ประพัฒน์ กับพวกเฮ! ไม่ต้องชดใช้ค่าโง่คลองด่าน ศาลปกครอง สั่งเพิกถอนคำสั่ง คพ.
เหตุคดีขาดอายุความ
วันนี้ (30 ส.ค.65) จากกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษชำระเงินค่าจ้าง
และค่าเสียหายในโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กรณีบอกเลิกสัญญาโครงการ
บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยกรมควบคุมมลพิษต้องจ่ายให้กิจการร่วมค้าฯ 4,983 ล้านบาทเศษ
และ 31 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ต่อมากรมควบคุมมลพิษ
ตั้งคณะกรรมการฯ สอบข้อเท็จจริงมีความเห็นว่า นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรมว.
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับพวกรวม 7 คน มีส่วนทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมควบคุมมลพิษ
ก่อนออกคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น
ล่าสุด ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมควบคุมมลพิษที่ให้นายประพัฒน์ และพวก 7 คน
ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยศาลปกครองเห็นว่า การที่นายประพัฒน์ กับพวก ให้ความเห็น "เห็นชอบ"
จนนำไปสู่การทำหนังสือแจ้งคู่สัญญาว่านิติกรรมเป็นโมฆะ และให้หยุดการก่อสร้างโดยสิ้นเชิงเป็นเหตุให้
กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี ยกขึ้นอ้างบอกเลิกสัญญา จนโครงการไม่อาจสำเร็จได้ตามวัตถุประสงค์
ย่อมเป็นเหตุให้กรมควบคุมมลพิษได้รับความเสียหาย จึงเป็นกรณีที่นายประพัฒน์ กับพวก ปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความประมาทเลินเล่อให้เสียหายแก่ทรัพย์สินของกรมควบคุมมลพิษ โดยถือว่าวันที่ 28 ก.พ.46
เป็นวันที่ นายประพัฒน์ กับพวก กระทำละเมิดต่อกรมควบคุมมลพิษ
แต่การที่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิด ที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คน ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรมควบคุมมลพิษ โดย
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้มีคำสั่งกรมควบคุมมลพิษ ที่115/2559, 116/2559 , 117/2559 ลงวันที่ 11 พ.ค.59
ที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คนชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษนั้น เป็นการใช้สิทธิเรียกร้อง
ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพ้นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันทำละเมิดจึงขาดอายุความแล้ว ตามมาตรา 448 วรรคหนึ่ง
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น กรมควบคุมมลพิษที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คน ชดใช้ค่า
สินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษดังกล่าว
จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 4/2559
ยกอุทธรณ์ของนายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คน จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
ส่วนข้ออ้างอื่นๆ ของผู้ฟ้องคดี และข้อต่อสู้ของผู้ถูกฟ้องคดีนั้น ศาลเห็นว่าเมื่อได้วินิจฉัยดังกล่าวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้อง
วินิจฉัยอีก เพราะไม่มีผลให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง
ศาลปกครองกลาง จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมควบคุมมลพิษ ที่115/2559, 116/2559 , 117/2559 ลงวันที่ 11 พ.ค.2559
ที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คนชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษ รวมทั้งเพิกถอน
คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 4/2559 ยกอุทธรณ์ของนายประพัฒน์
กับพวกรวม 7 คน โดยให้การเพิกถอนมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว
ใครจ่ายล่ะที่นี้ ... คำตอบข้างล่างเลย
https://news.ch7.com/detail/591609
************************************************************************************
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ..
ด่วน! ปิดฉากคดี “ค่าโง่คลองด่าน” ศาลปกครองสูงสุดสั่ง ..
