ไม่แปลกใจข้อต่อสู้! ‘ประยุทธ์’ แจงศาลรธน.-ย้ำเป็นนายกฯตั้งแต่ 24 ส.ค.57
https://www.dailynews.co.th/news/1429237/
"ชลน่าน" ไม่แปลกใจข้อต่อสู้ "ประยุทธ์" แจงศาล รธน. ย้ำชัดเป็นนายกฯ ตั้งแต่ 24 ส.ค.57 "อนุสรณ์" ซัด 2 ป.ลงพื้นที่ไล่เลี่ยพบประชาชนประลองกำลังวัดบารมี เหน็บ! เหมือนคนหิวแสง คืนรถประจำตำแหน่งแล้ว ควรลาออกคืนตำแหน่งด้วย
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท). ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม ชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นดำรงตำแหน่งนายกฯ ยืนยันไม่ได้เริ่มนับ 24 ส.ค.57 ว่าทีมกฎหมายของ พล.อ.
ประยุทธ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องสู้ว่าไม่ได้หมดวาระวันที่ 24 ส.ค.65 เขาต้องตั้งธงเช่นนั้น โดยใช้ข้อต่อสู้ทางกฎหมาย ถ้าไม่สู้มุมนี้ถือว่ายอมรับก็จบ เราจึงไม่แปลกใจเป็นกระบวนการต่อสู้ของเขา แต่เมื่อสู้ไปแล้วศาลจะว่าอย่างไรเป็นเรื่องของศาล สิ่งที่เราดำเนินการในขณะนี้คือการขอเพิ่มพยานเป็นนักวิชาการที่ให้ความเห็นสอดคล้องกับคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นการเพิ่มน้ำหนักของคำร้องโดยยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ซึ่งนายชวนยื่นต่อศาลไปเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นการยื่นตามกระบวนการกฎหมายที่ผู้ร้องสามารถเพิ่มพยานหลักฐานที่มีความจำเป็นได้ โดยความเห็นเหล่านี้ เป็นความเห็นทางวิชาการที่ผู้ให้ความเห็นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากเป็นการเสนอความเห็นต่อสาธารณชนแล้วเราไปรวบรวมมา หวังว่าศาลจะรับฟัง
เมื่อถามว่าการเพิ่มพยานเหล่านี้จะทำให้กระบวนการพิจารณาช้าลงหรือไม่ นพ.
ชลน่าน กล่าวว่าไม่น่าจะช้าลงเนื่องจากศาลให้ผู้ถูกร้องชี้แจงคำร้องใน 15 วัน ซึ่งทีมกฎหมายของ พล.อ.อ.
ประยุทธ์ ชี้แจงไปวันที่ 1 ก.ย.65 พยานที่เราขอเพิ่มก็ส่งไปวันที่ 2 จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบกับเวลาการพิจารณาจนทำให้เกิดความล่าช้า
เมื่อถามว่าคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ว่า พล.อ.
ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งวันที่ 24 ส.ค.65 แต่ไม่ได้ตั้งคำถามว่า ความเป็นนายกฯเริ่มนับเมื่อใด กรณีถ้านายกฯ พ้นข้อกล่าวหา จะเป็นปัญหาตามมาว่าจะเริ่มนับการเป็นนายกฯ เมื่อไรอีกหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คำร้องของเราชัดเจนว่า พล.อ.
ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.65 และพ้นจากการเป็นนายกฯ วันที่ 24 ส.ค.65 โดนชี้ให้เห็นว่าต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 57 และเป็นต่อเนื่องมา
เข้าใจว่าทีมกฎหมายของ พล.อ.
ประยุทธ์ จะใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 158 มาตรา 159 และมาตรา 272 ในการต่อสู้ ที่บอกว่าการเป็นนายกฯ ต้องมาจากการเลือกของสภาผู้แทนราษฎรตามมาตราข้างต้นเท่านั้น แต่รัฐธรรมนูญ 60 ในบทเฉพาะการมาตรา 264 เขียนไว้ชัด ว่าให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ นั้นหมายความว่าที่มาของนายกฯให้มาตามมาตรา 264 ส่วนที่ถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พ้นแล้วจะเริ่มนับการเป็นนายกฯ เมื่อไรนั้นประเด็นนี้เราไม่ได้ร้องให้ศาลวินิจฉัย ศาลจะวินิจฉัยว่าพ้นหรือไม่ตามคำร้อง ส่วนประเด็นอื่นต้องขึ้นกับดุลยพินิจของศาลว่าจะวินิจฉัยหรือไม่
ทางนาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี ความเคลื่อนไหวของพี่น้อง 2 ป. พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ว่าประเทศไทยไม่ควรอยู่ในสภาพเหมือนมีนายกฯ พร้อมกัน 2 คน แต่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ นานทีปีหน ประชาชนไม่ค่อยได้เห็น พล.อ.
