หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] แบกกล้องไปท่องโลก [EP.12] “หว่า วา โจ” เส้นทางเดินป่าที่สวยจนอยากหยุดเวลา ⏱
กระทู้รีวิว
เดินป่า
กล้องถ่ายรูป
สถานที่ถ่ายรูป
จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ถ้าถามผมว่าเดินไปที่ไหนสนุกที่สุดสำหรับผม ผมกล้าตอบได้เลยว่า "หว่าวาโจ" คือที่สุดของผม ณ ตอนนี้ จริงๆ แล้วผมไม่ใช่นักเดินป่าที่ไปลุยทั้งป่าเหนือป่าใต้ ทั่วไทยอะไรขนาดนั้น แต่ผมเชื่อว่าใครได้มาที่นี่ต่างก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นสถานที่ๆ เดินป่าได้สนุกและสวยมากที่นึงเลยแหล่ะ ด้วยวิวระดับ 5 ดาว ตั้งแต่ระหว่างทาง ลานกางเต็นท์ ไปยังปลายทาง ณ ดอยหว่าวาโจ แถมยังมีเรื่องราวสนุกๆ เฮฮาระหว่างทางที่คอยแต่งเติมสีสันระหว่างการเดินทาง มันทำให้ผมอยากจะหยุดเวลาแห่งความสุขไว้แค่ตอนนั้นจริงๆ
เรื่องราวระหว่างทางจะสนุกแค่ไหน วิวที่ว่าสวยจะสักเท่าไหร่ รับชมไปพร้อมๆ กันได้เล้ยยยยย...
ใครขี้เกียจอ่าน อยากเปิดดูเป็น Video กดที่ลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
~ออกเดินทาง~
ก่อนออกดินทางเองผมจงใจเลือกช่วงระหว่างปลายหนาว(ก.พ.) เพราะตั้งใจว่าไม่ให้เสี่ยงเจอพายุเข้าเหมือนทริปเก่าๆ (ปิตุ๊โกรกับม่อนสี่สหาย) พอถึงเวลาใกล้ๆ ถึงวันก็มีเพื่อนๆ ในกลุ่มแชร์พยากรณ์อากาศ มีเนื้อหาสั้นๆ ได้ใจความว่า แม่ฮ่องสอนช่วงที่ผมไปจะมีพายุลูกเห็บ.., ผมก็แบบ เอ๊ะ ! มันไม่เจอหรอกม้างงงง ลูกเห็บตกยากจะตาย ~ เลยปลอบใจตัวเองไปว่าคงไม่มีลูกเห็บไม่มีฝนอะไรทั้งนั้นแหล่ะ นี่มันปลายหนาวนะ
หลังจากการจองทริปเสร็จสรรพก็เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 21.00 น. ซึ่งปกติถ้าไปแถวเชียงใหม่ก็เช้าพอดีแล้วก็หาข้าวเช้าทานที่นั่น ก่อนจะเดินทางต่อไปแม่ฮ่องสอน ระยะทางอาจะดูไม่ไกลแต่ใช้เวลานานมากเนื่องจากความคดเคี้ยวของเส้นทาง กว่าผมจะไปถึงก็กินเวลาไปอีกครึ่งวัน กว่าจะทานข้าวเที่ยงเตรียมตัวเดินทางต่อด้วยรถกระบะอีกประมาณครึ่งชั่วโมงไปที่จุดเริ่มเดินก็ประมาณ 14.00 น. การเดินเท้าของเราก็เริ่มต้นขึ้น
ระหว่างทางก็จะมีต้นไม้สูงๆ คอยบังแดด พื้นก็แน่นๆ เรียบๆ เดินได้สบายหน่อย ชมนกชมไม้ เฮฮากันตามประสาคนได้หลุดพ้นจากชีวิตมนุษย์เงินเดือน
ในขณะที่เดินอยู่ผมแหงนขึ้นไปมองบนฟ้า เห็นว่าแดดแรงมาก แรงจนเราอุ่นใจว่า เห่อะ...ไม่มีหรอก พายุลูกเห็บ สบายแล้วคืนนี้ แต่เดินได้ไม่ถึงสิบนาที ฟ้ามืดเลยครับ... ลมแรง ใบไม้ปลิวว่อน สายลมที่ปะทะผิวเริ่มรู้สึกว่าหนาวกว่าลมปกติ ผมเริ่มคิดว่าฝนตกแน่นอน...