รัฐต้องจ่าย 3 หมื่นล้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้07 มี.ค. 2565 เวลา 17:12 น.6.8k
จบเห่! ต้องจ่าย “ค่าโง่คลองด่าน” ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกคำขอพิจารณาคดีใหม่ ชี้พยานหลักฐานที่อ้างขอรื้อคดีเป็นของเก่าในสำนวนเดิม ต้องชดใช้ตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ 9 พันล้าน ในปี 2554 ปัจจุบันคาดว่าอาจสูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท
ปิดฉากลงแล้วสำหรับคดี "ค่าโง่คลองด่าน" โดยวันนี้ (7 มี.ค.65) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษากลับคำสั่งและคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เป็นให้ยกคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และกระทรวงการคลัง และให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ให้กรมควบคุมมลพิษต้องจ่ายเงินค่าจ้าง ค่าเสียหาย และดอกเบี้ย ให้แก่กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี กรณีสัญญาโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน
เนื่องจากเห็นว่า ในส่วนของกระทรวงการคลัง ไม่ได้เป็นผู้ฟ้องคดี หรือ ผู้ถูกฟ้องคดีอันมีฐานะเป็นคู่กรณีตามคำพิพากษาศาลปกครอง ตลอดจนมิใช่คู่สัญญาตามสัญญาโครงการจัดการน้ำเสียในเขตควบคุมมลพิษ จ.สมุทรปราการ ฝั่งตะวันออกและตะวันตก เลขที่ 75/2540 ลงวันที่ 20 ส.ค.2540 และไม่อยู่ในบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ หมายเลขแดงที่ 2/2554 ลงวันที่ 12 ม.ค.2554
และคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีในคดีเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ที่จะมีผลทำให้เป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสีย หรือ อาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีดังกล่าวแต่อย่างใด กระทรวงการคลังจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้
ส่วนกรมควบคุมมลพิษ ศาลปกครองสูงสุดโดยประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อม.2/2551 และคำพิพากษาศาลแขวงดุสิต คดีหมายเลขแดงที่ 3501/2552 กรมควบคุมมลพิษได้เสนอข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อศาลปกครองมาแต่แรก ในชั้นการพิจารณาคดีครั้งก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคดีของศาลแขวงดุสิต ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดง ที่ 3501/2552 ที่กรมควบคุมมลพิษเป็นโจทก์ยื่นฟ้องกิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี ที่ 1 กับพวกรวม 19 คน เป็นจำเลย ซึ่งมีประเด็นวินิจฉัยเกี่ยวกับการร่วมกันกระทำความผิดฐานฉ้อโกงในการทำสัญญาโครงการ ย่อมแสดงว่ากรมควบคุมมลพิษต้องมีพยานหลักฐานเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างว่า สัญญาเกิดขึ้นจากการร่วมกันทุจริตทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐและกลุ่มเอกชนที่เกี่ยวข้องอยู่ก่อนแล้ว
แต่กรมควบคุมมลพิษ ไม่นำเสนอเข้ามาในชั้นอนุญาโตตุลาการ หรือในการยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่อศาลปกครอง กรณีจึงมิใช่พยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนคดีของศาลอาญาตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อ.4197/2558 ที่กรมควบคุมมลพิษอ้างเอกสารที่ยื่นส่งในชั้นสืบพยาน และอ้างว่าศาลอาญามีคำพิพากษาว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมควบคุมมลพิษเป็นการกระทำโดยทุจริตและเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มเอกชนคู่สัญญา ว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ประกอบการยื่นขอพิจารณาคดีใหม่ นั้น
เห็นว่า คำพิพากษาดังกล่าวเป็นการที่ศาลนำบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาปรับกับข้อเท็จจริงในสำนวน คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ ส่วนข้อเท็จจริงในสำนวนคดีดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงสืบเนื่องมาจากรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฉบับลงวันที่ 11 เม.ย. 55 ซึ่งกรมควบคุมมลพิษมีพยานหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตของข้าราชการของกรมควบคุมมลพิษ และการเอื้อประโยชน์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับโครงการจัดการน้ำเสียในเขตควบคุมมลพิษ จ.สมุทรปราการ อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี จะยื่นข้อเรียกร้องต่อคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 46
