รักครั้งแรก ตลอดไป

เขียนเป็นครั้งแรกในพันทิปทั้งๆที่ปีนี้อายุ33ปีแล้ว อาจจะเขียนไม่ถูกใจหรืออาจจะเว้นวรรคได้ไม่ถูกต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ แค่อยากจะเก็บเรื่องราวความรักครั้งแรกไว้ในที่ใดที่หนึ่งแค่นั้นเอง *ผมเชื่อความทุกคนคงจะมีรักครั้งแรกกันทุกคน จำได้บ้างไม่ได้บ้าง สมหวังบ้างไม่สมหวังบ้างเป็นเรื่องปกติ เรื่องราวรักครั้งแรกผมเกิดขึ้นตอนป.6ที่โรงเรียน วัดลาดสนุ่น ลำลูกกา ห้องเรียนสมัยนั้นยังคงเป็นกระดานดำ มือถือไม่มี มีแค่เล่นซ่อนแอบ กระตายขาเดียว ปลาเป็นปลาตาย กระโดดยาง ผมก็เป็นเด็กธรรมดาคนนึง ที่เรียนที่นี่มาตั้งแต่ป.3ผ่านความสนุกแบบในยุคสมัยนั้นที่พอจะหาได้ตามสมัย มาจนถึงป.6ก็มีเด็กผู้หญิงย้ายเข้ามาเรียน ด.ญ.คนนั้นชื่อว่า บุหลัน (ผมขอไม่บอกนามสกุล)เธอเป็นเด็กหญิงผิวขาวตัวเล็ก มีขี้แมลงวันที่มุมปากด้านซ้าย ชอบถือกระเป๋าใบใหญ่กว่าตัวมาโรงเรียนเสมอ เธอเป็นเด็กเรียนเก่ง ผมไม่รู้ว่าเธอย้ายมาจากที่ไหน แต่อยู่ๆเราก็สนิทกัน เพราะผมเป็นพวกชอบทำอะไรบ้าๆตลกๆตามภาษาคนที่อยากมีตัวตนในห้อง เพราะผมเรียนกลางๆ หน้าตาบ้านๆเลยต้องทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจด้วยการทำตัวบ้าๆตลกๆ ตอนนั้นมีละครที่ดังมากชื่อว่า อังกอร์ ที่พี่พีท ทองเจือ แสดงกับ เอ็มม่า แต่จะมีอยู่ตัวละครนึงที่มีเอกลักษณ์คือ นายพราน ม๋อง ผมชอบแต่งตัว ถือไม้กวาดตอนเวลาทำเวรตอนเย็น แล้วชอบพูดว่า ข้าสัมผัสพลังมันได้ เดินทำตัวบ้าๆให้ผู้หญิงขำ บุหลันก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอจะขำและยิ้มทุกครั้งที่ผมทำอะไรบ้าๆหรือตลก จนผมเริ่มชอบในความน่ารักของเธอ แต่ด้วยความที่ผมเองเป็นแค่เด็กกระจอกๆในตอนนั้น จะมีคนมองเห็นก็ต่อเมื่อผมทำบ้าๆเท่านั้น วิธีเดียวที่ผมจะได้คุยกับเธอได้เล่นกับเธอทุกวันคือผมต้องขอเธอลอกการบ้าน ผมจะเป็นคนที่ไปโรงเรียนเช้ามาก เช้าที่ถึงขั้นว่าไปเปิดห้องเรียนก่อนเสมอ แต่บุหลันเอง จะมาเกือบจะไม่ทันตลอด แต่ผมก็จะนั่งรอเธอมาทุกวันเพื่อจะขอลอกการบ้านเธอ เธอก็ใจดีให้ผมลอกทุกวัน มีกินข้าวด้วยกันบ้างตอนกลางวัน เราสนิทกันมากขึ้น จนบางครั้งผมไปเตะบอลตอนกลางวัน เธอก็จะไปนั่งดู ผมก็ได้แต่แอบยิ้มที่หันไปเห็นเธอนั่งอยู่ข้างๆสนาม แต่ผมก็ไม่รู้ความในใจของเธอตอนนั้นว่าคิดอะไรกับผมหรือเปล่า หรือผมคิดไปเอง เพราะยุคสมัยนั้นการที่เราจะได้เจอคนที่เราแอบชอบในสมัยเรียน คือเราต้องมาโรงเรียนทุกวัน เพราะการติดต่อกันมันไม่มีเหมือนปัจจุบัน ผมชอบเธอจริงๆ มีความสุขมากที่ได้มีเธออยู่ใกล้ๆ เป็นห่วงเธอเวลาเห็นเธอทะเลาะกับเพื่อน ได้แต่คอยไปทำให้เธอยิ้ม จนมาถึงวันที่ผมอยากจะบอกเธอว่าผมชอบเธอนะ อยากรู้ว่าเธอมีคนที่ชอบไหม เพราะตอนนั้นเห็นเธอสนิทกับผมแค่คนเดียวผมเลยอยากรู้ แต่ด้วยที่ผมเป็นคนไม่กล้าถามตรงๆ ผมรอจนวิชาเรียนสุดท้ายของวัน ผมเขียนจดหมายด้วยลายมือ เพื่อบอกความในใจที่ผมมี ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมเปรียบตัวเองเป็นตัวละครในเรื่องอังกอร์ ผมถามไปในจดหมายว่า หลันมีแฟนหรือเปล่า หลันมีคนที่ชอบไหม เราชอบหลันมากนะ ตัวละครที่ผมเปรียบว่าตัวเองเป็นคือ ผมเป็นหมวดชาติ หลันเป็น ครูกิ่ง ในเรื่องอังกอร์ คำถามมีไม่กี่คำถาม แต่ในจดหมายฉบับนั้นผมไม่ได้เขียนชื่อบอกไปว่าเป็นใคร มาจนถึงเวลาที่ต้องส่งสมุดวิชาเรียนสุดท้ายของวัน ผมแอบเอาจดหมายไปใส่ไว้ในสมุดเล่มนั้น เพราะมันต้องมีการเปิดหน้าสมุดให้ครูเซ็นชื่อ ผมออกมานั่งอยู่หน้าห้อง รอเวลากลับบ้าน แต่ก็แอบมอง เห็นเธอเปิดอ่านแล้วและพยายามมองหาเจ้าของจดหมาย แต่ในจดหมายผมไม่ได้บอกชื่อแต่ผมคิดว่าเธอคงรู้ จนเวลาเลิกเรียนเก็บของทุกอย่างหมดแล้ว ผมที่นั่งอยู่หน้าห้องรอกลับบ้าน ก็เห็นบุหลัน เดินมาหาผมถือจดหมายมาด้วยผมได้แต่ทำเป็นนั่งคุยกับเพื่อนไป หลันเดินเอาจดหมายมาใส่ที่กระเป๋าเสื้อผม แล้วก็พูดสั่นๆว่า *เอามาคืนนะ*แล้วก็เดินจากไป ก่อนเธอจะเดินจากไปเธอยิ้มให้ผมแต่ผมไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลยแม้แต่คำเดียว ผมรอจนถึงบ้านผมเอาจดหมายมาเปิดดูเพราะอยากรู้ว่าเธอจะเขียนตอบอะไรมาหรือเปล่า แต่เธอไม่ได้เขียนตอบอะไรผมมาแม้แต่คำตอบเดียวที่ผมถามไป ผมคิดในใจตามภาษาคนขี้อายกระจอกแบบผมว่า เธอคงไม่ชอบเราแต่ก็ยังดีที่เธอเดินเอามาคืนถูกคน อย่างน้อยเธอก็รู้แล้วว่าเป็นเราเองที่แอบชอบเธอ แต่หลังจากวันนั้น ผมกับหลันก็ไม่สนิทกันเหมือนเก่า ผมไม่กล้าคุยกับเธอ ไม่กล้าเล่นกับเธอ ผมเองที่เปลี่ยนไปและถอยออกมา เพราะผมอาย อายที่ไม่เจียมตัวเอง ผมคิดว่าหลันเองก็คงจะแปลกใจ ว่าทำไมผมไม่เหมือนเดิมกับเธอ แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องมาพูดหรือมาถามอะไรผม ประมาณว่า กูรู้ว่ามีงชอบกู สารภาพมาแล้ว แล้วทำไมไม่คุยกับกูหมือนเดิมละ ผมคิดแบบนั้นในเวลานั้น ผมกับหลันห่างกันไปทุกวัน ไม่ได้คุยกันอีกเลย เจอกันมียิ้มให้กันบ้าง ตามบรรใด ตามโรงอาหาร แต่ผมไม่ได้คุยกับเธออีกเลย แต่ผมเองก็ยังแอบมองเธออยู่ทุกวัน ยังรอเธอมาโรงเรียนทุกวันเหมือนเดิม ยังชอบเธอมากเหมือนเดิม ผมไม่ได้คุยกับเธออีกเลยจนปิดเทอม1ผมกับมาทบทวน ทุกๆอย่างว่าเธอคงไม่ชอบเรา ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกันได้ ถึงยังไงเราก็ชอบเขาอยู่แล้ว เขาไมชอบเราไม่ผิดอะไรสักหน่อย ผมกับมาทบทวนทุกอย่าง และคิดว่าเปิดเทอมมาผมจะกับมาคุยและขอโทษเธอที่คิดเลยเพื่อนไป พอเปิดเทอม2มาหลันก็ย้ายโรงเรียนไป เธอมาเรียนที่โรงเรียน วัดลาดสนุ่นแค่เทอมเดียว ผมไม่รู้ว่าเธอไปไหนไม่รู้ว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจะตามหาเธอได้ที่ไหน ไม่มีเบอร์โทร ไม่มีสักอย่างมีแต่ความทรงจำที่มันติดอยู่ในใจ ว่าเรายังไม่ได้บอกกับเธอจากปากเราเองว่า เราชอบเธอและอยากจะขอโทษที่คิดเกินเพื่อนไป ผมไม่เคยเจอเธออีกเลย แต่เธออยู่ในความทรงจำผมมาตลอด จนผ่านเวลาไป9ปีผมเรียน มหาวิทยาลัย ปี3 ผมแทบจะลืมเรื่องราวทุกอย่างของบุหลันไปหมดแล้ว จนวันนึงผมเปิดทีวีไปเจอละครช่อง7เอาอังกอร์ กลับมาฉายใหม่อีกครั้ง เรื่องราวต่างๆในช่วงเวลานั้นก็กับมามีชีวิตอีกครั้ง ผมจำได้ทุกอย่างคิดถึงช่วงเวลาในตอนนั้นขึ้นมา คิดถึงว่าเรามีเรื่องติดค้างในใจกับผู้หญิงคนนึงที่เราเคยแอบชอบเขาแต่เราไม่กล้าบอกจากปากเราไป ตอนนั้นที่คิดถึงรักแรกขึ้นมา จำได้แต่ชื่อ ว่า บุหลัน จำนามสกุลเขาไม่ได้ ผมเลยคิดว่าต้องกลับไปโรงเรียนวัดลาดสนุ่น เพื่อจะไปถามครูว่าพอจะหาให้ได้ไหม ชื่อนี้นามสกุลนี้ ผมเลยตัดสินใจกลับไปที่โรงเรียนเก่า ไปเจอครูที่เคยสอนเรามาในตอนนั้น ผมเล่าทุกอย่างให้ครูฟังว่าทำไมผมถึงอยากกลับมาตามหารักครั้งแรกของผม ครูคนนั้นชื่อว่าครู นุชรี เป็นครูที่ดุมาก แต่ครูก็ยินดีช่วยถึงเหตุผลของผมมันจะไร้สาระมากๆก็ตาม ครูไปเอาสมุดของโรงเรียนมาเปิดดู สมุดเล่มนั้นจะเป็นสมุดที่จดชื่อของนักเรียนที่เรียนป.6ตอนปี2542เอาไว้ทุกคน เปิดหาดูได้เจอชื่อเพื่อนเก่าๆในสมัยนั้นเยอะมาก พอได้เห็นก็ได้แค่นึกไปว่า เพื่อนๆเป็นยังไงกันบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เจอชื่อบุหลันเลย ผมเองก็ถอดใจไปแล้ว แต่ครู นุชรี บอกว่าเขาไม่ได้จบ ป.6ที่นี้ อาจจะไม่มีชื่อ ทิ้งเรื่องไว้ให้ครูเดียวจะตามให้ ผมเลยกลับบ้านมาโดยที่แอบมีหวังว่าครูคงหาเจอ ผ่านไป4วันครูโทรกลับมาบอกผมว่า ชื่อ บุหลัน นามสกุล ..... ย้ายไปเรียนโรงเรียนบ้านท่ากระบาก จังหวัด สระแก้ว ผมรู้มาผมดีใจมากขอบคุณครูเขาแบบสุดๆ พอผมได้ชื่อนามสกุลมาแล้ว ผมก็ให้พี่ผมที่รู้จักกัน ที่เป็น ป.ป.