พอรู้อย่างนั้นพวกผมเลยรีบควักเสื้อกันฝนออกมาสวมกันเปียกซักหน่อย ซึ่งฝนก็ค่อยๆ ตกลงมาแรงขึ้น แรงขึ้น... จนกระทั้งรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างตกใส่หัวแล้วกระเด็นผ่านหน้าไป ลักษณะมันเป็นเม็ดเล็กๆ กลมๆ ขาวๆ ขนาดเท่าไข่จิ้งจก ใช่ครับ...ลูกเห็บจริงๆ แล้วมากันเป็นกลุ่มๆ จนต้องหาที่หลบใต้ร่มไม้ก่อน
หลังจากหลบลูกเห็บได้ประมาณ 5 นาทีเราก็เริ่มออกเดินทางต่อ ฝนค่อยๆ เบาจนเริ่มมีแดดออก(แต่ฝนยังไม่หยุดนะ) ผมเลยคิดไว้ว่าที่นี่อากาศแปรปรวนมาก จะฝนตกจะลูกเห็บจะแดดออกนี่มาครบภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แสดงว่าคืนนี้มีแววเปียกแน่ๆ รึจะไม่ได้นอน ?? ฮ่าๆๆ
เอาหล่ะ หลังจาดผ่านช่วงแรกที่เป็นทางเรียบๆ ก็จะเข้าช่วงของทางชัน ซึ่งทางโดนรวมเนี่ยถ้าพูดให้ฟังก็ไม่ยาก แต่พอต้องเดินเองปั๊บ ยากเสมอ !! ความชันประมาณ 45 องศา ทำให้ผมนึกถึงเส้นทางที่เขาหลวงสุโขทัย
ระหว่างทางพอฟ้าเริ่มเปิดก็พอจะมองเห็นวิวสวยๆ ให้มีแรงฮึบสู้ต่อหน่อย
เดินต่อมาสักพักก็เริ่มมองเห็นสันเขาที่เราต้องข้ามไป พอมองจากข้างก็รู้สึกได้ทันทีว่าต้องน่ากลัวแน่ๆ แฮะ แต่คิดว่าคงไม่กลิ้งตกลงไประหว่างทาง ฮ่าๆ
เดินต่อมาอีกแป๊บเดียว ดีที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อกันฝนออก ฝนตกอีกแล้วครับ เมื่อกี้ฟ้ายังสว่างๆ อยู่เลย TT ซึ่งก็ทำให้ทีมงานต้องคิดหนักว่าจะเอายังไงดีเนื่องจากเส้นทางที่เราจะไปถ้ามีฝนตกอาจทำให้ลื่นง่าย ตอนนั้นเราอยู่ระหว่างทางแยกระหว่างเลี้ยวซ้ายไปหว่าวาโจเพื่อค้างแรมที่นั่น หรือพักตรงนี้ไปเลย แล้วค่อยรอลุ้นอีกทีพรุ่งนี้เช้าอีกที ถ้าฝนยังตกตลอดแบบนี้เราก็จะไม่เสี่ยงไปกันต่อ คงต้องเดินทางกลับเลย
จากจุดนี้เรามองเห็นสันเขาที่จะเดินไปทางหว่าวาโจแล้ว แต่ไว้มาลุ้นต่อพรุ่งนี้แล้วกัน
~จุดกางเต็นท์ลับ~
จริงๆ แล้วผมก็เสียดายอยู่นะ ที่เราต้องหยุดไปต่อ แต่ก็มองในแง่ดีคือคิดซะว่าเราได้พักเหนื่อย พอมาถึงจุดกางเต็นท์ก็สำรวจพื้นที่หาพื้นเรียบๆ วางสัมภาระตามปกติ ระหว่างเดินดูรอบๆก็มองไปเห็นว่ามีจุดวิวดีมากๆ พอเดินไปตรงนั้นก็แบบ โอ้ววววววววว มันสวยจริงๆ ภาพที่เราตรงหน้ามันของจริงหรอเนี่ยยย ?
