‘ณพลเดช’ ซัดกลับ ‘ทิพานัน’ ปมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สะกิด ‘พลังประชารัฐ’ หาเสียงอะไรไว้ก็รีบทำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3532062
‘ณพลเดช’ ซัดกลับ ‘ทิพานัน’ ปมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แนะ พปชร.ทำให้ได้อย่างที่หาเสียงไว้ แต่อย่ากู้มากจนรุ่นลูกหลานต้องมารับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม นาย
ณพลเดช มณีลังกา คณะทำงานศูนย์ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ น.ส.
ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีนาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ประเด็นปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ2565 ตั้งแต่ 328-354 บาท โดยแต่เดิมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้หาเสียงว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท รวมทั้งนโยบายเงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น 20,000 บาท เงินเดือนอาชีวะเริ่มต้น 18,000 บาท หากทำไม่ได้อาจผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 73(5) และมาตรา 71 หรือไม่
นาย
ณพลเดชกล่าวว่า อีกทั้งจากแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2566-2569) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ก็ยังเป็นแผนการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่อง ไม่รู้ว่า ครม.เห็นชอบได้อย่างไร โดยให้ปีงบประมาณ 2566 ขาดดุล 6.95 แสนล้านบาท ปีงบประมาณ 2567 ขาดดุล 7.1 แสนล้านบาท ปีงบประมาณ 2568 ขาดดุล 7.23 แสนล้านบาท ปีงบประมาณ 2569 ขาดดุล 7.36 แสนล้านบาท อีกทั้งสภาพัฒน์ยังเปิดเผยตัวเลข GDP ไทยไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ตั้งไว้ 3.1% อีกทั้งเงินเฟ้อตามที่คาดการณ์สูงถึง 6.3-6.8% เราจะกู้ไปเรื่อยๆ โดยขอสภาขยายเพดานเงินกู้ เพื่อให้ลูกหลานมาใช้หนี้สินจากผลงานรัฐบาลนี้อย่างนั้นหรือ
ก้าวไกลจัดแคมเปญ ฟังความเห็นทั่วประเทศ เชื่อประเทศดีกว่านี้ได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7235657
ก้าวไกลจัดแคมเปญ ฟังความเห็นจากทั่วประเทศ ทิม-พิธาลั่น ทำพรรคให้เป็นของทุกคน ประเทศดีกว่านี้ได้ คนเท่าเทียม ไทยเท่าทันโลก มุ่งมั่นเพื่อความเปลี่ยนแปลง
วันที่ 28 ส.ค.2565 พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรม “
ก้าวไกล NEXT” ซึ่งเป็นแคมเปญรับฟังความเห็นจากประชาชน สมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนของพรรค ที่ได้มีการเดินสายจัดเวทีขึ้นตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งช่องทางออนไลน์มาตลอดช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมาจนมาถึงวันนี้ ซึ่งเป็นรอบการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในส่วนของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้กล่าวนำเสนอภาพรวมของผลการรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมาว่า ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา พรรคได้รับข้อเสนอในช่องทางออนไลน์มามากกว่า 400 ข้อเสนอ, ได้สร้างบทสนทนามากกว่า 5,700 ครั้ง, มีผู้มีส่วนร่วมในการโหวตกว่า 6,000 ครั้ง และมีการเข้าถึงเว็บไซต์กว่า 10,000 ครั้ง และยังมีการเปิดเวทีในพื้นที่กว่า 27 เวที ในทุกภาคทั่วประเทศ
โดยนอกจากโจทย์เรื่องการสื่อสาร การทำงานพื้นที่ และตัวผู้สมัครแล้ว สิ่งที่ได้รับการเสนอเข้ามามากที่สุดคือเรื่องของนโยบาย มากกว่าเรื่องอื่นเป็นเท่าตัวถึง 204 เรื่อง