และพยานหลักฐานที่ศาลอาญาได้รับไว้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อจัดให้มีการทำสัญญาเลขที่ 75 /2540 ลงวันที่ 20 ส.ค.40 ซึ่งก็เป็นเอกสารที่มีขึ้นก่อนเริ่มต้นกระบวนการอนุญาโตตุลาการทั้งสิ้น และอีกส่วนหนึ่งเป็นพยานหลักฐาน อันสืบเนื่องมาจากรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฉบับลงวันที่ 11 เม.ย.55 ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่มีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองชั้นต้นในคดีก่อนเช่นกัน
ดังนั้น พยานหลักฐานอันเกี่ยวกับการพิจารณาคดีอาญาของศาลอาญา ที่กรมควบคุมมลพิษ กล่าวอ้าง เพื่อขอพิจารณาคดีใหม่ ล้วนมีอยู่ก่อนแล้วในระหว่างการพิจารณาคดีครั้งก่อนทั้งสิ้น จึงมิใช่พยานหลักฐานใหม่ อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ
ส่วนหนังสือ ที่ ปง 015.2/807 ลงวันที่ 16 พ.ค. 59 ถึงกรมควบคุมมลพิษที่แจ้งคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.148/2559 ลงวันที่ 13 พ.ค. 59 อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 2 รายการ พร้อมดอกผล ซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องที่กรมควบคุมมลพิษต้องชำระให้แก่กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี ไว้ชั่วคราว นั้น เป็นการกล่าวอ้างถึงการรับฟังข้อเท็จจริงและผลของคำพิพากษาศาลอาญา หมายเลขแดงที่ อ. 4197/2558 เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเท่านั้น
จึงมิใช่พยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 แต่อย่างใด
และที่อ้างในความไม่ชอบของคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ อันมีสาเหตุมาจากการขาดคุณสมบัติเรื่องความเป็นกลางของอนุญาโตตุลาการนั้น เห็นว่า การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี นายเสถียร วงศ์วิเชียร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการการท่าเรือ กับพวก ทุจริตต่อหน้าที่ หรือ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ อนุมัติให้แก้ไขสัญญาเช่าพื้นที่เพื่อดำเนินโครงการอู่เรือ บริเวณแหลมฉบัง และแจ้งข้อกล่าวหาให้นายเสถียรทราบในระหว่างกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการในคดีนี้แต่อย่างใด
อีกทั้งยังเป็นคนละมูลเหตุพิพาทกับคดีนี้และมิใช่คู่กรณีเดียวกัน จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงซึ่งจะมีผลกระทบต่อความเป็นกลางของอนุญาโตตุลาการ ที่จะต้องเปิดเผยตามข้อ 12 ของประมวลจริยธรรมอนุญาโตตุลาการ และไม่ทำให้คุณสมบัติความเป็นกลางของนายเสถียรต้องเสียไป ตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕
“เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า พยานหลักฐานของกรมควบคุมมลพิษเป็นพยานหลักฐานที่ล้วนมีอยู่ก่อนแล้วในระหว่างการพิจารณาคดีครั้งก่อนและกรมควบคุมมลพิษได้รู้ถึงพยานหลักฐานดังกล่าวมาก่อนแล้วทั้งสิ้น และไม่ใช่กรณีที่คู่กรณีไม่อาจทราบถึงเหตุนั้นในการพิจารณาครั้งที่แล้วมา จึงมิใช่ความผิดของผู้นั้น ตามมาตรา 75 วรรคสอง
กรณีจึงมิใช่พยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ และข้อเท็จจริงที่กรมควบคุมมลพิษกล่าวอ้างมิใช่ข้อเท็จจริงใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาขัดกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (1) (4) และวรรคสอง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 อันจะเป็นเหตุที่ขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองนั้นใหม่ได้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นอื่นและประเด็นระยะเวลาการยื่นคำขอให้พิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งใหม่อีก เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ เป็นผลมาจากก่อนหน้านี้เมื่อเดือน พ.ย. 57 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ให้ชำระเงินค่าจ้าง ค่าเสียหาย รวมดอกเบี้ยตามข้อร้องเป็นเงิน 4,983,342,383 บาท กับอีก 31,035,780 ดอลลาร์สหรัฐพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินจำนวน4,424,099,982 บาท และจำนวน 26,434,636 ดอลลาร์สหรัฐ
https://www.thansettakij.com/politics/516465
ประพัฒน์ กับพวกเฮ! ไม่ต้องชดใช้ค่าโง่คลองด่าน .. เหตุคดีขาดอายุความ
วันนี้ (30 ส.ค.65) จากกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษชำระเงินค่าจ้าง
และค่าเสียหายในโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กรณีบอกเลิกสัญญาโครงการ
บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยกรมควบคุมมลพิษต้องจ่ายให้กิจการร่วมค้าฯ 4,983 ล้านบาทเศษ
และ 31 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ต่อมากรมควบคุมมลพิษ
ตั้งคณะกรรมการฯ สอบข้อเท็จจริงมีความเห็นว่า นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรมว.
