รีวิวอัลบั้มล่าสุดจาก I Prevail [TRUE POWER] (2022)

ไม่กี่วันที่ผ่านมา สุดยอดวงโพสต์ฮาร์ดคอร์จากมิชิแกนอย่าง I Prevail ได้ขนอัลบั้มใหม่มาให้ฟังกันเต็มๆ กันอีกครั้ง หลังจากที่ฝากผลงานล่าสุดอย่าง TRAUMA ไว้กับหูแฟนเพลงมากว่า 3 ปีแล้ว สิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนในความแตกต่างระหว่าง 2 ชุดแรกคือเรื่องซาวด์ ในชุด TRAUMA จะมีความผสมซาวด์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่าชุดแรก ซึ่งมันเป็นงานที่แฟนเพลงหลายคนชื่นชอบ และก็ได้กวาดรางวัลแกรมมี่มาแล้ว แต่ส่วนตัวมองว่ายังมีจุดที่สามารถต่อยอดและไปให้สุดได้อีก แต่ก็รู้สึกว่าวงเองก็มาถูกทางแล้วเช่นกัน และถ้าจะมีใครชื่นชอบในแนวทางแบบ TRAUMA และอยากได้ยินมันอีกครั้งแบบเวอร์ชั่นเลือดสาด ใส่ไม่ยั้ง บอกได้เลยว่า TRUE POWER ก็คืองานที่ตอบโจทย์นั้นได้ทุกข้อ 

TRUE POWER คืออัลบั้มเต็มชุดที่ 3 จาก I Prevail ที่มีความผสมผสานความเป็น Post Hardcore / Metalcore / Nu Metal มาเขย่าๆ รวมกัน ผมใช้เป็นคำนี้ละกัน เพราะส่วนตัวไม่แน่ใจเท่าไหรว่าจะ categorize แนวทางของวงในตอนนี้ว่าเป็นแบบไหน แต่ความรู้สึกทุกครั้งที่ได้ฟังก็คือ "สะใจยิ้ม"

เพื่อความกระชับ เดี๋ยวจะพาไปรีวิวกันแบบ track by track เลยดีกว่า

1 / 2 - 0:00 / There's Fear In Letting Go
เปิดด้วยอินโทรอย่าง 0:00 เพื่อโหมโรงเบาๆ กันไปสู่เพลงแรกอย่าง There's Fear In Letting Go ที่เปิดมาด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์เบาๆ พร้อมซาวด์กีต้าร์ที่คอยกระแทกมาเป็นจังหวะห่างๆ verse แรกขึ้นมาและค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปในช่วง pre chorus จนไประเบิดเอาที่ท่อน chorus ที่บอกได้เลยว่าใหญ่มาก เร่งอารมณ์ไปจนขีดสุด ลองนึกภาพถึงเด็กที่กำลังไปต่อแถวเข้าสวนสนุกที่กำลังจะเปิด ทุกอย่างมันโหมโรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนตอนที่กำลังจะได้เข้าไปเล่น และในจังหวะที่สวนสนุกเปิดประตูให้เด็กพุ่งกรู่เข้าไป นั่นคือการทำงานของท่อน chorus เพลงนี้ จากนั้นก็มีช่วงที่ดนตรีได้สงบลงไปแว้บนึง เชื่อได้เลยว่าคอเพลงเมทัลจะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และใช่ครับ เด็กคนนั้นก็ถูกนำทางไปเรื่อยๆ จนถึงรถไฟเหาะที่เรียกว่าท่อน breakdown หนึบๆ เท่ๆ ตามสไตล์ของ I Prevail และตอนท้ายก็หวนเอาริฟฟ์นี้มาจบเพลงอีกครั้ง ส่วนตัวให้นี่เป็นหนึ่งในแทร็คเปิดอัลบั้มที่ดีที่สุดในหลายๆ อัลบั้มที่ฟังมาในปีนี้เลย 

3. Body Bag
ซิงเกิลแรกที่ปล่อยออกมาโปรโมทอัลบั้ม เร็ว สับ เถื่อน บอกได้เลยว่าไม่บ่อยที่จะได้ฟัง I Prevail ปล่อยเพลงจังหวะเร็วขนาดนี้ แอบได้กลิ่นความเป็น Nu Metal แบบซิ่งๆ ตามติดมา ไม่ต้องคิดอะไรมากกับเพลงนี้ หายใจไม่ทันตั้งแต่หัวจนท้ายเพลง

4. Self-Destruction
ซิงเกิ้ลล่าสุดที่ตัดแยกออกมาพร้อมอัลบั้มเต็ม เอาจริงแค่ริฟฟ์ขึ้นมาก็ร้องเชี่ยแล้ว โคตรสาก รู้เลยว่าฟังเพลงนี้จบคือน่วมแน่ๆ เปิดด้วยไรม์พร้อมเสียงดุๆ ตามสไตล์ของเอริค มีจังหวะพักเป็นซาวด์แนว EDM ในพาร์ทของไบรอัน ผสมสลับกันไปจนไปท่อนหน่วงจังหวะท้ายเพลง ให้ความรู้สึกถึงความเป็น Nu Metal ได้อีกเช่นกัน เอาซะนั่งฟังไม่ติดพื้นเลย

5. Bad Things
ซิงเกิ้ลที่ 2 ที่ปล่อยตาม Body Bag ออกมาไม่นานมาก เพลงนี้มาเป็นเพลงจังหวะกลางๆ แต่ก็คงเสน่ห์ในท่อน breakdown เอาไว้ ซึงก็ค่อนข้างเป็นท่อนที่แบกเพลงทั้งเพลงเอาไว้ก็ว่าได้ ยอมรับว่าฟังเพลงนี้ครั้งแรกไม่ค่อยเก็ท แต่ในช่วงก่อนอัลบั้มจะปล่อยออกมา นี่น่าจะกลายเป็น Top 3 เพลงของ I Prevail ที่เราฟังเยอะที่สุดเลย 

6. Fake
สิ่งแรกที่แว้บเข้ามาในหัวตอนอินโทรขึ้นได้ไม่ถึง 3 วินาที คือมันโคตรจะ Linkin Park เลย ที่ชอบมากๆ ในเพลงนี้จะเป็นท่อน verse แรกที่รู้สึกว่าโคตรเท่ ตามมาด้วยท่อน chorus ที่ร้องว่า fake fake fake fake FAKE!!!!!! สิ่งที่โดดเด่นแีกจุดในเพลงนี้ คือเป็นเพลงที่ได้อวดลวดไลน์โซโล่กีต้าร์ชัดเจนที่สุดในอัลบั้ม ถึงจะไม่ได้เยอะแยะมากมายซึ่งก็ตามสไตล์ของแนวเพลงกลุ่มนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่บ่อยที่จะเห็น guitar solo ในเพลงเร็วของ I Prevail เช่นกัน

7. Judgement Day 
เปิดมาก็สับตั้งแต่ต้นเพลง คือกะไม่ให้นั่งพักกันเลยว่างั้น เพลงนี้เอริคสำรองเถื่อนมากๆ เพลงนึงเลย และก็ยังคงความคลีนในท่อน chorus ด้วยเมโลดี้เท่ๆ จากน้ำเสียงพี่ไบรอันเหมือนเดิม breakdown เพลงนี้เองก็เรียกได้ว่าน่าจะพุ่งที่สุดในอัลบั้มแล้ว อยากฟังอะไรล่ะ ริฟฟ์ระเบิดๆ ไลน์โซโล่ยิกๆ ซาวด์สังเคราะห์เด้งๆ ได้ยินหมดทุกอย่างในช่วงสั้นๆ บอกเลยว่าโคตรโหด

8. FWYTYK 
คงได้พักจริงๆ แล้วแหละ เปิดมาด้วย vibe ที่ทำให้คิดถึง 2 เพลงจากชุดก่อนอย่า Paranoid กับ Breaking Down กลางๆ กำลังโยกได้ ก็คิดว่าน่าจะจบไปแบบเรื่อยๆ จนดนตรีเริ่มสงบลง แน่นอนว่าคอเมทัลก็คงรู้อีกน่ะแหละว่า ยิ้ม ไม่ได้พักแน่ และก็ระเบิดเอาตอนท้ายจริงๆ หลังจากที่ดนตรีเริ่มทำท่าจะปะทุ และมีเสียงพูดขึ้นมาว่า "run" เท่านั้นแหละ กระเจิง อลหม่าน ในคอนเสิร์ตได้ปั่นกันยับแน่ๆ อยู่ไม่สุขกันแน่นอน 

