เรากับแฟนเรียนอยู่วิทยาลัยเดียวกัน คบกันตั้งแต่สมัยเรียนได้2ปี เรียบจบออกมาก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยที่ทางบ้านของเราไม่รู้ ต่างคนต่างมีงานทำ ทำงานหาเงินช่วยกัน จนกระทั่งตัดสินใจออกรถยนต์ แต่เนื่องจากงานของเรายังไม่มั่นคงเท่าของแฟน ทางไฟแนนซ์เลยแนะนำให้ออกรถยนต์โดยใช้ชื่อของแฟนเราค่ะ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ ค่ารถยนต์ ค่ารถมอไซ ค่าเช่าห้อง จะเป็นส่วนของเงินเดือนแฟนเรา ส่วนค่าอาหาร ค่ากินอยู่จะเป็นส่วนของเงินเดือนเรา2ปากท้องกับเงินเดือนหมื่นต้นๆก็คือเดือนชนเดือน คบกับแฟนคนนี้จากที่เราชอบเที่ยว ชอบสังสรร สังคมเราก็แคบลงๆ เพราะเขาไม่ชอบเที่ยว และบังคับไม่ให้เราเที่ยว เราเคยไปเที่ยวอยู่ครั้งนึงทะเลาะกันใหญ่โต เขาทุบข้าวของ พังห้องจนเกือบโดนเจ้าของหอไล่ออก เป็นแบบนี้มา2ปีค่ะ คบกันตอนเรียน2ปี อยู่ด้วยกันหลังเรียนจบอีก2ปี รวมเป็นคนกันได้4ปี จนกระทั่งแม่ของเราเริ่มระแคะระคาย เลยให้เรียกให้เรากลับมาหางานทำอยู่แถวบ้าน เราเลยบอกแฟนเราว่า เราจะกลับไปอยู่กับแม่ที่บ้านค่ะ แต่จู่ๆ แฟนเราเขาก็ไปบอกให้แม่ของเขามาขอเราแต่งงาน และแม่ของเขาก็ไปบอกแม่เราว่า "เรากับแฟนอยู่ด้วยกันนานแล้ว" เหมือนคล้ายๆบอกเป็นนัยว่า อย่าเรียกค่าสินสอดแพงเลยนะ! แต่เราบอกแม่เราว่าเรายังไม่พร้อมค่ะ และบอกกับแฟนของเราด้วย แต่สุดท้ายก็เข้าอีหลอบเดิม "อ๋อ.. ที่แท้ก็ไม่ได้รักกูถึงไม่อยากแต่งกับกู?" คือพูดแกมบังคับแล้วก็ฟึดฟัดใส่เรา อีกทั้งแม่ของเราหัวโบราณ เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วก็อยากให้แต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี สุดท้ายเราก็ตกลงแต่งค่ะ!
หลังจากแต่งงานกันได้ 2 ปี เราก็ท้องเรากับแฟนจึงได้ไปจดทะเบียนสมรสกันค่ะ ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นสำหรับการดูแลเตรียมของ และไปหาหมอในแต่ละเดือนตกเดือนละ 1-2พันบาท เราโอเคเราไหวค่ะ พอท้องได้8เดือนก็ลาออกจากงานกลับมาอยู่กับแม่เพื่อรอคลอด จนถึงวันที่เราคลอด คำแรกที่เราได้ยินออกจากปากของแม่สามีคือ "เอ้า ทำใมเด็กหน้าไม่เห็นเหมือนเลย" (เขาพูดกับลูกชายของเขา) เราอึ้งไปแปปนึง นี่หมายถึง เราไปมีชู้หรือเปล่า เราก็ปล่อยผ่านไม่ได้อยากใส่ใจอะไร ถึงจะพูดไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่ก็เถอะ เราตั้ฃใจลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเองเพราะ แม่ของเราเขาก็มีงานทำไม่ว่างมาเลี้ยงหลานให้ จะให้ไปอยู่กับย่า บอกตรงๆเลยนะคะ เราไม่สะดวกใจที่จะให้ลูกเราไปอยู่กับเขาเพราะเราคิดว่าค่าใช้จ่าย เดือนๆนึง สำหรับเด็กมันเยอะมากแน่ๆ ไหนจะค่าเหนื่อย ค่ากินอยู่ เราคงจ่ายไม่ไหว เพราะลำพังแค่ค่ารถค่าห้องก็หมื่นกว่าแล้ว เราเลี้ยงลูกของเราเองตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล ส่วนแฟนก็กลับไปทำงานตามปกติของเขา
