ราษฎรเชียงราย เผาหุ่นไล่ประยุทธ์ลาออก ซัด ถวายสัตย์ไม่ครบ ยังอยู่เกิน 8 ปีอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3525850
กลุ่มราษฎรเชียงราย ไล่ประยุทธ์ออกนายกฯ หลังศาล รธน. ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 สิงหาคม ที่ลานตรงกันข้ามกำแพงเมืองเชียงราย ห้าแยกพ่อขุน อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มีมวลชนกลุ่มราษฎรเชียงราย ได้จัดการชุมนุมขับไล่ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หลังถูกร้องเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยนายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ ได้ชักชวนให้มวลชนนำรถยนต์และจักรยานยนต์ไปร่วมด้วยในลักษณะคาร์ม็อบ และเมื่อถึงเวลา 18.00 น. นาย
สราวุทธิ์ได้นำอ่านแถลงการณ์มีเนื้อหาว่าจากกรณีที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ได้ระบุไว้ว่า ห้ามผู้ใดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีติดต่อกันเกิน 8 ปี และวันนี้ พล.อ.ป
ระยุทธ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลประชาธิปไตยจนถึงวันที่ 24 ส.ค.นี้ถือว่าครบกำหนด 8 ปีแล้ว
นาย
สราวุทธิ์กล่าวว่า พวกเราขอเรียกร้องให้ พล.อ.ป
ระยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีได้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันทีด้วยแม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้เฉพาะ พล.อ.
ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้วจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยตัดสินก็ตาม แต่พวกเรากลุ่มราษฎรเชียงราย ทั้ง 18 อำเภอ เห็นว่าควรหยุดจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปด้วยโดยทันทีตามที่รัฐธรรมนูญได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนและไม่ได้มีความซับซ้อนใดๆ เลยแต่อย่างใด รวมทั้งเห็นว่า พล.อ.
ประยุทธ์ ทำผิดรัฐธรรมนูญถึง 2 ครั้งโดยครั้งแรกคือถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ไม่ครบถ้วน และละเมิดรัฐธรรมนูญเรื่องการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีแล้วดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังอ่านแถลงการณ์กลุ่มมวลชนได้พากันเดินทางด้วยรถยนต์และจักรยานยนต์ไปยัง สภ.เมืองเชียงราย เพื่อยื่นหนังสือขอให้ตำรวจหยุดรับคำสั่งจาก พล.อ.
ประยุทธ์ และเรียกร้องให้องค์กรตำรวจเลิกรับใช้หรือฟังคำสั่งจากรัฐบาลโดยเฉพาะคำสั่งที่ให้ปราบปรามประชาชนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะรัฐมนตรีหมดหน้าที่ไปตามนายกรัฐมนตรี จากนั้นได้พากันเดินทางกลับไปยังบริเวณกำแพงเมืองเพื่อเผาภาพของ พล.อ.
ประยุทธ์ โดยบางคนใช้เท้าถีบด้วยก่อนที่จะสลายตัว
“ธีระชัย” ห่วงปัญหาการเมืองทำเศรษฐกิจเสี่ยง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_397418/
“ธีระชัย” อดีตรัฐมนตรีฯคลัง ห่วงปัญหาการเมืองทำเศรษฐกิจไทยเสี่ยงเพิ่ม มองนายกฯทำงานเกิน 8 ปี
นาย
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงวาระการทำงานของนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ผ่านมาการที่มีหลักการของรัฐธรรมนูญในการกำหนดวาระการทำงานดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 8 ปี มีการกำหนดมานานแล้วตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2550 และนำมาใช้ต่อในรัฐธรรมนูญปี60
ถือเป็นธรรมเนียมที่มีมานาน ซึ่งหากสอบถามไปยัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าทำงานมากี่ปีท่านคงตอบได้ว่าเกิน 8 ปี แต่หากดูแนวโน้มในปัจจุบันพลเอกประยุทธ์ จะยังคงต้องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ก็อาจจะเป็นประเด็นความขัดแย้งที่น่าเป็นห่วงว่าจะเพิ่มปัจจัยความขัดแย้งทางการเมือง ที่อาจมีสถานการณ์บานปลาย และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่มีความเปราะบางอยู่แล้ว
เนื่องจากปัจจุบันมีทั้งปัญหารัสเซีย-ยูเครนและสหรัฐ-จีน ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันจากภายนอก และหากมีปัญหาทางการเมืองในประเทศเพิ่มเข้ามาจะเป็นการสร้างสถานการณ์เพิ่มเติมและทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางและความเสี่ยงมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามคงต้องจับตาใกล้ชิดในประเด็นดังกล่าว เพราะหากนายกรัฐมนตรีไม่ยอมถอย ก็คงต้องมาดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาเป็นอย่างไร รวมทั้งมุมมองของประชาชนจะรับได้หรือไม่ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่กำลังก่อตัวแล้วจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจหากเกิดขึ้น
พท. แซะ 'บิ๊กป้อม' เป็นภาระประชาชน บี้ 'บิ๊กตู่' มีสำนึกลาออกก่อนศาลวินิจฉัย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7230905
เพื่อไทย เย้ยสภาพ “บิ๊กป้อม” คือภาระประชาชน จี้ “ประยุทธ์” มีสำนึกรับผิดชอบ ลาออกก่อนศาลวินิจฉัย ลั่น ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ 3 ป.ต้องพอแค่นี้
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2565 น.ส.
ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องฝ่ายค้านปมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมมีมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย โดยมี พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาการนายกฯ แทน ว่า ประเทศไทยเหมือนตกอยู่ในสภาวะหนีเสือปะจระเข้ ไม่หลุดพ้นจากการครอบงำของกลุ่มอำนาจ 3 ป. ได้เลย
น.ส.
ชญาภา กล่าวต่อว่า การมี พล.อ.
ประวิตร รักษาการนายกฯ ไม่ต่างจากพาประเทศเดินถอยหลังเข้าคลองอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์และวิกฤตรอบด้านที่ท้าทาย ความเชื่อมั่นและความสามารถของผู้นำประเทศเป็นคุณสมบัติสำคัญ ที่จะนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตที่รุมเร้าไปได้ โดยเฉพาะการประชุมเอเปกที่จะมีขึ้นในเดือนพ.ย.
“พล.อ.ประวิตรไม่ได้อยู่ในสภาพหรือมีความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมได้ เกรงว่าอาจจะกลายเป็นภาระให้กับประชาชนและคนรอบข้างแทนหรือไม่ ทั้งสภาพร่างกายภายนอก และความรู้ความสามารถในการบริหารงานราชการแผ่นดิน เชื่อว่าคนไทยคงไม่ต้องการเห็นผู้นำของตัวเองอยู่ในสภาพที่ต้องมีคนประคอง หรือพยุงมารับแขกบ้านแขกเมืองบนเวทีระดับโลกแน่” น.ส.
ชญาภา กล่าว
น.ส.
ชญาภา กล่าวต่อว่า หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยได้ ตรงกันข้ามกลับยิ่งสร้างข้อกังขาและนำไปสู่คำถามตามมาอีกมากมายว่า สรุปแล้วประเทศไทยจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน การหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวของพล.อ.
ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ ไม่เพียงพอต่อข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนยืนยันจากผลสำรวจของเครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน 8 มหาวิทยาลัย ร่วมกับ 8 สื่อ ในเรื่อง 8 ปีเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ปรากฏว่า พล.อ.
ประยุทธ์ไม่ควรดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปี คิดเป็น 93.17%
น.ส.
ชญาภา กล่าวอีกว่า ดังนั้น หากมีสำนึกรับผิดชอบมากพอ ก็ไม่ควรอยู่รอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ หรือรอให้ใครมาบอก ควรใช้สามัญสำนึกและมีความเกรงกลัวที่จะกระทำผิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศบ้าง ควรตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ทันที เพื่อเปิดทางให้รัฐสภาได้เดินหน้าเลือกนายกฯ จากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ให้ประเทศได้มีผู้นำที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานตามวิถีทางประชาธิปไตย
“ประเทศชาติเสียเวลามามากพอแล้ว เราช้าและล้าหลังไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ 3 ป.ต้องพอแค่นี้ การมีพล.อ.ประวิตร รักษาการแทน ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมวิกฤตประเทศ ที่ไม่สามารถก้าวพ้นจากกับดักเผด็จการสืบทอดอำนาจไปได้แม้แต่น้อย” น.ส.