(ชอบภาพนี้เป็นพิเศษ)
พอตกเย็นฟ้าเริ่มเปิด แสงแดดทอแสงจางๆ กระทบสายหมอกที่เกาะอยู่ที่ปลายยอดไม้ ช่างเป็นบรรยากาศที่ดีจนเราแทบจะลืมความเหนื่อยล้าของชีวิตไปเลย
จริงๆ ที่เห็นตอนนั้นผมก็ว่าคุ้มแล้วนะ พอกลับมากางเต็นท์ จัดการเสื้อผ้าสัมภาระเสร็จสรรพผมก็สังเกตุเห็นแสงลอดออกมาตามช่องระบายอากาศของเต็นท์ ตอนนั้นรู้ทันทีเลยว่าช่วงที่สวยที่สุดของวันกำลังจะมาถึง ผมรีบเปิดเต็นท์ออกไปดูบรรยากาศด้านนอก... แสงเย็นมาแล้วครับ เหมือนฟ้าจะเป็นใจด้วย
พอเห็นแสงแบบนี้ก็เลยรีบคว้ากล้องวิ่งออกไปตรงที่ๆ วิวสวยๆ มันแบบ... สวย สวยเกินบรรยายจริงๆ ครับ ลมเย็นๆ แสงทองๆ ฟินสุดๆ
ณ จุดที่ผมยืนอยู่ถ้าหันหน้าไปด้านขวาจะเป็นดอยหงอนไก่ ซึ่งอยู่สูงดว่าจุดที่พวกเรากางเต็นท์ค่อนข้างมาก ดอยสูงๆ หญ้าสีทอง กับแสงยามเย็นช่วง Golden hour เป็นอะไรที่ช่วยฮีลใจได้เป็นอย่างดีเลยครับ
ตัดภาพมาที่ฝั่งตรงข้าม ที่จะเดินไปหว่าวาโจ ตอนนี้สมาชิกทริปทุกคนไปรวมตัวที่นั่น เพื่อนั่งชมความสวยงามของทางเดินของสันเขา ที่ผมเคยบอกไปหลังจากที่ไม่ได้เดินไปต่อที่หว่าวาโจ ถึงตอนนี้ต้องกลับคำแล้วครับ การที่ได้เห็นวิวตรงนี้ ณ เวลานี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ นี่แหล่ะครับ สวยจนอยากหยุดเวลาจริงๆ
ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า
~อรุณสวัสดิ์~
จริงๆ แล้วคืนนั้นฝนตกค่อนข้างหนัก พอตื่นเช้ามาผมยังได้ยินเสียงใบไม้ปลิวดังอยู่รอบๆ เต็นท์ แต่พอตื่นมาเห็นเห็นว่าฝนได้หยุดไปแล้ว แต่ลมแรงมาก พอตั้งสติได้เลยคว้ากล้องออกไปดูรอบๆ เผื่อจะได้ถ่ายหมอกสวยๆ ยามเช้าหน่อย แล้วธรรมชาติก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง หมอกหนาวโอบล้อมยอดเขาที่พวกเราค้างคืน ด้วยลมที่แรงมาก ทำให้สายหมอกปลิวเป็นสายสวยงามอย่างกับอยู่ในเทพนิยายเลยครับ
หมอกครึ่งนึง ภูเขาครึ่งนึง
ตัดภาพมาที่ฝั่งทางเดินไปหว่าวาโจ ตรงนี้ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน
เอาหล่ะ หลังจากประเมินสถานการณ์แล้วว่า ทางเดินไปหว่าหวาโจยังพอไปไหวอยู่ พวกเราเลยรีบกลับมาเก็บของทานมื้อเช้า เตรียมตัวลุยต่อ
คราวนี้เราเดินสบายขึ้นหน่อย เพราะไม่ต้องแบกอะไรไป (ตอนกลับเดินกลับทางเดิม) เรื่องเดินตัวปลิวนี่ของถนัด ฮ่าๆ แต่อุปสรรคของเราคือหมอกครับ อยู่ๆ หมอกก็หนาขึ้นมาซะงั้น ลมยังแรงอยู่ ซึ่งทางเดินบนสันเขาค่อนข้างจะอันตรายมากทีเดียว ใครกลัวความสูงจะเดินลำบากหน่อย
จะมีบางช่วงที่เดินได้ทีละคน บางช่วงให้พอได้พักหายใจบ้าง แต่ต้องระวังตัวสุดๆ เพราะถ้าก้าวพลาดหรือเจอลมแรงๆ จนทรงตัวไม่อยู่นี่คว้าอะไรไม่ทันแน่นอน
อย่าพลาดเชียว ><
บางช่วงมันจะโล่งๆ จะลงแบบเซฟๆ หน่อยก็ต้องย่อขาค่อยๆ คลานลง