ข้อเสนอเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนที่พร้อมจะสร้างสรรค์ประเทศที่มีอนาคต มีความหวัง ที่คนไทยเท่าเทียมกันและประเทศไทยเท่าทันโลก พรรคก้าวไกลยังมีโจทย์ที่ต้องช่วยกันปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างผู้แทนราษฎรที่มีอุดมการณ์เพื่อความเปลี่ยนแปลง และสามารถทำงานพื้นที่ได้อย่างสมดุล
การสื่อสารท่ามกลางพฤติกรรมการรับสื่อที่เปลี่ยนไป การทำนโยบายที่ไม่ใช่เพียงแค่การเสนอให้ประชาชนเลือก แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเข้ามาเสนอและลงมือทำ ภายใต้อุดมการณ์พรรคและความเป็นจริงทางวิชาการ
เราจะทำให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ไม่ใช่แค่ของ ส.ส. หรือแกนนำพรรคที่เป็น ส.ส. แต่เป็นพรรคที่ประชาชนทุกคนร่วมกันสร้าง เราทำงานเพื่อหวังสร้างการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เพื่อลาภ ยศ ตำแหน่ง แต่เพื่อขับเคลื่อนสังคมเราก้าวไปข้างหน้า นี่คือ DNA ของพรรคก้าวไกล
“เราเชื่อว่าประเทศไทยจะดีขึ้นกว่านี้ได้ และความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นจริงได้ ถ้าเราทุกคนมาร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการรายงานภาพรวมแล้ว ยังมีการรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นต่อตัวว่าที่ผู้สมัคร, การสื่อสารของพรรค, การนำเสนอนโยบาย, การทำงานในสภาผู้แทนราษฎร, การทำงานในระดับพื้นที่, การสร้างเครือข่ายและกิจกรรมสมาชิก และการระดมทุน ทั้งในด้านการตอบสนองต่อข้อคิดเห็นต่างๆ
โดยตัวแทนพรรคก้าวไกลยังได้นำเสนอแผนการบางส่วนที่จะมีการปรับปรุงการทำงานในอนาคต เช่น การจัดกิจกรรม
“ตลาดนโยบาย” ขึ้นมาเป็นพื้นที่สำหรับการระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนจัดทำนโยบายจากประชาชนขึ้นมาสู่พรรค การพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับการให้ข้อมูลและการรับฟังข้อเสนอแนะสำหรับการลงพื้นที่ในอนาคต เพื่อสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ของพรรคในหน้างานจริงต่อไป เป็นต้น
โดยกิจกรรมในวันนี้ ยังมีการเข้าร่วมรับฟังโดยสมาชิกและผู้สนับสนุนของพรรคจำนวนมาก ที่ต่างให้ความสนใจร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุย และเพิ่มเติมข้อเสนอแนะในด้านต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อเสนอทั้งหมดที่ได้รับมา ตลอดจนจากการจัดเวทีในช่วงเวลาที่เหลือนี้ จะนำไปสู่การสรุปเพื่อพัฒนาพรรคก้าวไกลตามความตั้งใจต่อไป
มือป่วนนับร้อย ดักปาหินขบวนคาร์ม็อบขับไล่ ประยุทธ์ ในชลบุรี พังยับหลายคัน
https://www.nationtv.tv/news/region/378884647
คาร์ม็อบแรงงาน ขับไล่ "ประยุทธ์" ถูกมือมืดกว่า 100 คน ขี่รถจักรยานยนต์ประกบ ปาหินใส่รถในขบวนพังเสียหายหลายคัน จนต้องหยุดพักข้างทาง ไปไม่ถึงเป้าหมายบ้านรัฐมนตรีสุชาติ
กลุ่มแรงงานสัมพันธ์ภาคตะวันออก นำโดยนาย
บุญยืน สุขใหม่ แกนนำกลุ่ม นาย
เนม แกนนำกลุ่มบ่อวินรุ่นใหม่ และกลุ่มโกงกาง จากมหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมรถยนต์จำนวน 11 คัน ติดป้ายโจมตีรัฐบาล และ โจมตีพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขับเคลื่อนมุ่งหน้ามายังบริเวณแยกปากร่วม ถนน331 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อเตรียมมุ่งหน้าไปยัง สำนักงาน ของนาย
สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐสาขาชลบุรี พื้นตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
