
1. เป็นการพ้นจากตำแหน่งเพราะยอมรับปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้ายอมรับปฏิบัติก็จะไม่มีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในกรณีนี้สามารถรักษาการได้
 
2. เป็นการพ้นจากตำแหน่งเพราะฝ่าฝืนไม่ยอมปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งหรือนัยหนึ่งคือ “ไล่ออก” นั่นเอง กรณีนี้จะรักษาการไม่ได้
 
เพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นจากการฝ่าฝืนไม่ยอมปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เป็นการไม่สุจริตและฝ่าฝืนมาตรฐานจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง จึงต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 (1) และ (2) ประกอบมาตรา 170 และมาตรา 160 (4) และ (5) ว่าจะรักษาการไม่ได้!!!
 
และถ้าเป็นกรณีนี้ปลัดกระทรวงจะต้องรักษาการและเลือกคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่ารัฐสภาจะสรรหานายกคนใหม่ และมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับตำแหน่ง
 
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid0idY1FSbtHPb4inWbi1BMAbSQMPePbn2m8zm2gNtE6ouxprBxt9HRy88Ea94hoHCLl


 
โคราชหนักสุดรอบ10 ปี พายุฝนถล่มเสิงสาง
https://www.innnews.co.th/news/local/news_403549/
 
หนักสุดรอบ 10 ปี พายุฝนถล่มเสิงสาง โคราช ลมหอบบ้านเรือนพังเสียหาย มากกว่า 40 หลัง ต้นไม้โค่นทับบ้านและถนน
  
เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 3 พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดอำเภอเสิงสาง ได้ลงปฏิบัติงานในพื้นที่ ช่วยชาวบ้านจัดเก็บเศษซากต้นไม้และซากบ้านเรือนที่ถูกลมฝนถล่มพังเสียหาย จากการสำรวจเบื้องต้น มีมากกว่า 40 หลังคาเรือนได้รับความเสียหาย
 
ซึ่งนายสมศักดิ์ ป้องปัญจมิตร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 บ้านสมบัติเจริญ บอกว่า ลมพายุจะมาช่วงประมาณ 16.00 น. มาทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ตอนแรกท้องฟ้ายังดูปกติ มีลมพัดแรงเท่านั้น
 
แต่สักพักมีฝนตามมาด้วยพร้อมกัลป์กระแสลมกระโชกรุนแรง ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงไปหมด ลมแรงมาก ตนอยู่ในบ้าน มองไปด้านหน้าและด้านหลังบ้าน เห็นต้นไม้ 20 กว่าต้น ล้มระเนระนาด น่ากลัวมาก พอฝนซา ก็มีชาวบ้านวิ่งมาแจ้งว่าบ้านถูกกระแสลมแรงพัดหลังคาเปิง
 
บางคนก็แจ้งว่าต้นไม่ล้มทับบ้าน ตรวจสอบในเบื้องต้น ในหมู่บ้านสมบัติเจริญ มีบ้านได้รับความเสียหาย 24 หลังคาเรือน และหมู่ที่ 13 บ้านสมบัติพัฒนา เสียหายประมาณ 20 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียน รพ.สต.ถูกต้นไม้ล้มทับได้รับความเสียหายด้วย
 
ซึ่งแต่ละหมู่บ้านได้แจ้งรายงานไปยังตำบลกุดโบสถ์ และทางอำเภอเสิงสางแล้ว ตอนนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสำรวจความเสียหาย และมีเจ้าหน้าที่ทหาร กู้ภัยฮุก 31 เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน นับเป็นพายุฝนที่พัดถล่มรุนแรงอย่างมากในรอบ 10 กว่าปี
 
ด้านนางแม้น อายุ 70 ปี หนึ่งในผู้ประสบภัย เล่าว่า ลมพายุฝนพัดหมุนไปมารอบบ้าน แล้วอยู่ๆ ก็หอบเอาหลังคาบ้านปลิวหายไปหมด ตอนนั้นตนก็อยู่ในบ้านรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ถูกฝนกระหน่ำเปียกแฉะไปหมด ส่วนเสื้อผ้า-ข้าวของก็เปียกฝนทั้งหมดด้วยเช่นกัน



ส.ภัตตาคารจ่อรับร้านเล็กขายอาหารต่อยอดข้าวแกงกำลังใจ
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_403377/

สมาคมภัตตาคารต่อยอดข้าวแกงกำลังใจให้เข้าถึงชุมชนมากขึ้น เตรียมเปิดรับสมัครร้านเล็กขายอาหารช่วงต้นทุนก๊าซพุ่ง
 
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หลังมีการเปิดขายข้าวแกงกำลังใจอิ่มละ 25 บาทภายในสถานีบริการน้ำมัน PT แห่งแรกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ยังมีปัญหาติดขัดในเรื่องของการบริหารจัดการหลายอย่างจึงยังไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ตามที่วางไว้
 
โครงการข้าวแกงกำลังใจ อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้าถึงชุมชนได้มากขึ้น โดยจะเป็นการต่อยอดจากโครงการเดิม ซึ่งจะมีคณะกรรมการเข้ามาดูแลรูปแบบของการจัดทำโครงการให้ร้านอาหารขนาดเล็ก หรือคนที่สนใจอยากขายอาหารในชุมชนของตัวเอง สร้างอาชีพในช่วงที่ค่าครองชีพสูงและราคาก๊าซหุงต้มปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
โดยในเบื้องต้นนั้น โครงการยังต้องคงราคาอาหารจานละ 25-30 บาทไว้ และ PT ยังคงสนับสนุนก๊าซหุงต้มถังแรกฟรีให้กับผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะเป็นร้านอาหารขนาดเล็กหรือประชาชนที่ต้องการมีอาชีพในการขายอาหารภายในชุมชน คาดว่าจะสามารถเปิดรับสมัครได้ภายในเดือนกันยายนนี้และคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติต่างๆ ให้ตรงกับเกณฑ์ที่กำหนดต่อไป
 
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่ทิ้งโครงการข้าวแกงกำลังใจอย่างแน่นอน แต่อาจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้าถึงชุมชนให้มากขึ้น เพราะการขายอาหารในสถานีบริการน้ำมันลูกค้าจะต้องเป็นผู้ที่ใช้รถ และมาใช้บริการสถานีบริการน้ำมันเท่านั้น คนในชุมชนอาจยังไม่ได้ประโยชน์เต็มที่จากการขายข้าวแกงราคาถูกจึงอาจต้องประเปลี่ยนรูปแบบไปบ้าง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงง่ายขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่