เราใช้เวลาเดินตรงนี้ประมาณ 20 นาทีซึ่งเป็นช่วงที่ลุ้น และสนุกไปด้วยในตัว พอถึงช่วงท้ายๆ จะล้มลุกคลุกคลานหน่อย เพราะต้องเกาะต้นไม้ต้นหญ้าลากตัวเองขึ้นไป
และแล้ว เราก็มาถึง..,
ชื่อสินค้า:
เดินป่า หว่าวาโจ
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
หว่าวาโจ หงอนไก่ ปุยหลวง เลอเปอเฮอ 3 วัน 2 คืน 2566
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้เราจะมาแชร์ทริปเดินป่าส่งท้ายปีของพวกเรา ไปมาเมื่อเดือนพฤศจิกายนค่ะ เป็นทริป 3 วัน 2 คืน พิชิตยอดหว่าวาโจ หงอนไก่ ปุยหลวง และเลอเปอเฮอค่ะ พวกเราออกเดินทางจากกทม.ตอน 1 ทุ่ม ถึงบ
ungkorsasamama
ไต่สันเขา เมาริมผา ที่หว่าว่าโจ ดอยหงอนไก่ ดอยปุยหลวง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
สวัสดีครับผม กลับมาอีกครั้งกับทริปเดินป่า ของผมกับเพื่อนๆ วันนี้จะพาขึ้นเหนือ (เกือบ) สุดประเทศ ที่แม่ฮ่องสอน กับดอยที่อาจจะยังไม่ฮอตมาก แต่ความตื่นเต้น และบรรยากาศ ไม่แพ้ที่เที่ยวดังๆ เลย กับ 3 ดอย อ
สมาชิกหมายเลข 1909052
ดอยหว่าวาโจ ปุยหลวง หนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่อันตรายที่สุดที่ผมเคยเดินมา เกือบตกเขา หลงป่า ทากัด!!!
สวัสดีครับ พวกเราเป็นนักศึกษาปี4 ที่กำลังทำโปรเจคจบ โดยเป็นรายการเดินป่านะครับ ยังไงก็ฝากคำแนะนำจากพี่ๆด้วยครับ ทริปนี้เรามาเดินป่า 2วัน1คืน กับเหล่าเดอะแก็งของผม ที่แม่ฮ่องสอน ต้องบอกเลยว่าเพื่อนๆข
สมาชิกหมายเลข 7763031
เดินป่าแม่ฮ่องสอน หว่าวาโจ-ปุยหลวง-เลอเปอเฮอ-เลโจ๊ะ 4 วัน 3 คืน
สวัสดีค่าาากระทู้นี้จะพาไปเดินป่าแม่ฮ่องสอนกันค่า ทริปดองสุดๆ ทริปนี้พวกเราไปมาเมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม 2567 โดยรูทที่เราไปเป็น หว่าวาโจ-ปุยหลวง-เลอเปอเฮอ-เลโจ๊ะ 4 วัน 3 คืน ครบจบรูท วันที่ 1 หว่าวา
สมาชิกหมายเลข 5189185
เพื่อนคนไหนที่เคยเดินป่ามาหลายที่อยากให้เรียงลำดับจากง่ายไปยากให้หน่อยค่ะ
เพื่อนคนไหนที่เคยเดินป่ามาหลายที่อยากให้เรียงลำดับสถานที่จากง่ายไปยากให้หน่อยค่ะ เอาแค่ที่เราเคยไปก็ได้ มือใหม่กำลังทำการบ้านค่ะ
สมาชิกหมายเลข 5717058
สรุปการเดินทางวันที่ 11 ของทริปที่ 140
สรุปการเดินทางวันที่ 11 ของทริปที่ 140 ดอนไข่แคมป์ อินน เชียงคาน เลย ลานที่ 11 ของทริป เมื่อคืนที่อาณาวาโฮมเทล อากาศดีมาก ลมหนาวเริ่มมาแล้ว ทำให้อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ฟ้ามีเมฆมาก ไกลๆ เมฆครึ้ม แต
สมาชิกหมายเลข 4116122
สรุปการเดินทางวันที่ 9 ของทริปที่ 140
สรุปการเดินทางวันที่ 9 ของทริปที่ 140🚌 ศรีนวลฟิชชิ่งคลับ อ.เมือง ขอนแก่น⛺ ลานที่ 9 ของทริป🎯 เมื่อคืนที่ Roi-et Camping & Coffee Station ในเต็นท์อากาศดีมาก อาจเพราะฟ้าที่ครึ้มเกือบทั้งวัน และมีฝนห