ประยุทธ์ ออกจากบ้าน ลงพื้นที่ทำงานในวันเสาร์-อาทิตย์ สถานการณ์โควิดก็เป็นนายกฯ เวิร์กฟรอมโฮม ทำงานจากบ้านในค่ายทหารมาแล้ว ถ้าไม่คับขันเข้าตาจน กลัวประชาชนลืม อาจไม่ได้เห็นพล.อ.
ประยุทธ์ พยายามหนักขนาดนี้ นักข่าวไม่มาก็ลงทุนถ่ายภาพส่งแจกให้นักข่าว อำนวยความสะดวกให้เต็มเหนี่ยว เพื่อส่งรูป ขอมีซีน เหมือนคนหิวแสง แต่คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ลงพื้นที่ยังถูกชาวบ้านด่า เหตุไม่เปิดกระจกรถทักทายกองเชียร์ จนต้องรีบออกมาขอโทษ อ้างนั่งรถกันกระสุนเลยลดกระจกลงไม่ได้ ทำชาวบ้านย้ายค่าย จากกองเชียร์ เปลี่ยนเป็นกองแช่ง ถ้ามีปัญหามาก พล.อ.
ประยุทธ์ ต้องหยุดนั่งรถกันกระสุน แล้วนั่งลงฟังกระแสประชาชน แบบไม่สร้างภาพจัดฉาก จะได้รู้ว่าชาวบ้านอยากให้ พล.อ.
ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งนายกฯมากขนาดไหน
นาย
อนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ประชาชนไม่อยากเห็นสภาพการประลองกำลังวัดบารมี ลงพื้นที่ช่วงชิงพื้นที่สื่อ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ พล.อ.
ประยุทธ์ พยายามแสดงให้เห็นว่า แม้ถูกสั่งหยุดเป็นนายกฯ แต่ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ได้ จนประชาชนเข้าใจว่า พล.อ.
ประยุทธ์ เหมาะเป็น รมว.กลาโหม มากกว่าการเป็นนายกฯ เสียอีก นอกจากคืนรถประจำตำแหน่งควรคืนตำแหน่งนายกฯ ให้กับประชาชน โดยการลาออก 8 ปีนานมากแล้ว พล.อ.
ประยุทธ์ ต้องพอแล้ว ปล่อยให้ประเทศชาติและประชาชนได้ไปต่อ อย่าอยู่เป็นภาระลูกหลานเลย.
“พวงเพ็ชร” นำทีม กทม.ลุยลอกท่อระบายน้ำชุมชนชนเคหะดอนเมือง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7246548
“พวงเพ็ชร” นำทีม กทม.ลุยลอกท่อระบายน้ำชุมชนชนเคหะดอนเมือง เปิดทางน้ำไม่ต้องรอระบาย ชี้กองทุน 2 แสนปลดล็อคปัญหาชุมชน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 ก.ย. นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนาย
วราวุธ ยันต์เจริญ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นาง
กนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง พรรคพท.นาย
ประภัสร์ จงสงวน สมาชิกพรรคพท. และนาย
สุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรค พท.
