กก.นศ.นิติ-รัฐศาสตร์มธ. แถลงซัด ‘8 ปีแห่งความสิ้นหวัง’ จี้ 3 ข้อ ปิดสวิตช์ ส.ว. ก่อนยุบสภาด่วน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3530812
กก.นศ.นิติ-รัฐศาสตร์ มธ. แถลงซัดประยุทธ์ ‘8 ปีแห่งความสิ้นหวัง’ หมดความชอบธรรมนั่งนายกฯ จี้ 3 ข้อ แก้ 272 ปิดสวิตช์ส.ว. ก่อนยุบสภาทันที
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม สืบเนื่องวานนี้ (26 ส.ค.) คณะกรรมการนักศึกษานิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ร่วมจัดกิจกรรม
“แปดที่ปวด” ภายหลังหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอวินิจฉัย กรณีดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปี โดยมี น.ส.
ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ
รุ้ง โฆษกกลุ่มราษฎร และ น.ส.
เบนจา อะปัญ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ไปจนถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ร่วมกิจกรรมโหวตผ่านโพล เขียนป้ายผ้าแสดงความคิดเห็น และฟังการปราศรัย ที่ลาน Common คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้ คณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และ คณะกรรมการนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์ร่วม กรณี วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง ข้อเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัยให้ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกการให้อำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีก่อนมีการยุบสภา และให้มีการยุบสภาทันทีหลังจากมีราชกิจจานุเบกษาประกาศ แก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ
โดยมีเนื้อหา ดังนี้
สืบเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก่อกบฎทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และต่อมาได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2557 หากพิจารณาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 170 วรรคสอง มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 ในบทเฉพาะกาล ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้
ทั้งนี้ จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องจากพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ยื่นคำร้องให้วินิจฉัย กรณีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยขี้ขาดกรณีดังกล่าว
นอกจากประเด็นปัญหาทางกฎหมายแล้ว ที่มาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความชอบธรรมมาตั้งแต่ต้น ด้วยการเข้าสู่อำนาจจากการก่อการรัฐประหาร ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเมื่อเข้าสู่อำนาจแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกพ้อง ก็ได้วางกลไกการสืบทอดอำนาจผ่านการแทรกแชงองค์กรอิสระ ออกแบบกฎกติกาเลือกตั้ง และรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้อำนาจวุฒิสภา 250 คน สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เพื่อกุมความได้เปรียบทางการเมือง คงไว้ซึ่งผลประโยชน์ส่วนตนเอง จนสภาพการเมืองที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย การเลือกปฏิบัติทางกฎหมาย เกิดรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ บริหารงานอย่างไร้วิสัยทัศน์และไร้ความสามารถในการแก้ปัญหา ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้ระบบการเลือกตั้งที่สร้างมาเพื่อชุบตัวเพียงเท่านั้น ซ้ำร้ายแม้จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างเอง สร้างเอง แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ประพฤติตนไม่เคารพเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ต้องการให้ผู้ใดครองอำนาจอยู่ในตำแหน่งนี้มากกว่า 8 ปี อันเป็นการไร้ซึ่งจริยธรรมของนักการเมืองที่ดี ด้วยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงไม่คู่ควรและปราศจากความชอบธรรมใดๆ ที่จะดำรงอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป
ทางคณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และคณะกรรมการ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเล็งเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจก่อให้เกิดสภาวะสุญญากาศทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศ จึงมีข้อเรียกร้อง 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1. ให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที
2. แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกการให้อำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี ก่อนมีการยุบสภา
3. ให้มีการยุบสภาทันทีหลังจากมีราชกิจจานุเบกษา ประกาศแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ
สุดท้ายนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยใช้และตีความกฎหมายตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญด้วยความเที่ยงธรรมอย่างตรงไปตรงมา ปราศจากอคติส่วนตน ดังที่ ผู้ทรงคุณวุฒิและวิญญูชนพึงกระทำ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะเล็งเห็นถึงปัญหาที่ตนเองได้ก่อ อย่างการบริหารราชการผิดพลาดจนก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ และบริหารราชการผิดพลาดในการรับมือต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ประชาชน การใช้จ่ายงบประมาณอย่างสิ้นเปลือง จัดสรรงบประมาณโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ก่อหนี้สาธารณะให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก สร้างเครือข่ายองคาพยพต่างๆ เพื่อสืบทอดอำนาจ รวมถึงการใช้อำนาจโดยมิชอบ คุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้เห็นต่าง
ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และคณะกรรมการนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งรัฐบาลจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชน
“อำนาจไมใช่สิ่งยืนยาว หรือทรัพย์สินที่ใครจะครอบครองได้ตลอดไป 8 ปีแห่งความสิ้นหวัง 8 ปีแห่งความท้อแท้ ควรจบสิ้นลงเสียที อย่ารอให้ถึงวันที่ประชาชนจะพิพากษาพวกท่านด้วยตนเอง”
ด้วยความไม่เคารพและไม่รัก
คณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
คณะกรรมการนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
26 สิงหาคม 2565
แกนนำแรงงาน ชี้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 1 ตุลาฯ ยังช้าไป แนะรัฐจี้เอกชนทำโครงสร้างค่าจ้างรายปี
https://www.matichon.co.th/economy/news_3530362
แกนนำแรงงานชี้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 1 ตุลาฯ ยังช้าไป แนะรัฐจี้เอกชนทำโครงสร้างค่าจ้างรายปี
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นาย
ชาลี ลอยสูง ที่ปรึกษาคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 21 มีมติปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศสูงสุด 354 บาท ต่ำสุด 328 บาท มีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ว่าตัวเลขที่มีการปรับเพิ่มนั้น โดยหลักไม่ได้เป็นไปตามที่เคยมีการยื่นเรียกร้องให้มีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 492 บาท เท่ากันทั้งประเทศ ซึ่งรอบนี้การปรับเพิ่มสูงสุด 22 บาท เฉพาะในกรุงเทพมหานคร แต่ละจังหวัดก็ได้ไม่เท่ากัน
“แต่เมื่อมีมติออกมาแล้วเราก็ยอมรับกันไป แต่เราต้องไปทำข้อมูลเพิ่มเติมให้มีการปรับใหม่ในอนาคตเพื่อให้คนงานอยู่รอด เพราะ 492 บาท หรือแม้แต่ 425 บาท ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศไว้ก็ยังไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ถือว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งทุกกลุ่ม แต่ก็อยากให้มองความเดือดร้อน ความทุกข์ยากของคนงานให้มากด้วย” นายชาลีกล่าว
นาย
ชาลีกล่าวว่า กรณีให้ค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2565 จากปกติในการปรับค่าจ้าง ที่ผ่านมามักจะมีผลบังคับใช้ช่วงปีใหม่นั้น ตรงนี้ตนมองว่าการให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ยังช้าไปด้วยซ้ำไป เพราะเราไม่ได้มีการปรับค่าจ้างกันมานานกว่า 2 ปีแล้ว ในขณะที่ข้าวของต่างๆ มีการปรับราคาขึ้นหลายครั้ง น้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ ก็ปรับเพิ่มหลายรอบ ปรับเพิ่มมาตลอด
“เพราะฉะนั้นเห็นด้วยที่ให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม แม้จะช้าไปหน่อยก็ตาม การปรับค่าจ้างรอบนี้เอาเข้ามาโป๊วกับสินค้าอุปโภค บริโภคที่ขึ้นราคาไปรอก่อนหน้านี้แล้ว แล้วตอนนี้ถ้าปล่อยให้ข้าวของต่างๆ ขึ้นราคาอีกมันก็จะหนีค่าจ้างไปอีก ดังนั้น รัฐต้องคุมราคาสินค้าให้ได้ แล้วรัฐก็เยียวยากลุ่มนายจ้างด้วยมาตรการภาษีต่างๆ แทน ซึ่งนายจ้างบางส่วนที่ทำต้นทุนค่าจ้างทั้งปีไว้แล้วเขาอาจจะต้องปรับแผนบริหารจัดการของบริษัทใหม่ได้ แต่เชื่อว่ามีไม่มาก” นาย
ชาลีกล่าว
นาย
ชาลีกล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่เราขับเคลื่อนมาตลอดคือ ไม่อยากพูดคำว่า
“ค่าจ้างขั้นต่ำ” แต่อยากให้เปลี่ยนคำนิยามว่าเป็น
“ค่าจ้างแรกเข้า” ออกกฎหมายให้ทุกบริษัทที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ต้องมีการปรับโครงสร้างค่าจ้างรายปี (แบบขั้นบันได) ให้กับคนงาน ทั้งผลการทำงาน ความร่วมมือในการทำงาน อัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี เป็นต้น ซึ่งหากสามารถทำได้ก็จะเป็นการขจัดปัญหาที่ทำให้แรงงานต้องออกมาเรียกร้องให้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำทุกๆ ปี จากปัจจุบันที่มีบางบริษัทไม่ปรับเลย รอแต่ประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำเท่านั้น ดังนั้น รัฐบาลต้องทำเชิงนโยบายแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้
ทูตนอกแถว ซัด ‘ดอน’ ปากไร้วินัย ชอบพูดรู้ล่วงหน้า ปมพักงานบิ๊กตู่ ซ้ำรอยสหรัฐส่งซิก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3530360
ทูตรัศม์ ซัด รมต.ดอน ปากไร้วินัย ชอบพูดรู้ล่วงหน้า ปมศาลพักงานบิ๊กตู่ ซ้ำรอยสหรัฐส่งซิกบุกอิหร่าน
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นาย
รัศม์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว อดีตเอกอัครราชทูตไทย ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นกรณีที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาระบุว่า รู้ล่วงหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งให้ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวว่า
“จะกระทบเอเปคไหม นั่นก็เรื่องหนึ่ง
แต่ศาลนะครับ ไม่ใช่พวกใบ้หวย เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องรักษาความลับ จะมาเที่ยวบอกใครก่อนไม่ได้ จะรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร
พูดแบบนี้มันอาจเข้าข่ายหมิ่น ไม่เคารพต่อศาลหรือเปล่า?