สมาชิกหมายเลข 4116122
เรามาออกทริปช่วงเย็นวันจันทร์แล้วน้ำท่วมหาดใหญ่วันเสาร์ตอนเช้า ตอนนี้ติดแหงกอยู่ที่พักแถวท่าเรือปากบารา
คือใน 1 ปีเราจะออกทริป 3 เดือนครั้ง 6 เดือนครั้งบ้าง... แล้วช่วงปลายปีฝนจะตกหนักหาดใหญ่ตลอดแต่ไม่เคยท่วมมา 15 ปีแล้วล่าสุดคือ 2553 ทุกครั้งก็จะระวังระแวงกันอยู่แต่ก็ไม่เคยท่วมพื้นที่เศรษฐกิจชั้นในเลย
ขอฝันใฝ่ ในฝัน อันเหลือเชื่อ
รีวิวทริปเดินป่า หน้าฝน หว่าวาโจ-หงอนไก่-ปุยหลวง-เลอเปอเฮอ-เลโจ๊ะ // 4-7 ก.ย. 2568
บนยอดเลโจ๊ะ ที่ความสูง 1,603 เมตร จะมองเห็นเทือกเขาสะเงาะ (เลอเปอเฮอ) ช่วงเช้า บนยอดปุยหลวง ความสูง 1,722 เมตร #####################################################################################
The COP trekking
ู^^ ขับรถเดินทางไม่ถึง 700 กิโลเมตร
All Photos by: timetowalkforsomthingfirstman.. ขับรถเดินทางไม่ถึง 700 กิโลเมตร ก็ได้เจอแล้ว ท้องฟ้า ป่าไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ป่า และกาแฟ..หากคุณขับรถออกจากแถวๆ สนามบินดอนเมือง แค่ไม่ถึง 700 กิโลเ
timetowalkforsomthingfirstman
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เดินป่า
กล้องถ่ายรูป
สถานที่ถ่ายรูป
จังหวัดแม่ฮ่องสอน
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 15
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] แบกกล้องไปท่องโลก [EP.12] “หว่า วา โจ” เส้นทางเดินป่าที่สวยจนอยากหยุดเวลา ⏱
เรื่องราวระหว่างทางจะสนุกแค่ไหน วิวที่ว่าสวยจะสักเท่าไหร่ รับชมไปพร้อมๆ กันได้เล้ยยยยย...
ใครขี้เกียจอ่าน อยากเปิดดูเป็น Video กดที่ลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
หลังจากการจองทริปเสร็จสรรพก็เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 21.00 น. ซึ่งปกติถ้าไปแถวเชียงใหม่ก็เช้าพอดีแล้วก็หาข้าวเช้าทานที่นั่น ก่อนจะเดินทางต่อไปแม่ฮ่องสอน ระยะทางอาจะดูไม่ไกลแต่ใช้เวลานานมากเนื่องจากความคดเคี้ยวของเส้นทาง กว่าผมจะไปถึงก็กินเวลาไปอีกครึ่งวัน กว่าจะทานข้าวเที่ยงเตรียมตัวเดินทางต่อด้วยรถกระบะอีกประมาณครึ่งชั่วโมงไปที่จุดเริ่มเดินก็ประมาณ 14.00 น. การเดินเท้าของเราก็เริ่มต้นขึ้น
ระหว่างทางก็จะมีต้นไม้สูงๆ คอยบังแดด พื้นก็แน่นๆ เรียบๆ เดินได้สบายหน่อย ชมนกชมไม้ เฮฮากันตามประสาคนได้หลุดพ้นจากชีวิตมนุษย์เงินเดือน
ในขณะที่เดินอยู่ผมแหงนขึ้นไปมองบนฟ้า เห็นว่าแดดแรงมาก แรงจนเราอุ่นใจว่า เห่อะ...ไม่มีหรอก พายุลูกเห็บ สบายแล้วคืนนี้ แต่เดินได้ไม่ถึงสิบนาที ฟ้ามืดเลยครับ... ลมแรง ใบไม้ปลิวว่อน สายลมที่ปะทะผิวเริ่มรู้สึกว่าหนาวกว่าลมปกติ ผมเริ่มคิดว่าฝนตกแน่นอน...