ระหว่างขับเคลื่อนขบวน แกนนำพลัดเปลี่ยนกันปราศรัยเกี่ยวกับการทำงานของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ 8 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงต้องการให้ลาออก และไม่ต้องการให้พลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นมารักษาการแทน เพราะไม่มีความเหมาะสม ทางกลุ่มจึงเรียกร้องให้ยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ และต้องการแก้ไขเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน โดยจุดหมายวันนี้จะไปยื่นหนังสือต่อนายสุชาติ ให้ปรับค่าแรงในจังหวัดชลบุรี และระยองเป็น 400 บาท แต่ล่าสุดได้ปรับค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรีระยองและกรุงเทพมหานคร เป็น 385 บาท และจะมีผลภายในเดือนตุลาคมปีนี้
ระหว่างทางมาถึงถนนอ่างศิลา ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขี่รถจักรยายยนต์มาหลายสิบคัน ประมาณ 100 คน พร้อมอาวุธและก้อนหิน ขับเข้ามาในขบวนก่อนจะปาก้อนกินใส่รถที่กำลังวิ่งมาในขบวนได้รับความเสียหาย 5 คัน ทำให้ไปต่อไม่ได้
จากนั้น ตำรวจ สภ.แสนสุข เดินทางมาตรวจสอบพบกลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ได้ฮือแตกตื่นและตกใจหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้มอบหนังสือให้กับนาย
สุเทพ ชิตยะวงศ์ เลขานุการนาย
สุชาติ ชมกลิ่น ที่เดินทางมารับหนังสือแทน
สอบถามนาย
อัศวิน กลิ่นเทศเกษร อายุ 43 ปีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกเศษกระจกบาดได้เล่าว่า ตนและกลุ่มสัมพันธ์แรงงานได้เดินทางขับเคลื่อนมาจาก จ.ระยอง พอมาถึงเขตบางแสนกำลังจะเข้าสำนักงานของ ส.ส.
สุชาติ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 100 คนขี่รถ จยย.ตามประกบมีอาวุธเป็นไม้ตีกอล์ฟ ไม้เบสบอล และก้อนหินเข้ามาทุบรถและทำลายรถของกลุ่มขับเคลื่อนจนพังเสียหายไป 5 คัน จนไปต่อไม่ได้
นายเอก (นามสมมุติ) กลุ่มผู้ชุมนุมอีกรายได้เปิดเผยว่า
“กลุ่มตนได้มาเป็นตัวแทนของผู้ใช้แรงงานเพียงนำหนังสือมายื่นต่อรัฐมนตรีแรงงาน ทำไมต้องมาทำร้ายและทำลายรถกันขนาดนี้ ความปลอดภัยหายไปใหนหมด ขนาดมีตำรวจคอยอำนวยความสะดวกยังกล้าทำขนาดนี้ กลุ่มสัมพันธ์แรงงานของตนคงได้หยุดพักเพราะรถพังและอีกอย่างห่วงความปลอดภัยของกลุ่มเพราะไม่รู้จะเจออะไรอีกหวั่นไม่ปลอดภัยแล้ว”
ท่องเที่ยวโอดขึ้นค่าแรงกระทบธุรกิจ หลังต้นทุนพุ่ง-ศก.ยังฟื้นไม่เต็มที่
https://www.matichon.co.th/economy/news_3531843
นาย
ธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ระดับ 5-8% แล้วแต่พื้นที่ สูงสุดอยู่ที่ 360 บาทต่อวัน เฉพาะในกรุงเทพฯ และชลบุรี ต่ำสุดอยู่ที่ 313 บาทต่อวัน โดยประเมินผลกระทบต่อผู้ประกอบการมีแน่นอนอยู่แล้ว เนื่องจากถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้ตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก รวมถึงในภาคการท่องเที่ยวไทย เรายังเห็นสถานประกอบการ อาทิ โรงแรม ยังปิดอยู่ประมาณ 50% นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ 28,000-30,000 คนต่อวัน ฟื้นตัวกลับมาเพียง 10% เทียบกับปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เท่านั้น
“แม้รัฐบาลจะบอกว่าการท่องเที่ยวฟื้นดีขึ้น แต่ก็ต้องมาประเมินอีกครั้งว่า ดีขึ้นจากอะไร หากบอกว่าดีขึ้นจากช่วงที่เกิดโควิดแรงๆ ก็ใช่ แต่หากเทียบกับตอนก่อนเกิดโควิด ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 2-3 แสนคนต่อวัน ก็ถือว่ายังกลับมาน้อยอยู่ ซึ่งขนาดตอนนี้กลับมาน้อย แต่ธุรกิจโรงแรมก็มีปัญหาแล้วในวันที่อัตราการเข้าพักสูงๆ อย่างช่วงวันหยุด ที่ต้องการพนักงานมากขึ้น ทำให้คนที่ต้องการใช้แรงงานจริงๆ ต้องจ่ายเกินอัตราค่าแรงขั้นต่ำแล้ว อยู่ประมาณ 700-800 ต่อวัน” นาย
