เช่น ตอนเด็กๆเราเป็นคนกลัวการโดนมอง โดยเฉพาะโดนมองด้วยสายตาแปลกๆ จะเสียความมั่นใจในตัวเอง
แม่เล็งเห็นจุดนี้ เวลาเราไม่เชื่อฟัง ก็จะใช้วิธีพูดโน้มน้าวประมาณว่า เนี่ยเพราะลูกทำแบบนี้ ป้าข้างบ้านเลยมองลูกแปลกๆเลย
อย่าทำแบบนั้น เดียวคนจะมองลูกด้วยสาตาดูถูก เยาะเย้ย ชอบเหรอ เพราะงั้นก็อย่าทำ
และอื่นๆอีกมากมาย ที่ใช้คำว่า เดียวจะโดนมองไม่ดี เดียวจะโดนมองสายตาแปลกๆ เดียวจะโดนมองเหยียด มาใช้ประกอบเวลาสอนให้ลูกเชื่อฟัง
โดยเฉพาะเวลาดื้อเลยต้องพูดแบบนี้ไป ส่วนใหญ่ก็ได้ผลตลอดผมเชื่อฟังทันทีเลย
แต่ตอนนี้โตขึ้น ทำให้ได้รู้ว่า เพราะการสอนแบบนี้ มีข้อเสียคือ มันทำให้ผมโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มั่นใจในตัวเอง
แม้จะพยายามทำใจจิตใจให้เข้มแข็งขนาดไหน พยายามไม่คิดมากอะไร แต่จิตใต้สำนึกส่วนลึก คือ ไม่มั่นใจ
พอโดนอะไรหนักๆเข้า ก็กลับมาไม่มั่นใจเหมือนเดิม พยายามยังไงก็ไม่หาย
เลยสอบถามว่าเรื่องแบบนี้มีส่วนหรือเปล่า ที่ทำให้ผมโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มั่นใจ แม้จะพยายามขนาดไหนก็ช่วยได้แค่ระดับนึง ส่วนลึกๆยังไงก็ไม่มั่นใจอยู่ดี
รบกวนขอความเห็นกรณีนี้ด้วยครับ คิดว่ามีส่วนไหมครับ
แม่มีนิสัยเวลาต้องการให้เราเชื่อฟัง จะใช้วิธีเอาสิ่งที่เรากลัวมาประกอบในการสอน มีส่วนทำให้โตมาไม่มั่นใจในตัวเองไหม
แม่เล็งเห็นจุดนี้ เวลาเราไม่เชื่อฟัง ก็จะใช้วิธีพูดโน้มน้าวประมาณว่า เนี่ยเพราะลูกทำแบบนี้ ป้าข้างบ้านเลยมองลูกแปลกๆเลย
อย่าทำแบบนั้น เดียวคนจะมองลูกด้วยสาตาดูถูก เยาะเย้ย ชอบเหรอ เพราะงั้นก็อย่าทำ
และอื่นๆอีกมากมาย ที่ใช้คำว่า เดียวจะโดนมองไม่ดี เดียวจะโดนมองสายตาแปลกๆ เดียวจะโดนมองเหยียด มาใช้ประกอบเวลาสอนให้ลูกเชื่อฟัง
โดยเฉพาะเวลาดื้อเลยต้องพูดแบบนี้ไป ส่วนใหญ่ก็ได้ผลตลอดผมเชื่อฟังทันทีเลย
แต่ตอนนี้โตขึ้น ทำให้ได้รู้ว่า เพราะการสอนแบบนี้ มีข้อเสียคือ มันทำให้ผมโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มั่นใจในตัวเอง
แม้จะพยายามทำใจจิตใจให้เข้มแข็งขนาดไหน พยายามไม่คิดมากอะไร แต่จิตใต้สำนึกส่วนลึก คือ ไม่มั่นใจ
พอโดนอะไรหนักๆเข้า ก็กลับมาไม่มั่นใจเหมือนเดิม พยายามยังไงก็ไม่หาย
เลยสอบถามว่าเรื่องแบบนี้มีส่วนหรือเปล่า ที่ทำให้ผมโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มั่นใจ แม้จะพยายามขนาดไหนก็ช่วยได้แค่ระดับนึง ส่วนลึกๆยังไงก็ไม่มั่นใจอยู่ดี
รบกวนขอความเห็นกรณีนี้ด้วยครับ คิดว่ามีส่วนไหมครับ