พอรู้อย่างนั้นพวกผมเลยรีบควักเสื้อกันฝนออกมาสวมกันเปียกซักหน่อย ซึ่งฝนก็ค่อยๆ ตกลงมาแรงขึ้น แรงขึ้น... จนกระทั้งรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างตกใส่หัวแล้วกระเด็นผ่านหน้าไป ลักษณะมันเป็นเม็ดเล็กๆ กลมๆ ขาวๆ ขนาดเท่าไข่จิ้งจก ใช่ครับ...ลูกเห็บจริงๆ แล้วมากันเป็นกลุ่มๆ จนต้องหาที่หลบใต้ร่มไม้ก่อน
หลังจากหลบลูกเห็บได้ประมาณ 5 นาทีเราก็เริ่มออกเดินทางต่อ ฝนค่อยๆ เบาจนเริ่มมีแดดออก(แต่ฝนยังไม่หยุดนะ) ผมเลยคิดไว้ว่าที่นี่อากาศแปรปรวนมาก จะฝนตกจะลูกเห็บจะแดดออกนี่มาครบภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แสดงว่าคืนนี้มีแววเปียกแน่ๆ รึจะไม่ได้นอน ?? ฮ่าๆๆ
เอาหล่ะ หลังจาดผ่านช่วงแรกที่เป็นทางเรียบๆ ก็จะเข้าช่วงของทางชัน ซึ่งทางโดนรวมเนี่ยถ้าพูดให้ฟังก็ไม่ยาก แต่พอต้องเดินเองปั๊บ ยากเสมอ !! ความชันประมาณ 45 องศา ทำให้ผมนึกถึงเส้นทางที่เขาหลวงสุโขทัย
ระหว่างทางพอฟ้าเริ่มเปิดก็พอจะมองเห็นวิวสวยๆ ให้มีแรงฮึบสู้ต่อหน่อย
เดินต่อมาสักพักก็เริ่มมองเห็นสันเขาที่เราต้องข้ามไป พอมองจากข้างก็รู้สึกได้ทันทีว่าต้องน่ากลัวแน่ๆ แฮะ แต่คิดว่าคงไม่กลิ้งตกลงไประหว่างทาง ฮ่าๆ
เดินต่อมาอีกแป๊บเดียว ดีที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อกันฝนออก ฝนตกอีกแล้วครับ เมื่อกี้ฟ้ายังสว่างๆ อยู่เลย TT ซึ่งก็ทำให้ทีมงานต้องคิดหนักว่าจะเอายังไงดีเนื่องจากเส้นทางที่เราจะไปถ้ามีฝนตกอาจทำให้ลื่นง่าย ตอนนั้นเราอยู่ระหว่างทางแยกระหว่างเลี้ยวซ้ายไปหว่าวาโจเพื่อค้างแรมที่นั่น หรือพักตรงนี้ไปเลย แล้วค่อยรอลุ้นอีกทีพรุ่งนี้เช้าอีกที ถ้าฝนยังตกตลอดแบบนี้เราก็จะไม่เสี่ยงไปกันต่อ คงต้องเดินทางกลับเลย
จากจุดนี้เรามองเห็นสันเขาที่จะเดินไปทางหว่าวาโจแล้ว แต่ไว้มาลุ้นต่อพรุ่งนี้แล้วกัน
(ชอบภาพนี้เป็นพิเศษ)
พอตกเย็นฟ้าเริ่มเปิด แสงแดดทอแสงจางๆ กระทบสายหมอกที่เกาะอยู่ที่ปลายยอดไม้ ช่างเป็นบรรยากาศที่ดีจนเราแทบจะลืมความเหนื่อยล้าของชีวิตไปเลย