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับพวกรวม 7 คน มีส่วนทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมควบคุมมลพิษ
ก่อนออกคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น
ล่าสุด ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมควบคุมมลพิษที่ให้นายประพัฒน์ และพวก 7 คน
ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยศาลปกครองเห็นว่า การที่นายประพัฒน์ กับพวก ให้ความเห็น "เห็นชอบ"
จนนำไปสู่การทำหนังสือแจ้งคู่สัญญาว่านิติกรรมเป็นโมฆะ และให้หยุดการก่อสร้างโดยสิ้นเชิงเป็นเหตุให้
กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี ยกขึ้นอ้างบอกเลิกสัญญา จนโครงการไม่อาจสำเร็จได้ตามวัตถุประสงค์
ย่อมเป็นเหตุให้กรมควบคุมมลพิษได้รับความเสียหาย จึงเป็นกรณีที่นายประพัฒน์ กับพวก ปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความประมาทเลินเล่อให้เสียหายแก่ทรัพย์สินของกรมควบคุมมลพิษ โดยถือว่าวันที่ 28 ก.พ.46
เป็นวันที่ นายประพัฒน์ กับพวก กระทำละเมิดต่อกรมควบคุมมลพิษ
แต่การที่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิด ที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คน ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรมควบคุมมลพิษ โดย
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้มีคำสั่งกรมควบคุมมลพิษ ที่115/2559, 116/2559 , 117/2559 ลงวันที่ 11 พ.ค.59
ที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คนชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษนั้น เป็นการใช้สิทธิเรียกร้อง
ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพ้นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันทำละเมิดจึงขาดอายุความแล้ว ตามมาตรา 448 วรรคหนึ่ง
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น กรมควบคุมมลพิษที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คน ชดใช้ค่า
สินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษดังกล่าว
จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 4/2559
ยกอุทธรณ์ของนายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คน จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
ส่วนข้ออ้างอื่นๆ ของผู้ฟ้องคดี และข้อต่อสู้ของผู้ถูกฟ้องคดีนั้น ศาลเห็นว่าเมื่อได้วินิจฉัยดังกล่าวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้อง
วินิจฉัยอีก เพราะไม่มีผลให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง
ศาลปกครองกลาง จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมควบคุมมลพิษ ที่115/2559, 116/2559 , 117/2559 ลงวันที่ 11 พ.ค.2559
ที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คนชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษ รวมทั้งเพิกถอน
คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 4/2559 ยกอุทธรณ์ของนายประพัฒน์
กับพวกรวม 7 คน โดยให้การเพิกถอนมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว
ใครจ่ายล่ะที่นี้ ... คำตอบข้างล่างเลย
https://news.ch7.com/detail/591609
************************************************************************************
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ..
ด่วน! ปิดฉากคดี “ค่าโง่คลองด่าน” ศาลปกครองสูงสุดสั่ง .. รัฐต้องจ่าย 3 หมื่นล้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.thansettakij.com/politics/516465