JJNY : 5in1 คนไทยแบกหนี้หลังแอ่น│ส.อ.ท.หั่นเป้าผลิตรถปีนี้│ทหารแฉเองไฟใต้ไม่จบ│‘เต้น’แนะ‘ตู่’ทบทวนตัวเอง│ชญาภาห่วงเอเปค

คนไทยอ่วม แบกหนี้หลังแอ่นเฉลี่ย 5 แสนบาท/ครัวเรือน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/307597
  

  
คนไทยแบกหนี้หลังแอ่น เฉลี่ย 5 แสนบาทต่อครัวเรือน หอการค้าไทย คาด หนี้ครัวเรือนปีนี้ พุ่ง 89% ต่อจีดีพี สูงสุดเป็นประวัติการณ์
 
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยในปีนี้ พบว่า คนไทยเกือบ 100% มีหนี้ครัวเรือน และมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ โดย 1 ครัวเรือน จะมีหนี้อยู่ 501,711 บาท ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการสำรวจภาวะหนี้ครัวเรือนไทย ตั้งแต่ปี 2550 แต่ละเดือนมีภาระที่ต้องผ่อนชำระถึง 12,800 บาท ที่น่ากังวล คือ มีมากถึง 65.9% ที่เคยผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสาเหตุที่คนไทยเป็นหนี้มากขึ้น เป็นผลจากค่าครองชีพสูง ทั้ง สินค้าแพง น้ำมัน แพง และเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ทำให้มีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย
 
โดยหอการค้าไทย คาดว่า หนี้ครัวเรือนไทย ณ สิ้นปี 65 จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 89.3% ต่อจีดีพี หรือ คิดเป็นมูลค่าหนี้ครัวเรือน 14.97 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
 
แต่อย่างไรก็ดี แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี จะอยู่ในระดับสูง แต่ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่อยู่ในระบบ ซึ่งยังไม่ได้เป็นการกู้จนน่ากังวล และไม่ใช่การก่อหนี้จากการฟุ่มเฟือย แต่เป็นหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากภาวะค่าครองชีพสูง และอีกส่วนหนึ่งคือรายได้เพิ่มไม่ทันกับรายจ่าย ซึ่งการที่หนี้ครัวเรือนไทยจะกลับมาอยู่ในระดับ 80% ต่อจีดีพี อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำให้เศรษฐกิจไทยในแต่ละปี เติบโตสูงในระดับ 6% นั่นหมายถึง ภาครัฐจะต้องกระตุ้นการลงทุนภาครัฐ ผ่านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้คนมีรายได้เพิ่ม จะเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
 


ส.อ.ท. หั่นเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้ เหลือ 1.75 ล้านคัน  เหตุขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ จากปัญหาสงคราม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7231568
 
ส.อ.ท.หั่นเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้ เหลือ 1.75 ล้านคัน เหตุขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ จากปัญหาสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ
 
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าส.อ.ท.ปรับประมาณการการผลิตรถยนต์ปี 2565 ลดลง 50,000 คัน จาก 1,800,000 คัน เหลือ 1,750,000 คัน โดยเป็นการปรับเป้าการผลิตเพื่อส่งออกลง 100,000 คัน จาก 1,000,000 คัน เหลือ 900,000 คัน แต่ปรับเป้าการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 50,000 คัน จาก 800,000 คันเป็น 850,000 คัน
 
โดยปัจจัยของการปรับยอดผลิตเพื่อส่งออกลดลง เนื่องจากสงครามยูเครน-รัสเซียที่เกิดขี้นปลายเดือนก.พ.2565 คงยืดเยื้อนาน ทำให้การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วขาดแคลนมากขึ้น เพราะทั้งสองประเทศส่งออกรายใหญ่ก๊าซนีออนที่เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้การส่งออกรถยนต์ไปทั้งสองประเทศลดลงกว่าสองหมื่นคัน
 
นอกจากนี้ การล็อกดาวน์เซี่ยงไฮในเดือน เม.ย.-พ.ค.2565 ทำให้ขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นเพราะโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศเมียนมาประกาศห้ามนำเข้ารถยนต์เมื่อปลายเดือนก.ค.2565 ทำให้ส่งออกรถยนต์ลดลงกว่า 2,000 คัน ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ไต้หวัน ตะวันออกกลาง เป็นต้น อัตราเงินเฟ้อที่สูงมากและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของประเทศชั้นนำของโลกอาจทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
 
ขณะที่ ปัจจัยของการปรับยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น เป็นผลจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากต่างประเทศสะดวกขึ้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเดินทางเข้าประเทศหลายล้านคน การส่งออกยังคงเติบโตจากปีที่แล้วที่มูลค่าส่งออกทำสถิติสูงสุด ทำให้ประชาชนมีงานทำมีรายได้เพิ่มขึ้น รัฐบาลประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิด รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วยการเพิ่มค่าใช้จ่ายการประชุม การจัดสัมมนา เป็นต้น การผ่อนคลายการล็อกดาวน์เรื่องโควิด-19 ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ประชาชนมีรายได้มากขึ้น รวมทั้งมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่
 
นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับยอดผลิตรถยนต์เดือนก.ค.2565 มีทั้งสิ้น 142,958 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.07% จากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 71,571 คัน เพิ่มขึ้น 34.47% คิดเป็นสัดส่วนการผลิต 50.06% สูงกว่าการผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 71,387 คัน เพิ่มขึ้น 2.07% มีสัดส่วนการผลิต 49.94% ของยอดการผลิตทั้งหมด โดยภาพรวมการผลิตรถยนต์ 7 เดือน(ม.ค.-ก.ค.2565) ผลิตได้ทั้งสิ้น 1,013,069 คัน เพิ่มขึ้น 4.68% เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 499,104 คัน และเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 513,965 คัน



ทหารแฉเองไฟใต้ไม่จบ อ้าง ‘กำลังพลผี 30%’ เอาไว้ปั๊มเงินให้ ‘บิ๊กทหาร’
https://www.dailynews.co.th/news/1399322/
 
กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ลุกเป็นไฟ! หลังสั่งสอบข้อเท็จจริงหลัง "ส.ต.ท.หญิง" แฉหมดเปลือกใครเส้นให้เข้าทำงานเป็นทหาร ด้านแหล่งข่าวทหาร 3 จว.ชายแดนใต้ แฉเอง "กำลังพลผี" มีไว้ปั๊มเงินเดือนเอาไปให้ "ผู้บังคับบัญชาระดับสูง" ทำปัญหาไฟใต้ไม่จบสิ้น.

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. มีรายงานข่าวจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งว่า หลังจากที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. มีคำสั่งให้ หน่วยที่เกี่ยวข้อง  สอบสวนเส้นทางความเป็นมาของการเข้ารับราชการทหารของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม และ อดีตทหารหญิง (ผู้ทำงานรับใช้) รวมทั้งการไม่ได้ไปปฏิบัติหน้าที่แต่มีการรับสิทธิกำลังพลของกองทัพ โดยเฉพาะในรายของ อดีตทหารหญิงที่มียศ ส.ท. ซึ่งมีการเลื่อนขึ้นจาก ส.ต. มาป็น ส.ท. อีกต่างหาก
 
ขณะที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นหน่วยที่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ มาช่วยราชการในส่วนของ “กองข่าว” ในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่การข่าวนั้น กลับไม่ได้ลงมาปฏิบัติงานในพื้นที่จริงตลอดระยะเวลา 3 ปี จนกลายเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนวงการข้าราชการ เพราะมี “กำลังพลผี” ซึ่งไม่มีตัวตนมาทำงาน โดยเฉพาะการข่าวที่เป็นหัวใจของการสู้รบ สร้างความเสียหายให้กับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเป็นอย่างมาก
 
ทั้งนี้มีแหล่งข่าวเป็นนายทหารระดับสูง ได้เปิดเผยว่า หลังเกิดเรื่องขึ้นมาซึ่งเป็นช่วงพิจารณาโยกย้ายตำแหน่งประจำปีพอดี จากนี้คงจะมีการย้ายล้างบางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการประชุมสภากลาโหม วันนี้ (25 ส.ค.) มีการนำเรื่องที่เกิดขึ้นใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มาประกอบในการพิจารณาโยกย้ายประจำปีด้วย
 