9. Deep End
"เป็นเพียงฝุ่นที่ลอยช้าๆ แล้วแต่สายลมจะพัด"... เดี๋ยวๆๆ ผิดเพลง แต่ก็ต้องบอกว่าได้พักกันจริงๆ สักที จังหวะกลางๆ เปิดมาด้วยซาวด์ฟุ้งๆ ก่อนจะพาไปทะยานอารมณ์ขึ้นที่ท่อน chorus ตามเคย เพลงนี้มาแบบจังหวะพอโยกหัวตามได้สนุกๆ เลย เมโลดี้สวยมากนะ และแอบได้ยินเอริคร้องเมโลดี้เป็นครั้งแรกด้วย ถึงจะมาสั้นๆ ก็แอบทำให้สะกิดอยู่เหมือนกับตอนได้ยิน Mike Shinoda หันมาร้องเมโลดี้แรกๆ อยู่เหมือนกัน แต่ที่ชอบมากๆ อีกจุดคือท่อน bridge ที่มีความเป็นเหมือนไลน์ดีดคอร์ดพี่ๆ ส่วนตัวหลงใหลไลน์กีต้าร์มู้ดนี้มาก เลยทำให้ชอบเป็นพิเศษ จบท้ายด้วยไลน์โซโล่สั้นๆ ตัดเลี่ยน ซึ่งสวยมาก

10. Long Live The King
เพลงสำเร็จ Nu Metal สายซิ่งเลย (ส่วนตัวเรา categorize Nu Metal เป็น 2 สายหลัก สายแรกคือสายซิ่งอย่าง LP หรือ LB ส่วนสายหลอนก็แนวๆ Slipknot หรือ Korn) เร่งจังหวะขึ้นมาหนักกว่า Deep End แต่ก็ยังให้ความรู้สึกว่าสนุกๆ แบบพอโยกตามอยู่ เป็นอีกเพลงที่เท่มาก

11. Choke 
เหมือนที่เคยบอกไปตอน Deep End ว่าเราชอบไลน์กีต้าร์แนวดีดๆ เด้งๆ ซึ่ง 8 วินาทีแรกของเพลงนี้คือไลน์สูตรนั้นเป๊ะ เพลงนี้เลยทำให้เรากรี๊ดออกมาเป็นพิเศษ แถมก็ยังพาไปสำรอกกันแบบไม่พัก แอบทำให้นึกถึง Gasoline เพลงพุ่งๆ จากชุดที่แล้ว breakdown ก็ยังคงความดีงามเอาไว้แบบเพลงก่อนๆ หน้านี้ เป็นอีกเพลงที่ได้ใจในทุกมิลลิวินาทีของเพลงเลย

12. The Negative 
เปิดมามีเพลงนี้เพลงเดียวที่เหมือนพาย้อนให้นึกถึงมู้ดแบบชุดแรก ก็คือชุด Lifelines นั่นเอง แต่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนชุด TRAUMA มาผสมๆ กันไป ซึ่งท่อน verse 2 ของเพลงนี้คือทีสุดของความระเบิดอารมณ์ โดยที่ท่อน bridge เองก็ได้ซีนไปไม่แพ้กัน

13. Closure
อีกเพลงที่เปิดมาคิดว่าคงได้ฟังเพลงช้าแน่ๆ แต่ที่จริงก็ไม่เชิงเพลงช้าขนาดนั้น ยังมีความสายหัวไม่ทิ้งห่างในช่วงกลางไปจนท้ายเพลง และก็เป็นอีกเพลงที่ได้ยินเอริคหันมาร้องเมโลดี้คู่กับไบรอัน แต่เพลงนี้แกไม่ทิ้งการสครีมที่เป็นท่าไม้ตายของแกไปด้วยนะเออ

14. Visceral
ภาพแรกที่ลอยเข้ามาในหัวครั้งแรกที่ฟังเพลงนี้ จะเป็นภาพโทนสีน้ำตาลๆ หน่อย เป็นรูปผู้ชายคนนึงนั่งยองๆ ใส่หน้ากากกันแก๊สแล้วถือหลอดสเปร์พ่นสี (เชื่อว่าสายเมทัลส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสายนูเมทัล คงเข้าใจว่าผมกำลังหมายถึงอะไร 555) แต่ก็นึกถึงรูปนี้แค่ช่วงแรกเท่านั้น เพราะต่อจากนั้นก็เป็นเหมือนเพลงเร็วตามสูตรของ I Prevail เลย โดยเฉพาะ verse ท่อนสองและท่อน breakdown คือสุดตีน