ธเนศกล่าว
นาย
ธเนศกล่าวว่า ธุรกิจบริการ ถือเป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานจำนวนมาก ทำให้ค่าแรงถือสัดส่วนกว่า 30-40% ของต้นทุนรวม บวกกับค่าไฟฟ้าและค่าน้ำ ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำให้เมื่อมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้น ก็จะดึงต้นทุนขึ้นประมาณ 5-10% โดยสิ่งที่เรากังวลมากที่สุดในตอนนี้นอกเหนือจากต้นทุนคือ ช่วงฤดูหนาวเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ตามปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยจำนวนมาก หากตอนนั้นเรายังหาแรงงานเข้ามาเสริมในธุรกิจไม่เพียงพอ ตรงนี้จะเป็นปัญหาหลักมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมธุรกิจในปัจจุบันฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว หากเทียบกับช่วงโควิดรุนแรง แต่เราก็ยังพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ความต้องการ (ดีมานด์) เดินทางท่องเที่ยวมีเฉพาะวันหยุดเท่านั้น ทำให้แม้ฟื้นตัวแต่ก็ไม่ได้ดีมากนัก
นาย
ธเนศกล่าวว่า ขณะนี้เราเห็นดีมานด์ตลาดคนไทยเที่ยวนอก จากที่ผ่านมาเราได้ลูกค้าตลาดนี้เข้ามาช่วยพยุงธุรกิจ เพราะไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้ แต่ตอนนี้คนมีเงินหรือมีกำลังซื้อ ก็เห็นเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น อาทิ ยุโรป สหรัฐ เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นด้วย ทำให้ดีมานด์ในตลาดนี้ที่เคยเข้ามาช่วยในช่วงการระบาดโควิด เมื่อมีทางเลือกไปต่างประเทศได้ ก็หายไปอีกประมาณ 70% เพราะอัดอั้นมากว่า 2 ปีแล้ว
JJNY : 5in1 ‘ณพลเดช’ซัดกลับ‘ทิพานัน’│ก.ก.จัดแคมเปญ│ดักปาหินม็อบในชลบุรี│ท่องเที่ยวโอดขึ้นค่าแรง│อังกฤษวิเคราะห์รัสเซีย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3532062
‘ณพลเดช’ ซัดกลับ ‘ทิพานัน’ ปมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แนะ พปชร.ทำให้ได้อย่างที่หาเสียงไว้ แต่อย่ากู้มากจนรุ่นลูกหลานต้องมารับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม นายณพลเดช มณีลังกา คณะทำงานศูนย์ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ประเด็นปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ2565 ตั้งแต่ 328-354 บาท โดยแต่เดิมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้หาเสียงว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท รวมทั้งนโยบายเงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น 20,000 บาท เงินเดือนอาชีวะเริ่มต้น 18,000 บาท หากทำไม่ได้อาจผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 73(5) และมาตรา 71 หรือไม่
นายณพลเดชกล่าวว่า อีกทั้งจากแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2566-2569) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ก็ยังเป็นแผนการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่อง ไม่รู้ว่า ครม.เห็นชอบได้อย่างไร โดยให้ปีงบประมาณ 2566 ขาดดุล 6.95 แสนล้านบาท ปีงบประมาณ 2567 ขาดดุล 7.1 แสนล้านบาท ปีงบประมาณ 2568 ขาดดุล 7.23 แสนล้านบาท ปีงบประมาณ 2569 ขาดดุล 7.36 แสนล้านบาท อีกทั้งสภาพัฒน์ยังเปิดเผยตัวเลข GDP ไทยไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ตั้งไว้ 3.1% อีกทั้งเงินเฟ้อตามที่คาดการณ์สูงถึง 6.3-6.8% เราจะกู้ไปเรื่อยๆ โดยขอสภาขยายเพดานเงินกู้ เพื่อให้ลูกหลานมาใช้หนี้สินจากผลงานรัฐบาลนี้อย่างนั้นหรือ