จากคนที่เคยมีเงินเดือน มีรายได้ เรารู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นศูนย์ เพราะเราไม่มีรายได้เลยสักบาทเดียว ทำหน้าที่แม่ 24 ชั่วโมงไม่ได้พัก
ส่วนแฟนเราก็โอนเงินเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกเดือนละ 2-3พันบาท บางเดือนช่วงกลางเดือนก็ขอให้โอนเงินคืนให้บ้างเพราะเขาไม่พอใช้ หรือบางเดือนก็ไม่ได้โอนเงินให้ลูกเลย อย่าพูดถึงส่งนที่สามีต้องเลี้ยงดูภรรยาอย่างที่ควรจะเป็นเลยค่ะ ค่าใช้จ่ายของลูกคนเดียวยังแทบจะไม่พอ สรุปง่ายๆคือ เราทั้งเลี้ยงลูกและทั้งต้องหาเงิน ทั้งๆที่ไม่ได้มีงานทำ โชคดีที่แม่และพี่สาวเรายังพอช่วยซัพพอร์ตได้บ้างเล็กๆน้อยๆ เราเหนื่อยและเราเบื่อมาก ความรักมันจืดจางลงทุกวัน เราเลยขอหย่าและยังให้เขาเป็นพ่อของลูกและมาหาลูกได้ตามต้องการ แต่เขาไม่ยอมค่ะแถมจากที่ทำงานอยู่เขาก็บึ่งรถออกมาดื้อๆ ระยะทางจากบ้านเราและที่ทำงานของเขาประมาณ100กว่าโล พอเราขอหย่าบ่อยเข้าเขาก็บอกว่าจะลาออกจากงาน จะได้มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น เราหมดรักค่ะ เราไม่ได้อยากมีเขาในชีวิตอีกต่อไปแล้วทำใมเขาถึงไม่เข้าใจ (เราไม่ได้มีคนอื่นนะคะ) แต่เราแค่รู้สึกว่าเราไม่ได้รับการดูแลในฐานะภรรยา เครื่องสำอางสักชิ้น เสื้อผ้าสักตัวเขาไม่เคยซื้อไม่เคยดูแลในส่วนนี้ (เราไม่ได้เรียกร้อง ไม่ได้ขอนะคะ) แต่เราคิดว่าถ้าหากเขาไม่สามารถดูแลเราให้มีความเป็นอยู่ที่ดีได้ ทำใมเขาถึงไม่ยอมปล่อยให้เราไปมีอิสระ หรือไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าเขา
จนตอนนี้ลูกของเรา จะ 2 ขวบแล้วค่ะ อีกไม่นานก็ต้องเข้าโรงเรียน พอเราถามว่าจะเอายังใงต่อไปเรื่องโรงเรียนของลูก เขาก็ไม่ได้มีคำตอบอะไรให้เราเลยค่ะ สรุปแล้วน่าจะไม่พ้นเราต้องขอรบกวนแม่เราอีกตามเคย
เราออกมาตั้งกระทู้นี้เพราะ เราไม่มีใครรับฟังเลยค่ะ เล่าให้เพื่อนฟังเขาก็หาว่าเราเป็นซึมเศร้าหลังคลอด
เราปรึกษาแม่ว่าเราอยากเลิกกับสามีแต่ก็ได้แค่รับฟังแล้วบอกเราว่าสามีเรามีค่าใช้จ่ายเยอะ ยิ่งทำให้เราคิดไปว่าแล้วเรากับลูกไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นหรอ เราอยากหนีไปที่ไกลๆไม่ให้เขาตามเจอก็ห่วงลูก กลัวจะไม่มีคนดูแล เราไม่รู้ต้องทำยังใงดีค่ะ
แม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ไม่ใช่แม่เลี้ยงเดี่ยว
หลังจากแต่งงานกันได้ 2 ปี เราก็ท้องเรากับแฟนจึงได้ไปจดทะเบียนสมรสกันค่ะ ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นสำหรับการดูแลเตรียมของ และไปหาหมอในแต่ละเดือนตกเดือนละ 1-2พันบาท เราโอเคเราไหวค่ะ พอท้องได้8เดือนก็ลาออกจากงานกลับมาอยู่กับแม่เพื่อรอคลอด จนถึงวันที่เราคลอด คำแรกที่เราได้ยินออกจากปากของแม่สามีคือ "เอ้า ทำใมเด็กหน้าไม่เห็นเหมือนเลย" (เขาพูดกับลูกชายของเขา) เราอึ้งไปแปปนึง นี่หมายถึง เราไปมีชู้หรือเปล่า