ลงพื้นที่ร่วมศึกษาปัญหาการระบายน้ำในเขตดอนเมือง ซึ่งมีชุมชนขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยประชาชนอาศัยดั้งเดิม ทั้งในส่วนของหมู่บ้านจัดสรรและบ้านเรือนในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขัง ใช้เวลาในการระบายน้ำหลายชั่วโมง จึงต้องการเข้ามาดูแลปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนผ่านการทำงานของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และ ส.ก.กทม.ของพรรค
นาง
พวงเพ็ชร กล่าวว่า กรุงเทพฯ ยังมีอีก 50 จุดที่มีความเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมขังจากฝนตกปริมาณมาก การลงพื้นที่ดอนเมืองในวันนี้เป็นการเตรียมการล่วงหน้า เพื่อรับมือกับพายุที่อาจจะเพิ่มปริมาณฝนตกในกรุงเทพฯ ได้ ซึ่งพรรคพท.โดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคพท.ได้ออกมาเตือนรัฐบาล ให้ระมัดระวังน้ำฟ้ามากกว่าน้ำท่า เพราะสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนัก
เลี่ยงไม่ได้ที่หลายพื้นที่จะเข้าสู่ความเสี่ยงน้ำท่วม ประเทศไทยอาจจะต้องรับมือกับสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด เช่น ระเบิดฝนแบบที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้และปากีสถาน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ ทั้งนี้ นโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาทของ ส.ก.พรรคพท.จะสามารถเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการชุมชนที่มีข้อจำกัดในลักษณะเดียวกันกับดอนเมืองได้ หากประชาชนมีความเดือดร้อนในเบื้องต้นสามารถร้องเรียน หรือขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ประสานงาน ส.ส. และ ส.ก. พรรคพท.ได้
ด้านนาย
สุธนพจน์ได้นำทีมขับรถขุดตัก ขุดลอกท่อระบายน้ำบริเวณชุมชนเคหะดอนเมือง ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากเมื่อเกิดฝนตกหนัก พร้อมกล่าวว่าในเขตดอนเมืองส่วนใหญ่เป็นบ้านจัดสรรเก่าแก่ ก่อสร้างมานาน 10-20 ปี ในหมู่บ้านจึงไม่มีนิติบุคคลมาบริหารจัดการช่วยเหลือลูกบ้าน เมื่อครั้งที่ตนเคยเป็น ส.ข.ได้เคยประสานความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด
แต่ติดขัดปัญหาเรื่องพื้นที่เอกชน ที่ภาครัฐไม่สามารถเข้ามาบริหารจัดการได้และขาดแคลนงบประมาณ ตนซึ่งมีความพร้อมในด้านของเครื่องมือ อุปกรณ์ รถตักล้อยาง รถแบคโฮ รถสิบล้อและรถหกล้อ รวมทั้งบุคลากร จึงเข้ามาดูแลแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น โดยได้ประสาน ส.ก.พรรคพท.นำงบประมาณบางส่วนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงพื้นที่ ทั้งด้านการขุดลอกท่อระบายน้ำ ตัดต้นไม้ที่อาจสร้างอันตรายต่อชีวิตประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องมานับตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูฝนจนถึงปัจจุบัน
ขณะนี้ได้ดำเนินการขุดลอกท่อระบายน้ำในพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 17 ชุมชน รวม 2,000 หลังคาเรือน และจะยังดำเนินการต่อเนื่องต่อไป สำหรับการลอกท่อระบายน้ำ ใช้วิธีการเดียวกับการขุดลอกท่อโดยกรมราชทัณฑ์ นอกจากนี้ยังได้มอบโซลาร์เซลล์ และติดตั้งไฟส่องสว่างกับประชาชนในพื้นที่นับร้อยหลังคาเรือนด้วย โดยในปีนี้จะติดตั้งให้ได้ 500 ดวง สำหรับประชาชนในพื้นที่ดอนเมืองที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถมาลงทะเบียนที่ตนเองได้ โดยจะพิจารณาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามความเดือดร้อนเร่งด่วน
“ผมพร้อมแล้วขอเพียงโอกาสจากพี่น้องประชาชน ผมทำงานทุกวัน ไม่แข่งกับใคร ผมแข่งกับตัวเอง ขอนำเสนอคำว่าผู้แทนราษฎร ที่ต้องทำได้ทั้งการเป็นผู้แทนในสภาฯ และเป็นผู้แทนแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ เราทำได้ไปพร้อมๆกัน ผมตั้งใจจริง” นาย