ก้าวไกลจัดแคมเปญ ฟังความเห็นทั่วประเทศ เชื่อประเทศดีกว่านี้ได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7235657
ก้าวไกลจัดแคมเปญ ฟังความเห็นจากทั่วประเทศ ทิม-พิธาลั่น ทำพรรคให้เป็นของทุกคน ประเทศดีกว่านี้ได้ คนเท่าเทียม ไทยเท่าทันโลก มุ่งมั่นเพื่อความเปลี่ยนแปลง
วันที่ 28 ส.ค.2565 พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรม “ก้าวไกล NEXT” ซึ่งเป็นแคมเปญรับฟังความเห็นจากประชาชน สมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนของพรรค ที่ได้มีการเดินสายจัดเวทีขึ้นตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งช่องทางออนไลน์มาตลอดช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมาจนมาถึงวันนี้ ซึ่งเป็นรอบการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในส่วนของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้กล่าวนำเสนอภาพรวมของผลการรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมาว่า ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา พรรคได้รับข้อเสนอในช่องทางออนไลน์มามากกว่า 400 ข้อเสนอ, ได้สร้างบทสนทนามากกว่า 5,700 ครั้ง, มีผู้มีส่วนร่วมในการโหวตกว่า 6,000 ครั้ง และมีการเข้าถึงเว็บไซต์กว่า 10,000 ครั้ง และยังมีการเปิดเวทีในพื้นที่กว่า 27 เวที ในทุกภาคทั่วประเทศ
โดยนอกจากโจทย์เรื่องการสื่อสาร การทำงานพื้นที่ และตัวผู้สมัครแล้ว สิ่งที่ได้รับการเสนอเข้ามามากที่สุดคือเรื่องของนโยบาย มากกว่าเรื่องอื่นเป็นเท่าตัวถึง 204 เรื่อง
ข้อเสนอเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนที่พร้อมจะสร้างสรรค์ประเทศที่มีอนาคต มีความหวัง ที่คนไทยเท่าเทียมกันและประเทศไทยเท่าทันโลก พรรคก้าวไกลยังมีโจทย์ที่ต้องช่วยกันปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างผู้แทนราษฎรที่มีอุดมการณ์เพื่อความเปลี่ยนแปลง และสามารถทำงานพื้นที่ได้อย่างสมดุล
การสื่อสารท่ามกลางพฤติกรรมการรับสื่อที่เปลี่ยนไป การทำนโยบายที่ไม่ใช่เพียงแค่การเสนอให้ประชาชนเลือก แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเข้ามาเสนอและลงมือทำ ภายใต้อุดมการณ์พรรคและความเป็นจริงทางวิชาการ
เราจะทำให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ไม่ใช่แค่ของ ส.ส. หรือแกนนำพรรคที่เป็น ส.ส. แต่เป็นพรรคที่ประชาชนทุกคนร่วมกันสร้าง เราทำงานเพื่อหวังสร้างการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เพื่อลาภ ยศ ตำแหน่ง แต่เพื่อขับเคลื่อนสังคมเราก้าวไปข้างหน้า นี่คือ DNA ของพรรคก้าวไกล
“เราเชื่อว่าประเทศไทยจะดีขึ้นกว่านี้ได้ และความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นจริงได้ ถ้าเราทุกคนมาร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการรายงานภาพรวมแล้ว ยังมีการรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นต่อตัวว่าที่ผู้สมัคร, การสื่อสารของพรรค, การนำเสนอนโยบาย, การทำงานในสภาผู้แทนราษฎร, การทำงานในระดับพื้นที่, การสร้างเครือข่ายและกิจกรรมสมาชิก และการระดมทุน ทั้งในด้านการตอบสนองต่อข้อคิดเห็นต่างๆ