เราก็ปล่อยผ่านไม่ได้อยากใส่ใจอะไร ถึงจะพูดไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่ก็เถอะ เราตั้ฃใจลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเองเพราะ แม่ของเราเขาก็มีงานทำไม่ว่างมาเลี้ยงหลานให้ จะให้ไปอยู่กับย่า บอกตรงๆเลยนะคะ เราไม่สะดวกใจที่จะให้ลูกเราไปอยู่กับเขาเพราะเราคิดว่าค่าใช้จ่าย เดือนๆนึง สำหรับเด็กมันเยอะมากแน่ๆ ไหนจะค่าเหนื่อย ค่ากินอยู่ เราคงจ่ายไม่ไหว เพราะลำพังแค่ค่ารถค่าห้องก็หมื่นกว่าแล้ว เราเลี้ยงลูกของเราเองตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล ส่วนแฟนก็กลับไปทำงานตามปกติของเขา
จากคนที่เคยมีเงินเดือน มีรายได้ เรารู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นศูนย์ เพราะเราไม่มีรายได้เลยสักบาทเดียว ทำหน้าที่แม่ 24 ชั่วโมงไม่ได้พัก
ส่วนแฟนเราก็โอนเงินเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกเดือนละ 2-3พันบาท บางเดือนช่วงกลางเดือนก็ขอให้โอนเงินคืนให้บ้างเพราะเขาไม่พอใช้ หรือบางเดือนก็ไม่ได้โอนเงินให้ลูกเลย อย่าพูดถึงส่งนที่สามีต้องเลี้ยงดูภรรยาอย่างที่ควรจะเป็นเลยค่ะ ค่าใช้จ่ายของลูกคนเดียวยังแทบจะไม่พอ สรุปง่ายๆคือ เราทั้งเลี้ยงลูกและทั้งต้องหาเงิน ทั้งๆที่ไม่ได้มีงานทำ โชคดีที่แม่และพี่สาวเรายังพอช่วยซัพพอร์ตได้บ้างเล็กๆน้อยๆ เราเหนื่อยและเราเบื่อมาก ความรักมันจืดจางลงทุกวัน เราเลยขอหย่าและยังให้เขาเป็นพ่อของลูกและมาหาลูกได้ตามต้องการ แต่เขาไม่ยอมค่ะแถมจากที่ทำงานอยู่เขาก็บึ่งรถออกมาดื้อๆ ระยะทางจากบ้านเราและที่ทำงานของเขาประมาณ100กว่าโล พอเราขอหย่าบ่อยเข้าเขาก็บอกว่าจะลาออกจากงาน จะได้มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น เราหมดรักค่ะ เราไม่ได้อยากมีเขาในชีวิตอีกต่อไปแล้วทำใมเขาถึงไม่เข้าใจ (เราไม่ได้มีคนอื่นนะคะ) แต่เราแค่รู้สึกว่าเราไม่ได้รับการดูแลในฐานะภรรยา เครื่องสำอางสักชิ้น เสื้อผ้าสักตัวเขาไม่เคยซื้อไม่เคยดูแลในส่วนนี้ (เราไม่ได้เรียกร้อง ไม่ได้ขอนะคะ) แต่เราคิดว่าถ้าหากเขาไม่สามารถดูแลเราให้มีความเป็นอยู่ที่ดีได้ ทำใมเขาถึงไม่ยอมปล่อยให้เราไปมีอิสระ หรือไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าเขา
จนตอนนี้ลูกของเรา จะ 2 ขวบแล้วค่ะ อีกไม่นานก็ต้องเข้าโรงเรียน พอเราถามว่าจะเอายังใงต่อไปเรื่องโรงเรียนของลูก เขาก็ไม่ได้มีคำตอบอะไรให้เราเลยค่ะ สรุปแล้วน่าจะไม่พ้นเราต้องขอรบกวนแม่เราอีกตามเคย
เราออกมาตั้งกระทู้นี้เพราะ เราไม่มีใครรับฟังเลยค่ะ เล่าให้เพื่อนฟังเขาก็หาว่าเราเป็นซึมเศร้าหลังคลอด
เราปรึกษาแม่ว่าเราอยากเลิกกับสามีแต่ก็ได้แค่รับฟังแล้วบอกเราว่าสามีเรามีค่าใช้จ่ายเยอะ ยิ่งทำให้เราคิดไปว่าแล้วเรากับลูกไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นหรอ เราอยากหนีไปที่ไกลๆไม่ให้เขาตามเจอก็ห่วงลูก กลัวจะไม่มีคนดูแล เราไม่รู้ต้องทำยังใงดีค่ะ