สุธนพจน์ กล่าว
ด้านนาง
กนกนุช กล่าวว่า ได้ผลักดันการแก้ไขปัญหาลอกคู-คลอง ดักท้องคลอง ทำประตูระบายน้ำในคูนายกิม สาย 2 ซึ่งได้งบประมาณในการขุดลอกและเปิดทางระบายน้ำ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในแขวงสีกันได้
นาย
ประภัสร์ กล่าวว่า จากการติดตามรายงานข่าวพายุอาจจะเข้ามาอีกหลายระลอก การเตรียมงานของภาครัฐในการรับมือกับสถานการณ์ผลกระทบน้ำท่วมสำคัญเป็นอย่างมาก ต้องประสานงานอย่างใกล้ชิด รัฐบาลต้องเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ต่างคนต่างทำเหมือนที่ผ่านมา
“ธัญวัจน์” หวัง พรบ.สมรสเท่าเทียมปูทางเท่าเทียมในสังคม
https://www.innnews.co.th/news/news_403184/
“ธัญวัจน์”หวัง พรบ.สมรสเท่าเทียม ผ่านวาระ 3 ขอสมาชิกช่วยกันปักธงความเท่าเทียมในสังคมไทย
นาย
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณ
แทมมี บอลด์วิน สมาชิกวุฒิสภาจากสหรัฐอเมริกา โดย
แทมมี่เป็นวุฒิสมาชิกคนแรกของสหรัฐฯที่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศตั้งแต่การเลือกตั้ง และการพบปะกันครั้งนี้นอกจากเป็นการเยือนรัฐสภาประเทศไทยแล้ว คุณแทมมี่ยังให้ความสนใจประเด็น พรบ.สมรสเท่าเทียม ของประเทศไทยที่กำลังพิจารณาอยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการ
นอกจากนี้คุณ
แทมมี่ ได้แบ่งปันประสบการณ์เส้นทางการเมือง เนื่องจากชุมชนมีผู้มีความหลากหลายทางเพศจึงทำให้การเปิดเผยตัวตนของคุณ
แทมมี่ได้รับการยอมรับ เราคือคนที่เป็นเพื่อนกันและอยู่ร่วมกัน สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาและความเข้าใจในชุมชน ซึ่งต้องเกิดการยอมรับและเห็นตัวตนว่ามีพวกเราผู้มีความหลากหลายทางเพศ
ด้านนาย
ธัญวัจน์ก็ได้แบ่งปันประสบการณ์และเส้นทาง ในการผลักดันพรบ.สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกล รวมถึงวินาทีสำคัญในวันอภิปรายในสภาและเมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านวาระ 1 ได้เล่าถึงกระบวนการทำงานที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งระยะเวลาคาดการณ์ที่จะผ่านสภาฯ อีกทั้งร่างพระราชบัญญัติรับรองเพศที่กำลังดำเนินการขณะนี้
JJNY : ไม่แปลกใจข้อต่อสู้!│“พวงเพ็ชร”นำทีมลุยลอกท่อ│“ธัญวัจน์”หวังพรบ.สมรสเท่าเทียมปูทางเท่าเทียม│เอกชนติดตามวิกฤติโลก
https://www.dailynews.co.th/news/1429237/
"ชลน่าน" ไม่แปลกใจข้อต่อสู้ "ประยุทธ์" แจงศาล รธน. ย้ำชัดเป็นนายกฯ ตั้งแต่ 24 ส.ค.57 "อนุสรณ์" ซัด 2 ป.ลงพื้นที่ไล่เลี่ยพบประชาชนประลองกำลังวัดบารมี เหน็บ! เหมือนคนหิวแสง คืนรถประจำตำแหน่งแล้ว ควรลาออกคืนตำแหน่งด้วย
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท). ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม ชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นดำรงตำแหน่งนายกฯ ยืนยันไม่ได้เริ่มนับ 24 ส.ค.57 ว่าทีมกฎหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องสู้ว่าไม่ได้หมดวาระวันที่ 24 ส.ค.65 เขาต้องตั้งธงเช่นนั้น โดยใช้ข้อต่อสู้ทางกฎหมาย ถ้าไม่สู้มุมนี้ถือว่ายอมรับก็จบ เราจึงไม่แปลกใจเป็นกระบวนการต่อสู้ของเขา แต่เมื่อสู้ไปแล้วศาลจะว่าอย่างไรเป็นเรื่องของศาล สิ่งที่เราดำเนินการในขณะนี้คือการขอเพิ่มพยานเป็นนักวิชาการที่ให้ความเห็นสอดคล้องกับคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นการเพิ่มน้ำหนักของคำร้องโดยยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ซึ่งนายชวนยื่นต่อศาลไปเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นการยื่นตามกระบวนการกฎหมายที่ผู้ร้องสามารถเพิ่มพยานหลักฐานที่มีความจำเป็นได้ โดยความเห็นเหล่านี้ เป็นความเห็นทางวิชาการที่ผู้ให้ความเห็นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากเป็นการเสนอความเห็นต่อสาธารณชนแล้วเราไปรวบรวมมา หวังว่าศาลจะรับฟัง