โดยตัวแทนพรรคก้าวไกลยังได้นำเสนอแผนการบางส่วนที่จะมีการปรับปรุงการทำงานในอนาคต เช่น การจัดกิจกรรม “ตลาดนโยบาย” ขึ้นมาเป็นพื้นที่สำหรับการระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนจัดทำนโยบายจากประชาชนขึ้นมาสู่พรรค การพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับการให้ข้อมูลและการรับฟังข้อเสนอแนะสำหรับการลงพื้นที่ในอนาคต เพื่อสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ของพรรคในหน้างานจริงต่อไป เป็นต้น
โดยกิจกรรมในวันนี้ ยังมีการเข้าร่วมรับฟังโดยสมาชิกและผู้สนับสนุนของพรรคจำนวนมาก ที่ต่างให้ความสนใจร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุย และเพิ่มเติมข้อเสนอแนะในด้านต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อเสนอทั้งหมดที่ได้รับมา ตลอดจนจากการจัดเวทีในช่วงเวลาที่เหลือนี้ จะนำไปสู่การสรุปเพื่อพัฒนาพรรคก้าวไกลตามความตั้งใจต่อไป
มือป่วนนับร้อย ดักปาหินขบวนคาร์ม็อบขับไล่ ประยุทธ์ ในชลบุรี พังยับหลายคัน
https://www.nationtv.tv/news/region/378884647
คาร์ม็อบแรงงาน ขับไล่ "ประยุทธ์" ถูกมือมืดกว่า 100 คน ขี่รถจักรยานยนต์ประกบ ปาหินใส่รถในขบวนพังเสียหายหลายคัน จนต้องหยุดพักข้างทาง ไปไม่ถึงเป้าหมายบ้านรัฐมนตรีสุชาติ
กลุ่มแรงงานสัมพันธ์ภาคตะวันออก นำโดยนายบุญยืน สุขใหม่ แกนนำกลุ่ม นายเนม แกนนำกลุ่มบ่อวินรุ่นใหม่ และกลุ่มโกงกาง จากมหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมรถยนต์จำนวน 11 คัน ติดป้ายโจมตีรัฐบาล และ โจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขับเคลื่อนมุ่งหน้ามายังบริเวณแยกปากร่วม ถนน331 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อเตรียมมุ่งหน้าไปยัง สำนักงาน ของนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐสาขาชลบุรี พื้นตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
ระหว่างขับเคลื่อนขบวน แกนนำพลัดเปลี่ยนกันปราศรัยเกี่ยวกับการทำงานของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ 8 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงต้องการให้ลาออก และไม่ต้องการให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นมารักษาการแทน เพราะไม่มีความเหมาะสม ทางกลุ่มจึงเรียกร้องให้ยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ และต้องการแก้ไขเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน โดยจุดหมายวันนี้จะไปยื่นหนังสือต่อนายสุชาติ ให้ปรับค่าแรงในจังหวัดชลบุรี และระยองเป็น 400 บาท แต่ล่าสุดได้ปรับค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรีระยองและกรุงเทพมหานคร เป็น 385 บาท และจะมีผลภายในเดือนตุลาคมปีนี้
ระหว่างทางมาถึงถนนอ่างศิลา ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขี่รถจักรยายยนต์มาหลายสิบคัน ประมาณ 100 คน พร้อมอาวุธและก้อนหิน ขับเข้ามาในขบวนก่อนจะปาก้อนกินใส่รถที่กำลังวิ่งมาในขบวนได้รับความเสียหาย 5 คัน ทำให้ไปต่อไม่ได้
จากนั้น ตำรวจ สภ.แสนสุข เดินทางมาตรวจสอบพบกลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ได้ฮือแตกตื่นและตกใจหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้มอบหนังสือให้กับนายสุเทพ ชิตยะวงศ์ เลขานุการนายสุชาติ ชมกลิ่น ที่เดินทางมารับหนังสือแทน
สอบถามนายอัศวิน กลิ่นเทศเกษร อายุ 43 ปีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกเศษกระจกบาดได้เล่าว่า ตนและกลุ่มสัมพันธ์แรงงานได้เดินทางขับเคลื่อนมาจาก จ.ระยอง พอมาถึงเขตบางแสนกำลังจะเข้าสำนักงานของ ส.ส.สุชาติ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 100 คนขี่รถ จยย.ตามประกบมีอาวุธเป็นไม้ตีกอล์ฟ ไม้เบสบอล และก้อนหินเข้ามาทุบรถและทำลายรถของกลุ่มขับเคลื่อนจนพังเสียหายไป 5 คัน จนไปต่อไม่ได้