15. Doomed
เพลงช้า(ที่เรียกได้เต็มปากว่าเพลงช้า)เพลงแรกและเพียงหนึ่งเดียวในอัลบั้มนี้ มีการมิกซ์เสียงที่ทำให้ยังรู้สึกได้ว่าเป็น soft rock หรือเป็นเพลงช้าที่มาจากวงเมทัล เพราะถ้าตัดจุดนี้ออกไป ส่วนตัวมองว่าจะทำให้เป็น lo-fi ก็สามารถทำได้สบายๆ เพราะเป็นเพลงที่เดินเปียโนไปเรื่อยๆ จนจบเลย แต่ฟังแล้วแอบให้ความรู้สึกหม่นและโหวงๆ เพลงนี้ไบรอันและเอริคร้องเมโลดี้คู่กันแบบนุ่มนวล ได้เห็นกันชัดๆ เลยว่าเอริคเสียงหวานมากกกก โทนรวมแอบให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงแต่ก็ต่างออกไปกับเพลง I Don't Belong Here จากชุดที่แล้ว

จะบอกว่า TRUE POWER คือการต่อยอดภาคดนตรีของ TRAUMA ก็ไม่น่าจะผิดนัก และก็ต้องบอกว่าเป็น TRUE POWER สมชื่อจริงๆ ให้ความรู้สึกว่าตั้งใจกระหน่ำซัดไม่ยั้งตั้งแต่เพลงแรกจนเพลงสุดท้าย ที่สำคัญคือภาคดนตรีจาก TRAUMA ในหลายๆ จุดที่เรารู้สึกว่ามันยังไม่สุด พอมาเป็นชุดนี้แล้วมันสุดลิ่มทิ่มประตูของจริงเลย เอาจริงแอบคิดด้วยซ้ำว่าชุดต่อไปจะเหลือพลังกันไปซัดกันต่อแบบนี้อีกมั้ย 555 ได้เห็นความพัฒนาในทุกๆ จุด ตั้งแต่นักร้องคู่ที่ก็ดูจะไปในแนวทางตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมขึ้นทั้งคู่ มือกีต้าร์ที่ชุดนี้ได้ปล่อยลวดลายกันเต็มสูบมากขึ้น มือกลองที่ได้ยินมาว่าไม่เคยตีแนวเมทัลมาก่อนเลยจนถึงตอนที่เข้าวงมาในชุด TRAUMA พอเข้ามาเป็นชุดนี้ พูดได้เลยว่าไลน์กลองกลายเป็นอีกพระเอกของแต่ละเพลงเลย ถือว่าน่าชื่นชมในความพัฒนานี้จริงๆ รวมถึงไลน์เบสที่มีลูกเล่นน่าสนใจเพิ่มขึ้นมากกว่าชุดก่อน ชุดนี้มันคืองานปล่อยของดีๆ ชุดนึงนี่เอง

เพลงที่เราชอบที่สุดของ I Prevail (จนตอนนี้ก็ยังคงเป็น 2 เพลงนี้อยู่) ก็คือ Bow Down กับ Let Me Be Sad จากชุด TRAUMA ระหว่างฟังก็เคยคิดว่า ถ้ามันจะมีอัลบั้มที่ I Prevail ใส่ความเท่และหนักหน่วงแบบ Bow Down มาทั้งอัลบั้ม และมีเพลงบัลลาดหนักๆ แบบ Let Me Be Sad สักเพลงจะเป็นยังไง สิ่งที่เราได้คือฟีลลิ่งแบบ Bow Down ผสมกับ Gasoline อีกเพลงที่เราชอบมากๆ ได้แบบนี้มาเกือบทั้งอัลบั้มจริง แต่ที่ขาดไปคือเพลงแบบ Let Me Be Sad ที่ใกล้เคียงสุดก็คงเป็น Deep End แต่ก็ยังไม่เชิง ทำให้ส่วนตัวยังรู้สึกขาดอะไรไปนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วเป็นอัลบั้มที่ฟังครั้งแรกตื่นเต้นและตบเข่าฉาดแทบจะทุกเพลง (อัลบั้มที่เรามี first impression ที่ดีและตื่นเต้นในทุกเพลงแบบนี้ ที่ผ่านมาที่นึกออกก็จะมีแค่ Matriphagy จาก Tallah แค่ชุดเดียวเท่านั้น และ TRUE POWER ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับตอนฟัง Matriphagy ครั้งแรกมากที่สุด) 

โดยรวมแล้ว ชอบทุกเพลง แนะนำนุกเพลง และให้คะแนน 9.5/10 สำหรับชุดนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่