ส หาประวัติในคอมพิวเตอร์ของตำรวจ (มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนะครับแต่พี่เขาเต็มใจช่วยเพราะผมไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดี)จนผมได้ที่อยู่ ของบุหลันมา ที่อยู่มันขึ้นมาว่าอยู่จังหวัด สระแก้ว ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกัน เพราะมันตรงกับโรงเรียนที่เขาย้ายไป แต่ผมไม่ได้เห็นรูปเธอในตอนโตนะครับ เขาบอกแค่ที่อยู่มาให้แค่นั้น ผมเลยเอาที่อยู่ที่ได้มามาทำเหมือนเดิมครับ เหมือนตอนป.6เขียนจดหมายเล่าทุกอย่างที่จำได้ บรรยายลงไป หวังว่าเธอคงจะจำเราได้ ผมเขียนฉบับแรก พร้อมเบอร์โทร ส่งแบบ EMS ไปตามที่อยู่ หวังว่าเธอคงได้อ่านเธออาจจะจำไม่ได้แต่ก็คงจะโทรกลับมาแน่ เพราะอยู่ๆก็มีใครไม่รู้เขียนจดหมายมาหาเธอ สุดท้ายผ่านไป3วันไม่มีการโทรกล้บ ผมเลยเขียนไปอีกฉบับที่2ส่งเหมือนเดิม หวังว่าเธอคงจะโทรกลับแต่ก็ไม่มี ฉบับที่3ก็ไม่โทรกลับ จนผมไปดูที่ ไปรษณีย์เพราะEMSมันต้องมีคนเซ็นรับ ชื่อคนรับก็เป็นหลันที่รับเองแต่เธอไม่โทรกลับมา ผมคิดในใจเธอคงจำไม่ได้แล้วจริงๆละเรื่องมันก็9ปีแล้วแถมเธอยังมาเรียนแค่เทอมเดียว ผมเลยตัดสินใจเขียนฉบับสุดท้ายไป ในจดหมายบอกว่าผมจะไม่เขียนไปหาอีกแล้ว และก็ขอโทษที่รบกวน ส่งไปเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้มีคนโทรกลับมาหาผม แล้วบอกว่าเป็นบุรุษไปรษณีย์ ที่ไปส่งจดหมายให้ เขาบอกว่าเห็นผมส่งมาหลายครั้งแล้ว แค่อยากจะบอกผมว่าคนที่ชื่อบุหลัน เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่คนที่รับไว้คือ คุณย่าเขา ผมเลยถามไปว่ามีเบอร์หลันไหม ไปรษณีย์ก็ถามย่าให้ผม ย่าไม่มีเบอร์หลันเพราะหลันไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว แต่ย่าจะเก็บจดหมายไว้ให้นะ ผมก็ได้แต่ขอบคุณและลืมเรื่องนี้ไป จนมีวันนึง มีเบอร์แปลกโทรมาหาผมแต่เช้าเลย เสียงเหมื่อน LGBT ถามว่าผมชื่ออะไรผมเลยบอกไปว่าชื่อเอก และเขาก็วางสายไป อีกแปปก็มีอีกเบอร์โทรมา คราวนี้เป็นเสียงผู้หญิง ถามผมเหมือนกันว่าผมชื่ออะไร อยู่ที่ไหน ผมด้วยความที่ลำคาญเลย บอกไปว่าชื่อเอก อยู่ที่กรุงเทพ ด้วยน้ำเสียงที่โมโห เพราะคิดว่าโดนแกล้ง แต่เสียงตามสายที่โทรมาก็ถามมาคำนึงว่า เธอได้เขียนจดหมายไปหาใครหรือเปล่า ผมก็เลยเปลี่ยนน้ำเสียงและก็เลยบอกไปว่าได้เขียนไปหาบุหลัน เสียงตามสายก็บอกผมมาว่า เป็นเพื่อนหลัน หลันให้โทรมาถามว่ารู้ที่อยู่หลันได้ยังไง เป็นใครและทำไมถึงเขียนไป ผมก็เลยเล่าทุกอย่างให้เสียงตามสายคนนั้นฟัง ว่าชอบหลันตอนป.6แต่ตอนนั้นไม่กล้าบอก เลยอยากจะบอกหลันตอนนี้ แต่ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนปัจจุบันของหลันนะ ท่าหลันมีแฟนแล้วก็ไม่เป็นไร เราแค่อยากทำให้เรื่องที่คาใจเรามันหมดไป เสียงตามสายเขาก็อึ้งไป ว่ามีผู้ชายแบบนี้ด้วยหรอที่เขียนจดหมาย