นายเอก (นามสมมุติ) กลุ่มผู้ชุมนุมอีกรายได้เปิดเผยว่า
“กลุ่มตนได้มาเป็นตัวแทนของผู้ใช้แรงงานเพียงนำหนังสือมายื่นต่อรัฐมนตรีแรงงาน ทำไมต้องมาทำร้ายและทำลายรถกันขนาดนี้ ความปลอดภัยหายไปใหนหมด ขนาดมีตำรวจคอยอำนวยความสะดวกยังกล้าทำขนาดนี้ กลุ่มสัมพันธ์แรงงานของตนคงได้หยุดพักเพราะรถพังและอีกอย่างห่วงความปลอดภัยของกลุ่มเพราะไม่รู้จะเจออะไรอีกหวั่นไม่ปลอดภัยแล้ว”
ท่องเที่ยวโอดขึ้นค่าแรงกระทบธุรกิจ หลังต้นทุนพุ่ง-ศก.ยังฟื้นไม่เต็มที่
https://www.matichon.co.th/economy/news_3531843
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ระดับ 5-8% แล้วแต่พื้นที่ สูงสุดอยู่ที่ 360 บาทต่อวัน เฉพาะในกรุงเทพฯ และชลบุรี ต่ำสุดอยู่ที่ 313 บาทต่อวัน โดยประเมินผลกระทบต่อผู้ประกอบการมีแน่นอนอยู่แล้ว เนื่องจากถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้ตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก รวมถึงในภาคการท่องเที่ยวไทย เรายังเห็นสถานประกอบการ อาทิ โรงแรม ยังปิดอยู่ประมาณ 50% นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ 28,000-30,000 คนต่อวัน ฟื้นตัวกลับมาเพียง 10% เทียบกับปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เท่านั้น
“แม้รัฐบาลจะบอกว่าการท่องเที่ยวฟื้นดีขึ้น แต่ก็ต้องมาประเมินอีกครั้งว่า ดีขึ้นจากอะไร หากบอกว่าดีขึ้นจากช่วงที่เกิดโควิดแรงๆ ก็ใช่ แต่หากเทียบกับตอนก่อนเกิดโควิด ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 2-3 แสนคนต่อวัน ก็ถือว่ายังกลับมาน้อยอยู่ ซึ่งขนาดตอนนี้กลับมาน้อย แต่ธุรกิจโรงแรมก็มีปัญหาแล้วในวันที่อัตราการเข้าพักสูงๆ อย่างช่วงวันหยุด ที่ต้องการพนักงานมากขึ้น ทำให้คนที่ต้องการใช้แรงงานจริงๆ ต้องจ่ายเกินอัตราค่าแรงขั้นต่ำแล้ว อยู่ประมาณ 700-800 ต่อวัน” นายธเนศกล่าว
นายธเนศกล่าวว่า ธุรกิจบริการ ถือเป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานจำนวนมาก ทำให้ค่าแรงถือสัดส่วนกว่า 30-40% ของต้นทุนรวม บวกกับค่าไฟฟ้าและค่าน้ำ ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำให้เมื่อมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้น ก็จะดึงต้นทุนขึ้นประมาณ 5-10% โดยสิ่งที่เรากังวลมากที่สุดในตอนนี้นอกเหนือจากต้นทุนคือ ช่วงฤดูหนาวเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ตามปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยจำนวนมาก หากตอนนั้นเรายังหาแรงงานเข้ามาเสริมในธุรกิจไม่เพียงพอ ตรงนี้จะเป็นปัญหาหลักมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมธุรกิจในปัจจุบันฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว หากเทียบกับช่วงโควิดรุนแรง แต่เราก็ยังพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ความต้องการ (ดีมานด์) เดินทางท่องเที่ยวมีเฉพาะวันหยุดเท่านั้น ทำให้แม้ฟื้นตัวแต่ก็ไม่ได้ดีมากนัก
นายธเนศกล่าวว่า ขณะนี้เราเห็นดีมานด์ตลาดคนไทยเที่ยวนอก จากที่ผ่านมาเราได้ลูกค้าตลาดนี้เข้ามาช่วยพยุงธุรกิจ เพราะไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้ แต่ตอนนี้คนมีเงินหรือมีกำลังซื้อ ก็เห็นเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น อาทิ ยุโรป สหรัฐ เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นด้วย ทำให้ดีมานด์ในตลาดนี้ที่เคยเข้ามาช่วยในช่วงการระบาดโควิด เมื่อมีทางเลือกไปต่างประเทศได้ ก็หายไปอีกประมาณ 70% เพราะอัดอั้นมากว่า 2 ปีแล้ว