พูดแบบนี้พูดทำไม? เพื่ออะไร?
เหมือนกับตอนที่พูดอย่างไม่อายว่าสหรัฐได้มาเตือนก่อนว่าจะโจมตีอิหร่าน จนกลายเป็นตลกไปทั่วโลก
บางคนก็สมดัง ‘ปากวิบัติไร้วินัย’ โดยแท้”
https://www.facebook.com/thealternativeambassadorreturns/posts/pfbid02FD6vDBTimY34XQPk8Av6eFoAQRtNRKLCkpYGHWLPNFVhqocaXnhtEidR4nS81A48l
พท.พร้อมเลือกตั้ง ดักทางยุบสภา ขอกฎหมายลูกเสร็จก่อน หวั่นเกิดสุญญากาศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3530382
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวการยุบสภา และการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี รวมถึง พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการ ที่จะสามารถปรับ ครม.ได้ ส่วนข่าวการยุบสภานั้น โดยหลักการทั่วไปต้องดูว่า การยุบสภาแล้วจะเลือกตั้งอย่างไร เนื่องจากกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่มี ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาในการเลือกตั้งได้ อย่างไรก็ตาม พรรค พท.ไม่ได้มีปัญหา หากมีการยุบสภาก็พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง เราเตรียมพร้อมอยู่ตลอด
JJNY : 5in1 ‘8 ปีแห่งความสิ้นหวัง’│ขึ้นค่าจ้างช้าไป│ทูตนอกแถวซัดดอน│พท.พร้อมเลือกตั้ง│นาโตผวา!รัสเซีย-จีนเริ่มแผ่อิทธิพล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3530812
กก.นศ.นิติ-รัฐศาสตร์ มธ. แถลงซัดประยุทธ์ ‘8 ปีแห่งความสิ้นหวัง’ หมดความชอบธรรมนั่งนายกฯ จี้ 3 ข้อ แก้ 272 ปิดสวิตช์ส.ว. ก่อนยุบสภาทันที
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม สืบเนื่องวานนี้ (26 ส.ค.) คณะกรรมการนักศึกษานิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ร่วมจัดกิจกรรม “แปดที่ปวด” ภายหลังหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอวินิจฉัย กรณีดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปี โดยมี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง โฆษกกลุ่มราษฎร และ น.ส.เบนจา อะปัญ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ไปจนถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ร่วมกิจกรรมโหวตผ่านโพล เขียนป้ายผ้าแสดงความคิดเห็น และฟังการปราศรัย ที่ลาน Common คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้ คณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และ คณะกรรมการนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์ร่วม กรณี วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง ข้อเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกการให้อำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีก่อนมีการยุบสภา และให้มีการยุบสภาทันทีหลังจากมีราชกิจจานุเบกษาประกาศ แก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ
โดยมีเนื้อหา ดังนี้
สืบเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก่อกบฎทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และต่อมาได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2557 หากพิจารณาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 170 วรรคสอง มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 ในบทเฉพาะกาล ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้
ทั้งนี้ จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องจากพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ยื่นคำร้องให้วินิจฉัย กรณีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยขี้ขาดกรณีดังกล่าว
นอกจากประเด็นปัญหาทางกฎหมายแล้ว ที่มาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความชอบธรรมมาตั้งแต่ต้น ด้วยการเข้าสู่อำนาจจากการก่อการรัฐประหาร ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเมื่อเข้าสู่อำนาจแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกพ้อง ก็ได้วางกลไกการสืบทอดอำนาจผ่านการแทรกแชงองค์กรอิสระ ออกแบบกฎกติกาเลือกตั้ง และรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้อำนาจวุฒิสภา 250 คน สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เพื่อกุมความได้เปรียบทางการเมือง คงไว้ซึ่งผลประโยชน์ส่วนตนเอง จนสภาพการเมืองที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย การเลือกปฏิบัติทางกฎหมาย เกิดรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ บริหารงานอย่างไร้วิสัยทัศน์และไร้ความสามารถในการแก้ปัญหา ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้ระบบการเลือกตั้งที่สร้างมาเพื่อชุบตัวเพียงเท่านั้น ซ้ำร้ายแม้จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างเอง สร้างเอง แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ประพฤติตนไม่เคารพเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ต้องการให้ผู้ใดครองอำนาจอยู่ในตำแหน่งนี้มากกว่า 8 ปี อันเป็นการไร้ซึ่งจริยธรรมของนักการเมืองที่ดี ด้วยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงไม่คู่ควรและปราศจากความชอบธรรมใดๆ ที่จะดำรงอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป
ทางคณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และคณะกรรมการ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเล็งเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจก่อให้เกิดสภาวะสุญญากาศทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศ จึงมีข้อเรียกร้อง 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1. ให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที
2. แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกการให้อำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี ก่อนมีการยุบสภา
3. ให้มีการยุบสภาทันทีหลังจากมีราชกิจจานุเบกษา ประกาศแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ
สุดท้ายนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยใช้และตีความกฎหมายตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญด้วยความเที่ยงธรรมอย่างตรงไปตรงมา ปราศจากอคติส่วนตน ดังที่ ผู้ทรงคุณวุฒิและวิญญูชนพึงกระทำ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะเล็งเห็นถึงปัญหาที่ตนเองได้ก่อ อย่างการบริหารราชการผิดพลาดจนก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ และบริหารราชการผิดพลาดในการรับมือต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ประชาชน การใช้จ่ายงบประมาณอย่างสิ้นเปลือง จัดสรรงบประมาณโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ก่อหนี้สาธารณะให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก สร้างเครือข่ายองคาพยพต่างๆ เพื่อสืบทอดอำนาจ รวมถึงการใช้อำนาจโดยมิชอบ คุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้เห็นต่าง
ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และคณะกรรมการนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งรัฐบาลจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชน
“อำนาจไมใช่สิ่งยืนยาว หรือทรัพย์สินที่ใครจะครอบครองได้ตลอดไป 8 ปีแห่งความสิ้นหวัง 8 ปีแห่งความท้อแท้ ควรจบสิ้นลงเสียที อย่ารอให้ถึงวันที่ประชาชนจะพิพากษาพวกท่านด้วยตนเอง”
ด้วยความไม่เคารพและไม่รัก
คณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
คณะกรรมการนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
26 สิงหาคม 2565
แกนนำแรงงาน ชี้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 1 ตุลาฯ ยังช้าไป แนะรัฐจี้เอกชนทำโครงสร้างค่าจ้างรายปี
https://www.matichon.co.th/economy/news_3530362
แกนนำแรงงานชี้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 1 ตุลาฯ ยังช้าไป แนะรัฐจี้เอกชนทำโครงสร้างค่าจ้างรายปี
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายชาลี ลอยสูง ที่ปรึกษาคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 21 มีมติปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศสูงสุด 354 บาท ต่ำสุด 328 บาท มีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ว่าตัวเลขที่มีการปรับเพิ่มนั้น โดยหลักไม่ได้เป็นไปตามที่เคยมีการยื่นเรียกร้องให้มีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 492 บาท เท่ากันทั้งประเทศ ซึ่งรอบนี้การปรับเพิ่มสูงสุด 22 บาท เฉพาะในกรุงเทพมหานคร แต่ละจังหวัดก็ได้ไม่เท่ากัน