เมื่อถามว่าการเพิ่มพยานเหล่านี้จะทำให้กระบวนการพิจารณาช้าลงหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าไม่น่าจะช้าลงเนื่องจากศาลให้ผู้ถูกร้องชี้แจงคำร้องใน 15 วัน ซึ่งทีมกฎหมายของ พล.อ.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงไปวันที่ 1 ก.ย.65 พยานที่เราขอเพิ่มก็ส่งไปวันที่ 2 จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบกับเวลาการพิจารณาจนทำให้เกิดความล่าช้า
เมื่อถามว่าคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งวันที่ 24 ส.ค.65 แต่ไม่ได้ตั้งคำถามว่า ความเป็นนายกฯเริ่มนับเมื่อใด กรณีถ้านายกฯ พ้นข้อกล่าวหา จะเป็นปัญหาตามมาว่าจะเริ่มนับการเป็นนายกฯ เมื่อไรอีกหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คำร้องของเราชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.65 และพ้นจากการเป็นนายกฯ วันที่ 24 ส.ค.65 โดนชี้ให้เห็นว่าต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 57 และเป็นต่อเนื่องมา
เข้าใจว่าทีมกฎหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 158 มาตรา 159 และมาตรา 272 ในการต่อสู้ ที่บอกว่าการเป็นนายกฯ ต้องมาจากการเลือกของสภาผู้แทนราษฎรตามมาตราข้างต้นเท่านั้น แต่รัฐธรรมนูญ 60 ในบทเฉพาะการมาตรา 264 เขียนไว้ชัด ว่าให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ นั้นหมายความว่าที่มาของนายกฯให้มาตามมาตรา 264 ส่วนที่ถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พ้นแล้วจะเริ่มนับการเป็นนายกฯ เมื่อไรนั้นประเด็นนี้เราไม่ได้ร้องให้ศาลวินิจฉัย ศาลจะวินิจฉัยว่าพ้นหรือไม่ตามคำร้อง ส่วนประเด็นอื่นต้องขึ้นกับดุลยพินิจของศาลว่าจะวินิจฉัยหรือไม่
ทางนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี ความเคลื่อนไหวของพี่น้อง 2 ป. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ว่าประเทศไทยไม่ควรอยู่ในสภาพเหมือนมีนายกฯ พร้อมกัน 2 คน แต่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ นานทีปีหน ประชาชนไม่ค่อยได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากบ้าน ลงพื้นที่ทำงานในวันเสาร์-อาทิตย์ สถานการณ์โควิดก็เป็นนายกฯ เวิร์กฟรอมโฮม ทำงานจากบ้านในค่ายทหารมาแล้ว ถ้าไม่คับขันเข้าตาจน กลัวประชาชนลืม อาจไม่ได้เห็นพล.อ.ประยุทธ์ พยายามหนักขนาดนี้ นักข่าวไม่มาก็ลงทุนถ่ายภาพส่งแจกให้นักข่าว อำนวยความสะดวกให้เต็มเหนี่ยว เพื่อส่งรูป ขอมีซีน เหมือนคนหิวแสง แต่คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ลงพื้นที่ยังถูกชาวบ้านด่า เหตุไม่เปิดกระจกรถทักทายกองเชียร์ จนต้องรีบออกมาขอโทษ อ้างนั่งรถกันกระสุนเลยลดกระจกลงไม่ได้ ทำชาวบ้านย้ายค่าย จากกองเชียร์ เปลี่ยนเป็นกองแช่ง ถ้ามีปัญหามาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องหยุดนั่งรถกันกระสุน แล้วนั่งลงฟังกระแสประชาชน แบบไม่สร้างภาพจัดฉาก จะได้รู้ว่าชาวบ้านอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งนายกฯมากขนาดไหน
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ประชาชนไม่อยากเห็นสภาพการประลองกำลังวัดบารมี ลงพื้นที่ช่วงชิงพื้นที่สื่อ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามแสดงให้เห็นว่า แม้ถูกสั่งหยุดเป็นนายกฯ แต่ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ได้ จนประชาชนเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะเป็น รมว.กลาโหม มากกว่าการเป็นนายกฯ เสียอีก นอกจากคืนรถประจำตำแหน่งควรคืนตำแหน่งนายกฯ ให้กับประชาชน โดยการลาออก 8 ปีนานมากแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพอแล้ว ปล่อยให้ประเทศชาติและประชาชนได้ไปต่อ อย่าอยู่เป็นภาระลูกหลานเลย.