ขณะเดียวกันมีแหล่งข่าว เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ส่งข้อความให้กับผู้สื่อข่าวเป็นจำนวนมาก บอกเล่าถึงข้อมูลถึงเรื่อง “กำลังพลผี” ที่มีอยู่ในเกือบทุกหน่วยงาน ทั้งแต่ระดับ กองร้อย ที่มีกำลังจริงเพียง 70% ส่วนอีก 30% เป็นกำลังพลผี ที่มามีตัว และโดยกำลังพลที่ไม่มีตัว รับเฉพาะเงินเดือน ส่วนเงิน เพิ่ม ที่เป็น “พสร.” รวมทุกรายการเดือนละหมื่นกว่าบาท ทุกสิ้นเดือนมีการเบิก เพื่อเข้าบัญชีของ “ผู้บังคับบัญชาระดับสูง
ด้าน นายทหาร ระดับ ผบ.ร้อยรายหนึ่ง ได้กล่าวว่า ต้องการให้มีการนำเรื่องการทุจริตที่เกิดขึ้นใน กอ.รมน.ภาค 4 มาตีแผ่ เพื่อให้ส่วนกลางได้รับรู้ถึงความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้น และเป็นปัญหาของการดับ “ไฟใต้” ที่ไม่ได้ผลเพราะเอาเข้าจริง กำลังที่มีอยู่ในพื้นที่ถ้าหักทั้งที่ลาพัก และที่เป็น “กำลังพลผี” แล้ว มีเพียง 50% ของจำนวนเต็มเท่านั้น
 
ในขณะเดียวกันปรากฏว่า เพจของ ขบวนการ “บีอาร์เอ็น” ที่เป็นปีกทางการเมืองที่ทำหน้าที่ “ไอโอ” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีการนำเรื่องของ “ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์” ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเป็น “กำลังพลผี” มาใช้ในการทำ “ไอโอ” เพื่อสร้างความเสียหายให้กับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นจำนวนมากกว่า 20 เพจ.
 

 
'เต้น' แนะ 'ตู่' ว่างๆ ทบทวนตัวเอง ยอมรับความจริง แล้วยุติบทบาทดีกว่า ไม่ต้องรอสั่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3527180
 
‘เต้น’ แนะ ‘ตู่’ ว่างๆ ทบทวนตัวเอง ยอมรับความจริง แล้วยุติบทบาทดีกว่า ไม่ต้องรอสั่ง
 
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างถูกสั่งพักปฏิบัติหน้าที่ ให้ทบทวนตัวเอง ควรพอได้แล้ว ยอมรับความจริงแล้วยุติบทบาทจะดีกว่า ประเทศไทยไปต่อได้โดยไม่ต้องมีท่าน มีรายละเอียดดังนี้
 
“8 ปีที่แล้ว ก่อนการยึดอำนาจ ผมแถลงข่าวเปิดรายชื่อว่าที่ ‘นายกฯเถื่อน’ จากการชุมนุม กปปส. หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งผมระบุว่าถ้าลงมือรัฐประหารจะเป็นนายกฯเอง เป็น ‘นายกฯเถื่อน’ ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ถือว่าเถื่อนครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งในทางกฎหมายและการเมือง”
 
“ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้วาระที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ ทบทวนตัวเองและยอมรับความจริง ว่าประเทศไทยไปต่อได้โดยไม่ต้องมีท่านเป็นนายกฯ และจะเป็นการดีต่อประเทศที่จะไม่ต้องรอคำวินิจฉัย ไม่ต้องส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แต่ตัดสินใจยุติบทบาทของตัวเองลงตรงนี้”
 
“ประชาชนฝืดเคือง สินค้าขึ้นราคา ยาเสพติดเต็มเมือง ทำงานไม่ได้เรื่อง จะอยู่ไปทำไม พอแล้ว ออกไปนายกฯเถื่อน” ณัฐวุฒิกล่าวทิ้งท้าย

https://www.facebook.com/Nattawut.UDD/posts/pfbid0mCbr82VwbQCCs1S1uRo2DbLzxX74Mk3JbWdftBnCAnXFiAayoNdhjsvNEKZYWc8Ml
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่