“แต่เมื่อมีมติออกมาแล้วเราก็ยอมรับกันไป แต่เราต้องไปทำข้อมูลเพิ่มเติมให้มีการปรับใหม่ในอนาคตเพื่อให้คนงานอยู่รอด เพราะ 492 บาท หรือแม้แต่ 425 บาท ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศไว้ก็ยังไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ถือว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งทุกกลุ่ม แต่ก็อยากให้มองความเดือดร้อน ความทุกข์ยากของคนงานให้มากด้วย” นายชาลีกล่าว
นายชาลีกล่าวว่า กรณีให้ค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2565 จากปกติในการปรับค่าจ้าง ที่ผ่านมามักจะมีผลบังคับใช้ช่วงปีใหม่นั้น ตรงนี้ตนมองว่าการให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ยังช้าไปด้วยซ้ำไป เพราะเราไม่ได้มีการปรับค่าจ้างกันมานานกว่า 2 ปีแล้ว ในขณะที่ข้าวของต่างๆ มีการปรับราคาขึ้นหลายครั้ง น้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ ก็ปรับเพิ่มหลายรอบ ปรับเพิ่มมาตลอด
“เพราะฉะนั้นเห็นด้วยที่ให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม แม้จะช้าไปหน่อยก็ตาม การปรับค่าจ้างรอบนี้เอาเข้ามาโป๊วกับสินค้าอุปโภค บริโภคที่ขึ้นราคาไปรอก่อนหน้านี้แล้ว แล้วตอนนี้ถ้าปล่อยให้ข้าวของต่างๆ ขึ้นราคาอีกมันก็จะหนีค่าจ้างไปอีก ดังนั้น รัฐต้องคุมราคาสินค้าให้ได้ แล้วรัฐก็เยียวยากลุ่มนายจ้างด้วยมาตรการภาษีต่างๆ แทน ซึ่งนายจ้างบางส่วนที่ทำต้นทุนค่าจ้างทั้งปีไว้แล้วเขาอาจจะต้องปรับแผนบริหารจัดการของบริษัทใหม่ได้ แต่เชื่อว่ามีไม่มาก” นายชาลีกล่าว
นายชาลีกล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่เราขับเคลื่อนมาตลอดคือ ไม่อยากพูดคำว่า “ค่าจ้างขั้นต่ำ” แต่อยากให้เปลี่ยนคำนิยามว่าเป็น “ค่าจ้างแรกเข้า” ออกกฎหมายให้ทุกบริษัทที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ต้องมีการปรับโครงสร้างค่าจ้างรายปี (แบบขั้นบันได) ให้กับคนงาน ทั้งผลการทำงาน ความร่วมมือในการทำงาน อัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี เป็นต้น ซึ่งหากสามารถทำได้ก็จะเป็นการขจัดปัญหาที่ทำให้แรงงานต้องออกมาเรียกร้องให้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำทุกๆ ปี จากปัจจุบันที่มีบางบริษัทไม่ปรับเลย รอแต่ประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำเท่านั้น ดังนั้น รัฐบาลต้องทำเชิงนโยบายแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้
ทูตนอกแถว ซัด ‘ดอน’ ปากไร้วินัย ชอบพูดรู้ล่วงหน้า ปมพักงานบิ๊กตู่ ซ้ำรอยสหรัฐส่งซิก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3530360
ทูตรัศม์ ซัด รมต.ดอน ปากไร้วินัย ชอบพูดรู้ล่วงหน้า ปมศาลพักงานบิ๊กตู่ ซ้ำรอยสหรัฐส่งซิกบุกอิหร่าน
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายรัศม์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว อดีตเอกอัครราชทูตไทย ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นกรณีที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาระบุว่า รู้ล่วงหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวว่า
“จะกระทบเอเปคไหม นั่นก็เรื่องหนึ่ง
แต่ศาลนะครับ ไม่ใช่พวกใบ้หวย เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องรักษาความลับ จะมาเที่ยวบอกใครก่อนไม่ได้ จะรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร
พูดแบบนี้มันอาจเข้าข่ายหมิ่น ไม่เคารพต่อศาลหรือเปล่า?
พูดแบบนี้พูดทำไม? เพื่ออะไร?
เหมือนกับตอนที่พูดอย่างไม่อายว่าสหรัฐได้มาเตือนก่อนว่าจะโจมตีอิหร่าน จนกลายเป็นตลกไปทั่วโลก
บางคนก็สมดัง ‘ปากวิบัติไร้วินัย’ โดยแท้”
https://www.facebook.com/thealternativeambassadorreturns/posts/pfbid02FD6vDBTimY34XQPk8Av6eFoAQRtNRKLCkpYGHWLPNFVhqocaXnhtEidR4nS81A48l
พท.พร้อมเลือกตั้ง ดักทางยุบสภา ขอกฎหมายลูกเสร็จก่อน หวั่นเกิดสุญญากาศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3530382
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวการยุบสภา และการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการ ที่จะสามารถปรับ ครม.ได้ ส่วนข่าวการยุบสภานั้น โดยหลักการทั่วไปต้องดูว่า การยุบสภาแล้วจะเลือกตั้งอย่างไร เนื่องจากกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่มี ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาในการเลือกตั้งได้ อย่างไรก็ตาม พรรค พท.ไม่ได้มีปัญหา หากมีการยุบสภาก็พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง เราเตรียมพร้อมอยู่ตลอด