บอกรัก รักครั้งแรกของตัวเอง เราก็เลยบอกว่ามีก็เรานี่ละ และเราไม่ได้เป็นโรคจิตนะเลยบอกเขาไปแบบนี้ คุยกันได้สักพัก เขาก็บอกว่าต้องวางสายแล้ว ผมก็เลยบอกเขาไปว่า ฝากบอกหลันด้วยนะว่าเราแอบชอบหลันในตอนนั้น เราแค่อยากบอกเท่านี้ ให้หลันโทรกลับหาเราด้วยนะเราจะรอ เสียงผู้หญิงคนนั้นก็เงียบไป และก็พูดขึ้นมาว่า จะฝากบอกทำไมนี่หลันพูดอยู่ เขาต้องแกล้งเป็นคนอื่นเพราะเขาไม่รู้ว่าเรามีเจตนาอะไร แต่พอเขาบอกว่าเขาคือหลัน ผมก็ดีใจมาก แต่หลันเองก็อึ้งเหมือนกันเขาบอกเขาไม่เคยเจอเหตุการแบบนี้ เราเลยนัดเจอกันที่อนุสาวรีย์ ตอน5โมงเย็นวันนั้นเลย ตอนนั้น อนุเสาวรีย์ยังมีร้านหนังสือ ดอกหญ้าอยู่ ผมไปถึงก่อนเลยไปอยู่รอ ได้สักพัก หลันก็โทรมาว่าถึงแล้วรอตรงเซเว่นร้านดอกหญ้า ผมที่อยู่บนสะพานลอยพยายามมองลงไปก่อนว่าคนไหน แต่เหมือนเขาก็มองขึ้นมาเหมือนกัน ผมใส่แว่นดำอยู่ถือมือถือ หลันก็เหมือนกันได้มองตากันครั้งแรก ผมเลยรีบวิ่งลงไป ถอดแว่นดำออก หลันมองหน้าผมใหญ่เลย มองที่ตาผม แล้วพูดมาคำนึงว่าเขาจำแววตานี้ได้แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน เราไปคุยกันที่ร้านกาแฟ ในเซ็นเตอร์วัน ผมพยายามเล่าทุกอย่างให้หลันฟัง แต่หลันจำได้เป็นบางอย่างและก็เพื่อนบางคนเท่านั้นแต่จำผมไม่ได้ ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไรจำไม่ได้ไม่เป็นไรเอกไม่ได้น่าจำขนาดนั้น เราคุยกันตั้งแต่5โมงเย็นจนถึง2ทุ่มหลันเขามองหน้าผมตลอดตอนที่คุยก้น จนหลันบอกว่าแฟนหลันจะมารับ ผมก็ได้แต่เศร้านะที่เธอจำผมไม่ได้แต่หลันบอกว่าหลันมีความสุขมากนะที่ได้อ่านจดหมายที่ผมส่งไปที่สระแก้ว และหลันก็บอกว่า ถึงเขาจะจำผมตอนเด็กไม่ได้แต่เขาจะจำผมตอนนี้ไม่ลืมแน่นอน สุดท้ายผมได้เดินมาส่งหลันเพราะแฟนหลันจะมารอรับ ตอน2ทุ่มกว่าๆตอนเดินมาส่งหลันที่ สะพานลอย ผมถือกระเป๋าให้หลันพอมาถึงจุดที่ต้องส่งหลันจริงๆ ผมก็คืนกระเป๋าให้หลันไปแต่ตอนนั้นทุกอย่างมันเงียบไปหมด ถึงจะมีคนเดินไปมามากมายแต่มันก็เงียบมากผมไม่รู้จะพูดอะไร ผมเลยบอกหลันไปว่าขอบคุณนะที่วันนี้มาเจอกัน ขอบคุณที่อยู่ในความทรงจำเรามาตลอดตอนนั้นเราชอบหลันมากนะ เราขอโทษที่ไม่กล้าบอกจากปากเราเองในตอนนั้น หลันไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา ผมเลยเดินออกมาจากตรงนั้น และก็คิดในใจว่าทุกอย่างเหมือนเดิมเลยเหมือนตอนป.6เลยเราคงไม่ได้คุยกันอีกแล้ว ผมเดินมาได้จนจะลงสะพานลอย แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง...มีต่อนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่