จริงๆ ที่เห็นตอนนั้นผมก็ว่าคุ้มแล้วนะ พอกลับมากางเต็นท์ จัดการเสื้อผ้าสัมภาระเสร็จสรรพผมก็สังเกตุเห็นแสงลอดออกมาตามช่องระบายอากาศของเต็นท์ ตอนนั้นรู้ทันทีเลยว่าช่วงที่สวยที่สุดของวันกำลังจะมาถึง ผมรีบเปิดเต็นท์ออกไปดูบรรยากาศด้านนอก... แสงเย็นมาแล้วครับ เหมือนฟ้าจะเป็นใจด้วย
พอเห็นแสงแบบนี้ก็เลยรีบคว้ากล้องวิ่งออกไปตรงที่ๆ วิวสวยๆ มันแบบ... สวย สวยเกินบรรยายจริงๆ ครับ ลมเย็นๆ แสงทองๆ ฟินสุดๆ
ณ จุดที่ผมยืนอยู่ถ้าหันหน้าไปด้านขวาจะเป็นดอยหงอนไก่ ซึ่งอยู่สูงดว่าจุดที่พวกเรากางเต็นท์ค่อนข้างมาก ดอยสูงๆ หญ้าสีทอง กับแสงยามเย็นช่วง Golden hour เป็นอะไรที่ช่วยฮีลใจได้เป็นอย่างดีเลยครับ
ตัดภาพมาที่ฝั่งตรงข้าม ที่จะเดินไปหว่าวาโจ ตอนนี้สมาชิกทริปทุกคนไปรวมตัวที่นั่น เพื่อนั่งชมความสวยงามของทางเดินของสันเขา ที่ผมเคยบอกไปหลังจากที่ไม่ได้เดินไปต่อที่หว่าวาโจ ถึงตอนนี้ต้องกลับคำแล้วครับ การที่ได้เห็นวิวตรงนี้ ณ เวลานี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ นี่แหล่ะครับ สวยจนอยากหยุดเวลาจริงๆ
ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า
หมอกครึ่งนึง ภูเขาครึ่งนึง
ตัดภาพมาที่ฝั่งทางเดินไปหว่าวาโจ ตรงนี้ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน
เอาหล่ะ หลังจากประเมินสถานการณ์แล้วว่า ทางเดินไปหว่าหวาโจยังพอไปไหวอยู่ พวกเราเลยรีบกลับมาเก็บของทานมื้อเช้า เตรียมตัวลุยต่อ
คราวนี้เราเดินสบายขึ้นหน่อย เพราะไม่ต้องแบกอะไรไป (ตอนกลับเดินกลับทางเดิม) เรื่องเดินตัวปลิวนี่ของถนัด ฮ่าๆ แต่อุปสรรคของเราคือหมอกครับ อยู่ๆ หมอกก็หนาขึ้นมาซะงั้น ลมยังแรงอยู่ ซึ่งทางเดินบนสันเขาค่อนข้างจะอันตรายมากทีเดียว ใครกลัวความสูงจะเดินลำบากหน่อย
จะมีบางช่วงที่เดินได้ทีละคน บางช่วงให้พอได้พักหายใจบ้าง แต่ต้องระวังตัวสุดๆ เพราะถ้าก้าวพลาดหรือเจอลมแรงๆ จนทรงตัวไม่อยู่นี่คว้าอะไรไม่ทันแน่นอน
อย่าพลาดเชียว ><
บางช่วงมันจะโล่งๆ จะลงแบบเซฟๆ หน่อยก็ต้องย่อขาค่อยๆ คลานลง
เราใช้เวลาเดินตรงนี้ประมาณ 20 นาทีซึ่งเป็นช่วงที่ลุ้น และสนุกไปด้วยในตัว พอถึงช่วงท้ายๆ จะล้มลุกคลุกคลานหน่อย เพราะต้องเกาะต้นไม้ต้นหญ้าลากตัวเองขึ้นไป
และแล้ว เราก็มาถึง..,
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้