ชญาภา กล่าว
JJNY : ราษฎรเชียงราย เผาหุ่นไล่ประยุทธ์│“ธีระชัย”ห่วงการเมืองทำศก.เสี่ยง│พท.แซะ'ป้อม'ภาระปชช.│รัสเซียถล่มยูเครนคร่า22ศพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3525850
กลุ่มราษฎรเชียงราย ไล่ประยุทธ์ออกนายกฯ หลังศาล รธน. ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 สิงหาคม ที่ลานตรงกันข้ามกำแพงเมืองเชียงราย ห้าแยกพ่อขุน อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มีมวลชนกลุ่มราษฎรเชียงราย ได้จัดการชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หลังถูกร้องเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยนายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ ได้ชักชวนให้มวลชนนำรถยนต์และจักรยานยนต์ไปร่วมด้วยในลักษณะคาร์ม็อบ และเมื่อถึงเวลา 18.00 น. นายสราวุทธิ์ได้นำอ่านแถลงการณ์มีเนื้อหาว่าจากกรณีที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ได้ระบุไว้ว่า ห้ามผู้ใดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีติดต่อกันเกิน 8 ปี และวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลประชาธิปไตยจนถึงวันที่ 24 ส.ค.นี้ถือว่าครบกำหนด 8 ปีแล้ว
นายสราวุทธิ์กล่าวว่า พวกเราขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีได้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันทีด้วยแม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้เฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้วจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยตัดสินก็ตาม แต่พวกเรากลุ่มราษฎรเชียงราย ทั้ง 18 อำเภอ เห็นว่าควรหยุดจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปด้วยโดยทันทีตามที่รัฐธรรมนูญได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนและไม่ได้มีความซับซ้อนใดๆ เลยแต่อย่างใด รวมทั้งเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำผิดรัฐธรรมนูญถึง 2 ครั้งโดยครั้งแรกคือถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ไม่ครบถ้วน และละเมิดรัฐธรรมนูญเรื่องการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีแล้วดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังอ่านแถลงการณ์กลุ่มมวลชนได้พากันเดินทางด้วยรถยนต์และจักรยานยนต์ไปยัง สภ.เมืองเชียงราย เพื่อยื่นหนังสือขอให้ตำรวจหยุดรับคำสั่งจาก พล.อ.ประยุทธ์ และเรียกร้องให้องค์กรตำรวจเลิกรับใช้หรือฟังคำสั่งจากรัฐบาลโดยเฉพาะคำสั่งที่ให้ปราบปรามประชาชนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะรัฐมนตรีหมดหน้าที่ไปตามนายกรัฐมนตรี จากนั้นได้พากันเดินทางกลับไปยังบริเวณกำแพงเมืองเพื่อเผาภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยบางคนใช้เท้าถีบด้วยก่อนที่จะสลายตัว
“ธีระชัย” ห่วงปัญหาการเมืองทำเศรษฐกิจเสี่ยง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_397418/
“ธีระชัย” อดีตรัฐมนตรีฯคลัง ห่วงปัญหาการเมืองทำเศรษฐกิจไทยเสี่ยงเพิ่ม มองนายกฯทำงานเกิน 8 ปี
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงวาระการทำงานของนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ผ่านมาการที่มีหลักการของรัฐธรรมนูญในการกำหนดวาระการทำงานดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 8 ปี มีการกำหนดมานานแล้วตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2550 และนำมาใช้ต่อในรัฐธรรมนูญปี60
ถือเป็นธรรมเนียมที่มีมานาน ซึ่งหากสอบถามไปยัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าทำงานมากี่ปีท่านคงตอบได้ว่าเกิน 8 ปี แต่หากดูแนวโน้มในปัจจุบันพลเอกประยุทธ์ จะยังคงต้องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ก็อาจจะเป็นประเด็นความขัดแย้งที่น่าเป็นห่วงว่าจะเพิ่มปัจจัยความขัดแย้งทางการเมือง ที่อาจมีสถานการณ์บานปลาย และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่มีความเปราะบางอยู่แล้ว