“พวงเพ็ชร” นำทีม กทม.ลุยลอกท่อระบายน้ำชุมชนชนเคหะดอนเมือง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7246548
“พวงเพ็ชร” นำทีม กทม.ลุยลอกท่อระบายน้ำชุมชนชนเคหะดอนเมือง เปิดทางน้ำไม่ต้องรอระบาย ชี้กองทุน 2 แสนปลดล็อคปัญหาชุมชน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 ก.ย. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายวราวุธ ยันต์เจริญ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง พรรคพท.นายประภัสร์ จงสงวน สมาชิกพรรคพท. และนายสุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรค พท.
ลงพื้นที่ร่วมศึกษาปัญหาการระบายน้ำในเขตดอนเมือง ซึ่งมีชุมชนขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยประชาชนอาศัยดั้งเดิม ทั้งในส่วนของหมู่บ้านจัดสรรและบ้านเรือนในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขัง ใช้เวลาในการระบายน้ำหลายชั่วโมง จึงต้องการเข้ามาดูแลปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนผ่านการทำงานของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และ ส.ก.กทม.ของพรรค
นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า กรุงเทพฯ ยังมีอีก 50 จุดที่มีความเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมขังจากฝนตกปริมาณมาก การลงพื้นที่ดอนเมืองในวันนี้เป็นการเตรียมการล่วงหน้า เพื่อรับมือกับพายุที่อาจจะเพิ่มปริมาณฝนตกในกรุงเทพฯ ได้ ซึ่งพรรคพท.โดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคพท.ได้ออกมาเตือนรัฐบาล ให้ระมัดระวังน้ำฟ้ามากกว่าน้ำท่า เพราะสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนัก
เลี่ยงไม่ได้ที่หลายพื้นที่จะเข้าสู่ความเสี่ยงน้ำท่วม ประเทศไทยอาจจะต้องรับมือกับสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด เช่น ระเบิดฝนแบบที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้และปากีสถาน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ ทั้งนี้ นโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาทของ ส.ก.พรรคพท.จะสามารถเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการชุมชนที่มีข้อจำกัดในลักษณะเดียวกันกับดอนเมืองได้ หากประชาชนมีความเดือดร้อนในเบื้องต้นสามารถร้องเรียน หรือขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ประสานงาน ส.ส. และ ส.ก. พรรคพท.ได้
ด้านนายสุธนพจน์ได้นำทีมขับรถขุดตัก ขุดลอกท่อระบายน้ำบริเวณชุมชนเคหะดอนเมือง ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากเมื่อเกิดฝนตกหนัก พร้อมกล่าวว่าในเขตดอนเมืองส่วนใหญ่เป็นบ้านจัดสรรเก่าแก่ ก่อสร้างมานาน 10-20 ปี ในหมู่บ้านจึงไม่มีนิติบุคคลมาบริหารจัดการช่วยเหลือลูกบ้าน เมื่อครั้งที่ตนเคยเป็น ส.ข.ได้เคยประสานความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด
แต่ติดขัดปัญหาเรื่องพื้นที่เอกชน ที่ภาครัฐไม่สามารถเข้ามาบริหารจัดการได้และขาดแคลนงบประมาณ ตนซึ่งมีความพร้อมในด้านของเครื่องมือ อุปกรณ์ รถตักล้อยาง รถแบคโฮ รถสิบล้อและรถหกล้อ รวมทั้งบุคลากร จึงเข้ามาดูแลแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น โดยได้ประสาน ส.ก.พรรคพท.นำงบประมาณบางส่วนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงพื้นที่ ทั้งด้านการขุดลอกท่อระบายน้ำ ตัดต้นไม้ที่อาจสร้างอันตรายต่อชีวิตประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องมานับตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูฝนจนถึงปัจจุบัน
ขณะนี้ได้ดำเนินการขุดลอกท่อระบายน้ำในพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 17 ชุมชน รวม 2,000 หลังคาเรือน และจะยังดำเนินการต่อเนื่องต่อไป สำหรับการลอกท่อระบายน้ำ ใช้วิธีการเดียวกับการขุดลอกท่อโดยกรมราชทัณฑ์ นอกจากนี้ยังได้มอบโซลาร์เซลล์ และติดตั้งไฟส่องสว่างกับประชาชนในพื้นที่นับร้อยหลังคาเรือนด้วย โดยในปีนี้จะติดตั้งให้ได้ 500 ดวง สำหรับประชาชนในพื้นที่ดอนเมืองที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถมาลงทะเบียนที่ตนเองได้ โดยจะพิจารณาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามความเดือดร้อนเร่งด่วน
“ผมพร้อมแล้วขอเพียงโอกาสจากพี่น้องประชาชน ผมทำงานทุกวัน ไม่แข่งกับใคร ผมแข่งกับตัวเอง ขอนำเสนอคำว่าผู้แทนราษฎร ที่ต้องทำได้ทั้งการเป็นผู้แทนในสภาฯ และเป็นผู้แทนแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ เราทำได้ไปพร้อมๆกัน ผมตั้งใจจริง” นายสุธนพจน์ กล่าว
ด้านนางกนกนุช กล่าวว่า ได้ผลักดันการแก้ไขปัญหาลอกคู-คลอง ดักท้องคลอง ทำประตูระบายน้ำในคูนายกิม สาย 2 ซึ่งได้งบประมาณในการขุดลอกและเปิดทางระบายน้ำ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในแขวงสีกันได้
นายประภัสร์ กล่าวว่า จากการติดตามรายงานข่าวพายุอาจจะเข้ามาอีกหลายระลอก การเตรียมงานของภาครัฐในการรับมือกับสถานการณ์ผลกระทบน้ำท่วมสำคัญเป็นอย่างมาก ต้องประสานงานอย่างใกล้ชิด รัฐบาลต้องเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ต่างคนต่างทำเหมือนที่ผ่านมา
“ธัญวัจน์” หวัง พรบ.สมรสเท่าเทียมปูทางเท่าเทียมในสังคม
https://www.innnews.co.th/news/news_403184/
“ธัญวัจน์”หวัง พรบ.สมรสเท่าเทียม ผ่านวาระ 3 ขอสมาชิกช่วยกันปักธงความเท่าเทียมในสังคมไทย
นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแทมมี บอลด์วิน สมาชิกวุฒิสภาจากสหรัฐอเมริกา โดยแทมมี่เป็นวุฒิสมาชิกคนแรกของสหรัฐฯที่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศตั้งแต่การเลือกตั้ง และการพบปะกันครั้งนี้นอกจากเป็นการเยือนรัฐสภาประเทศไทยแล้ว คุณแทมมี่ยังให้ความสนใจประเด็น พรบ.สมรสเท่าเทียม ของประเทศไทยที่กำลังพิจารณาอยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการ
นอกจากนี้คุณแทมมี่ ได้แบ่งปันประสบการณ์เส้นทางการเมือง เนื่องจากชุมชนมีผู้มีความหลากหลายทางเพศจึงทำให้การเปิดเผยตัวตนของคุณแทมมี่ได้รับการยอมรับ เราคือคนที่เป็นเพื่อนกันและอยู่ร่วมกัน สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาและความเข้าใจในชุมชน ซึ่งต้องเกิดการยอมรับและเห็นตัวตนว่ามีพวกเราผู้มีความหลากหลายทางเพศ
ด้านนายธัญวัจน์ก็ได้แบ่งปันประสบการณ์และเส้นทาง ในการผลักดันพรบ.สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกล รวมถึงวินาทีสำคัญในวันอภิปรายในสภาและเมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านวาระ 1 ได้เล่าถึงกระบวนการทำงานที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งระยะเวลาคาดการณ์ที่จะผ่านสภาฯ อีกทั้งร่างพระราชบัญญัติรับรองเพศที่กำลังดำเนินการขณะนี้