เนื่องจากปัจจุบันมีทั้งปัญหารัสเซีย-ยูเครนและสหรัฐ-จีน ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันจากภายนอก และหากมีปัญหาทางการเมืองในประเทศเพิ่มเข้ามาจะเป็นการสร้างสถานการณ์เพิ่มเติมและทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางและความเสี่ยงมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามคงต้องจับตาใกล้ชิดในประเด็นดังกล่าว เพราะหากนายกรัฐมนตรีไม่ยอมถอย ก็คงต้องมาดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาเป็นอย่างไร รวมทั้งมุมมองของประชาชนจะรับได้หรือไม่ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่กำลังก่อตัวแล้วจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจหากเกิดขึ้น
พท. แซะ 'บิ๊กป้อม' เป็นภาระประชาชน บี้ 'บิ๊กตู่' มีสำนึกลาออกก่อนศาลวินิจฉัย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7230905
เพื่อไทย เย้ยสภาพ “บิ๊กป้อม” คือภาระประชาชน จี้ “ประยุทธ์” มีสำนึกรับผิดชอบ ลาออกก่อนศาลวินิจฉัย ลั่น ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ 3 ป.ต้องพอแค่นี้
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2565 น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องฝ่ายค้านปมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมมีมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาการนายกฯ แทน ว่า ประเทศไทยเหมือนตกอยู่ในสภาวะหนีเสือปะจระเข้ ไม่หลุดพ้นจากการครอบงำของกลุ่มอำนาจ 3 ป. ได้เลย
น.ส.ชญาภา กล่าวต่อว่า การมี พล.อ.ประวิตร รักษาการนายกฯ ไม่ต่างจากพาประเทศเดินถอยหลังเข้าคลองอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์และวิกฤตรอบด้านที่ท้าทาย ความเชื่อมั่นและความสามารถของผู้นำประเทศเป็นคุณสมบัติสำคัญ ที่จะนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตที่รุมเร้าไปได้ โดยเฉพาะการประชุมเอเปกที่จะมีขึ้นในเดือนพ.ย.
“พล.อ.ประวิตรไม่ได้อยู่ในสภาพหรือมีความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมได้ เกรงว่าอาจจะกลายเป็นภาระให้กับประชาชนและคนรอบข้างแทนหรือไม่ ทั้งสภาพร่างกายภายนอก และความรู้ความสามารถในการบริหารงานราชการแผ่นดิน เชื่อว่าคนไทยคงไม่ต้องการเห็นผู้นำของตัวเองอยู่ในสภาพที่ต้องมีคนประคอง หรือพยุงมารับแขกบ้านแขกเมืองบนเวทีระดับโลกแน่” น.ส.ชญาภา กล่าว
น.ส.ชญาภา กล่าวต่อว่า หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยได้ ตรงกันข้ามกลับยิ่งสร้างข้อกังขาและนำไปสู่คำถามตามมาอีกมากมายว่า สรุปแล้วประเทศไทยจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน การหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวของพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ ไม่เพียงพอต่อข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนยืนยันจากผลสำรวจของเครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน 8 มหาวิทยาลัย ร่วมกับ 8 สื่อ ในเรื่อง 8 ปีเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปี คิดเป็น 93.17%
น.ส.ชญาภา กล่าวอีกว่า ดังนั้น หากมีสำนึกรับผิดชอบมากพอ ก็ไม่ควรอยู่รอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ หรือรอให้ใครมาบอก ควรใช้สามัญสำนึกและมีความเกรงกลัวที่จะกระทำผิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศบ้าง ควรตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ทันที เพื่อเปิดทางให้รัฐสภาได้เดินหน้าเลือกนายกฯ จากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ให้ประเทศได้มีผู้นำที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานตามวิถีทางประชาธิปไตย
“ประเทศชาติเสียเวลามามากพอแล้ว เราช้าและล้าหลังไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ 3 ป.ต้องพอแค่นี้ การมีพล.อ.ประวิตร รักษาการแทน ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมวิกฤตประเทศ ที่ไม่สามารถก้าวพ้นจากกับดักเผด็จการสืบทอดอำนาจไปได้แม้แต่น้อย” น.ส.ชญาภา กล่าว